- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 October 2021 16:55
- Hits: 6997
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-10-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 7 ตุลาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
ราคาพลังงานเริ่มย่อตัว
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “EPG, WORK”
EPG
คาดกำไรช่วง กค.-กย. ที่ 415 ล้านบาท +35%YoY และแนวโน้มปี 65 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แรงหนุนจากการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP ผสานกับราคาหุ้นอ่อนตัวลงทำให้ซื้อขาย P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดีที่ 3.7%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 15 บาท
WORK
คาดเม็ดเงินโฆษณาในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวขึ้น และแนวโน้มของ Content น่าจะดีขึ้นหลังผ่านพ้นช่วง COVID ผสานกับการควบคุมต้นทุนได้ดี หนุนความสามารถในการทำกำไรเด่น กระแสเงินสดเป็นบวก ไม่มีภารเงินกู้ และการ IPO ของ ONE คาดจะเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมสื่อมากขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25 บาท
INVESTMENT THEME
ราคาพลังงานเริ่มย่อตัว : ราคาพลังงานที่ดีดขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีการย่อตัวลงทั้งราคาก๊าซสหรัฐฯ ที่วานนี้ลดลง -10%DoD ตอบรับถ้อยแถลงของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียที่เตรียมจะเข้าช่วยเหลือสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงราคาถ่านหินนิวคาสเซิล ปรับลดลง -10%DoD เช่นกัน ส่วนทางด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง -1.8%DoD คาดจะเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นพลังงาน จึงแนะเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ภาคแรงงานสหรัฐฯเติบโตดี : สหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ประจำเดือนกันยายน ขยายตัวขึ้น 5.68 แสนตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยปรับเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.74 แสนตำแหน่ง และดีกว่าคาดที่ 4.3 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ภาคแรงงานของสหรัฐฯขยายตัวดี ดังนั้นจึงคาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ก็น่าจะเติบโตดีเช่นกัน
เพิ่มโอกาสในการลด QE พ.ย. นี้ : จากตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นเด่น คาดเพิ่มโอกาสให้ FED ตัดสินใจปรับลดวงเงิน QE ลงราว 1.5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน จากระดับวงเงินปัจจุบันที่ 1.2 แสนล้านเหรียญ ในการประชุม FED วันที่ 2-3 พ.ย. นี้ ประเด็นดังกล่าวเป็นแรงหนุนให้ Dollar Index ปรับตัวขึ้น รวมถึง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ก็ดีดขึ้นเหนือระดับ 1.5% เช่นกัน
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว สอดคล้องกับตลาดภูมิภาค แรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้น โดย SET ปิดที่ 1,619.48 (-4.76 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 98 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 89 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,263 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 181 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่
EYES ON
7 ต.ค. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย
8 ต.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร US, อัตราการว่างงาน US, ดัชนี Caixin PMI ภาคบริการของจีน
AEON Thana Sinsap (AEONTS TB)
รับอานิสงส์จากการเปิดเมือง
BUY
Share Price THB 193.50
12 m Price Target THB 250.00 (+29%)
Previous Price Target THB 260.00
ผู้รับผลประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เราคาดว่าอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงต่อวันจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายผ่านบัตรในไตรมาส 4/64 เราชอบ AEONTS เนื่องจากมีการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงที่ 12.6% และ NPL coverage 243% ในไตรมาส 2/64 เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64-65 ลง 3-4% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวและการตั้งสำรองครั้งเดียวใน 2Q64 คงคำแนะนำ ซื้อ และลดราคาเป้าหมายเป็น 250 บาท (จาก 260 บาท) บน P/BV ปี 64 ที่ 3.2 เท่า PER 16 เท่า และ ROE 21% ความเสี่ยงที่สำคัญคือการเสื่อมคุณภาพสินทรัพย์และการเติบโตของรายได้ที่อ่อนแอ
คาดรายได้และกำไรจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง 64
เรามีมุมมองเชิงบวกหลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารเมื่อวานนี้ AEONTS มองว่าการดำเนินงานโดยรวมจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง 64 หนุนโดยกิจกรรมเศรษฐกิจที่กลับมา เราคาดว่ารายรับจะเพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นและความต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลที่สูงขึ้น AEONTS ยังคงเป็นมองบวกต่อการดำเนินงานใน CLMV และคาดว่าการดำเนินงานในกัมพูชาและเมียนมาร์จะค่อยๆ ดีขึ้น
ต้นทุนสินเชื่อลดลงและหนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง 64
CFO เผยกันสำรองน่าจะกลับสู่ภาวะปกติประมาณ 1.4 พันล้านบาทต่อไตรมาสในครึ่งปีหลัง 64 โดย AEONTS ได้ตั้งสำรอง 2 พันล้านบาทในไตรมาส 2/64 เนื่องจาก (1) การล็อกดาวน์ในเดือนก.ค.-ส.ค. (2) การเร่งตัดหนี้สูญเพื่อรับผลประโยชน์ทางภาษี และ (3) ตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับการดำเนินงานในเมียนมาร์ ผู้บริหารมั่นใจว่าคุณภาพสินทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเห็นอัตราการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้นในเดือน ก.ย. 64 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากหนี้สูญได้รับคืนจะเพิ่มขึ้นเป็น 700-750 ล้านบาทใน ครึ่งปีหลัง 64 จาก 638 ล้านบาทในครึ่งปีแรก 64
โอกาสสูงในการชิงส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อนอกระบบ
เราเห็นผู้เล่นใหม่จำนวนมากในสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและสินเชื่อนาโน เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรสูงและโอกาสมากมายที่จะเติบโต เนื่องจากผู้มีรายได้ต่ำส่วนใหญ่พึ่งพาการปล่อยกู้ในตลาดสีเทา (มากกว่า 1 ล้านล้านบาท) บริษัทฯ ประเมินว่าปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จคือการเก็บหนี้ และการจัดการต้นทุนและอัตราการเรียกเก็บสำหรับผู้เล่นใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64-65 ลง 3-4% เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวและการตั้งสำรองครั้งเดียวใน 2Q64
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
Eastern Polymer Group (EPG)
กำไร 2Q64/65 จะโตต่อ แม้ไม่ทำนิวไฮ
BUY
Share Price THB 11.20
12 m Price Target THB 15.00 (+34%)
Previous Price Target THB 15.00
ประเด็นการลงทุน
คาด2Q64/65กำไร 415 ล้านบาท โตจากปีก่อนต่อ แม้ไม่ทำนิวไฮตามที่คาดหวัง จากมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับ Covid-19 แนวโน้มผลประกอบการปี 2564/65 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แรงหนุนการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP ราคาหุ้นอ่อนตัวลงทำให้ซื้อขาย P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 3.7% เราคงแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 15 บาท
คาด2Q64/65กำไร 415 ล้านบาท โตจากปีก่อนต่อ แม้ไม่ทำนิวไฮ
เราคาดผลประกอบการ 2Q64/65 (ก.ค.-ก.ย. 2564) จะมีกำไร 415 ล้านบาท ยังเติบโตจากปีก่อน 35%YoY แม้ว่าจะชะลอตัวตัวลงจากไตรมาสก่อน -7%QoQ ไม่ทำนิวไฮตามที่คาดหวัง ซึ่งในไตรมาสนี้จะมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับ Covid-19 เช่น Bubble and Seal ประมาณ 10-15 ล้านบาท ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดจะเพิ่มเป็น 583 ล้านบาท (+3%QoQ, +22%YoY) โดยยอดขายคาดจะเติบโตต่อ 2,984 ล้านบาท (+2%QoQ, +28%YoY) แรงหนุนจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) มีการออกโปรโมชั่นและแคมเปญกระตุ้นยอดขาย และ ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) ยังมีโมเมนตัมดีต่อ ส่วน ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) ถูกกระทบล็อกดาวน์ ปัญหาในการขนส่งทำให้ชะลอตัวเล็กน้อย ส่วน อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย32.0% จาก32.8%ในไตรมาสก่อน แต่ดีขึ้นจากปีก่อน30.2%
แนวโน้ม ปี2564/65 จะทำสถิติสูงสุดต่อ คงประมาณการ
ธุรกิจของ EPG ทั้งสามธุรกิจ มีแนวโน้มจะเติบโต คือ 1) ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) ตั้งเป้าจะเติบโต 10-12% โดยเฉพาะสหรัฐเติบโตสูง ขยายกำลังการผลิตเท่าตัว 2) ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) ตั้งเป้าจะเติบโต 20-23% แรงหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในต่างประเทศ และ 3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) ตั้งเป้าหมายจะเติบโต 5-8% มีการออกโปรโมชั่นและแคมเปญเพิ่ม โดยอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะรักษาระดับที่ 32% โดยครึ่งปีหลังจะมีโมเมนตัมดีขึ้นจากครึ่งปีแรกจากความต้องการที่อั้นมาในช่วง Covid-19 ระบาด เราคงประมาณการคาดยอดขายปี 2564/65 เท่ากับ 11,697 ล้านบาท โต 22% และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,652 ล้านบาท โต 36% ประมาณการของเรายังค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเพราะ ยอดขายและกำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็นสัดส่วน 51%-52% ของประมาณการทั้งปี
หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย คงแนะนำ ซื้อ
ราคาหุ้น EPG อ่อนตัวลดลงทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E 19.0 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ย 19.4 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.7% เราประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (WACC 8%, LTG 3%) ได้เท่ากับ 15 บาท คงแนะนำ ซื้อ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
PTT Exploration & Production (PTTEP TB)
ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นหนุนกำไร 3Q64
BUY
Share Price THB 122.20
12 m Price Target THB 157.00 (+22%)
Previous Price Target THB 157.00
กำไรไตรมาส 3Q64 ดีกว่าคาดเล็กน้อย
เราประมาณการกำไรหลัก 3Q64 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท (-1% QoQ, +78% YoY) กำไร 9M64 คิดเป็น 72% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ของเรา ผลประกอบการ 3Q64 ดีกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยจากปริมาณและราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่สูงขึ้น ปริมาณขายไตรมาส 3/64 ลดลง 6.5% QoQ มาอยู่ที่ 414KBOED (คาด 405KBOED) เนื่องจาก PTT GSP (#6) ปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ (26 วัน) แหล่งบงกชและอาทิตย์ก็ปิดซ่อมบำรุง 18 และ 7 วันในช่วงไตรมาสดังกล่าว ขณะที่ ASP เพิ่มขึ้น 5% QoQ เป็น 44.4 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลใน 3Q64 จากราคาก๊าซเพิ่มขึ้น +3% แตะ 5.76 เหรียญสหรัฐฯ/mmbtu และราคาก๊าซเหลวเพิ่มขึ้น +9% แตะ 70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 8% QoQ เป็น 29.4 เหรียญสหรัฐฯ/BOE สูงกว่าคาดไว้ที่ 28-29 เหรียญสหรัฐฯ/BOE จากค่าใช้จ่ายในการสำรวจที่สูงขึ้น (45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากตัดจำหน่ายแหล่ง Zawtika และ PM415) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ขาดทุนป้องกันความเสี่ยงน้ำมันประมาณ 48 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 130 ล้านเหรียญสหรัฐใน 2Q64 จะมีประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 29 ต.ค.นี้
ASP มีอัพไซด์จากวิกฤตพลังงาน
Brent ซื้อขายที่ USD82.6/bbl เฉลี่ยอยู่ที่ 69 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล YTD สูงกว่าที่เราประมาณการที่ 65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และ PTTEP ประเมินไว้ที่ 67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ทุกๆ USD1/bbl (ทั้งปี) จะเพิ่ม กำไรประมาณ 1.3% คาดการณ์ราคาก๊าซไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 5.7-5.8 เหรียญสหรัฐ/mmbtu แต่มีอัพไซด์ เนื่องจากสัญญาซื้อขายน้ำมันส่วนใหญ่มีการปรับทุกๆ 6 เดือน (ครั้งต่อไปใน ต.ค.) สมมติฐานราคาก๊าซในปี 64 อยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐฯ/mmbtu ทุกๆ ราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นทุก USD0.1/mmbtu จะเพิ่มกำไรประมาณ 2% ทั้งนี้ ความต้องการใช้ก๊าซและถ่านหินจะสูงที่สุดในช่วงฤดูหนาว ดังนั้น คาดว่าแรงกดดันด้านราคาจะสูงขึ้น ตลาดคาดความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น 500kbpd ในไตรมาส 4/64 เนื่องจากบริษัทสาธารณูปโภคเปลี่ยนจากก๊าซเป็นน้ำมัน ผลจากฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันดิบหลังเหตุโควิดระบาด โครงสร้างพื้นฐานน้ำมันไม่ตึงตัวเท่าก๊าซ เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ คงเป้าเพิ่มกำลังผลิต 400kbpd/เดือน พร้อมกำลังสำรองเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
เน้นหุ้นพลังงาน จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
ตลาดเริ่มกังวลว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะส่งแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ สินค้าโภคภัณฑ์น่าจะเป็นกลุ่มที่พิชิตปัญหาเงินเฟ้อได้ดี ราคาพลังงานที่สูงอย่างต่อเนื่องอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจสะดุดลง (วิกฤตน้ำมันในปี 1973,1979, 1990, 2008) ส่งผลเสียต่อปริมาณ อย่างไรก็ตาม PTTEP จะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากจะยังคง ASP ให้อยู่ในระดับสูงตั้งแต่เนิ่นๆ ในขณะที่ปริมาณชะลอตัวอาจค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากอุตสาหกรรมแบกรับภาระต้นทุน ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการระบาดของ Covid19 สูงสุด ปริมาณขายของ PTTEP ใน 2Q63 ลดลง 10% QoQ แต่ปรับตัวดีขึ้น QoQ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
คงแนะนำ ซื้อ PTTEP หุ้นเด่นของเรา
PTTEP ยังคงเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธุรกิจนี้ โดยเป็นองค์กรที่พึ่งพาน้ำมันดิบมากที่สุดในกลุ่ม คาดว่าวิกฤตพลังงานโลกจะยังคงอยู่ในระดับสูงในไตรมาส 4/64 (ฤดูหนาว) ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น รวมถึงน้ำมันดิบ วิกฤตพลังงานในปัจจุบันบ่งชี้ว่าความผันผวนจะเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากประเทศต่างๆ พยายามบริหารจัดการอุปสงค์และอุปทานสู่การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ในระยะสั้น คงแนะนำ ซื้อ และคง TP ที่ 157 บาท (P/E ปี 64 ที่ 14.5, 0.5SD)
Kaushal Ladha, CFA, CESGA
(66) 2658 5000 ext 1392
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ