- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 October 2021 22:07
- Hits: 9254
บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 4-10-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 4 ตุลาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
ราคาพลังงานยังอยู่ในระดับสูง
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,590 จุด และแนวต้าน 1,615 จุด เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี โดย ATO Picks
TOP
ความต้องการใช้พลังงานยังอยู่ในระดับสูง ทั้งจากการเปิดประเทศ, การเข้าสู่ช่วงปลายปีซึ่งมีการใช้พลังงานที่สูง ในขณะที่อุปทานเข้าสู่ภาวะขาดแคลน ซึ่งคาดจะหนุนให้ทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ รวมถึง ค่าการกลั่นจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ และกลุ่มโรงกลั่น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
NER
คาดกำไรปกติ 3Q64 แข็งแกร่งที่ระดับ 521 ล้านบาท (+159.6%YoY) ทำสถิติใหม่เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน และมีโอกาสในการ rerating ด้วยการยก P/E ratio สูงขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ โดยได้เริ่มทยอยติดตั้งเครื่องจักรแล้ว ซึ่งตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายในช่วง 1Q65
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.0 บาท
INVESTMENT THEME
ภาคการผลิต US ดี แต่เงินเฟ้อยังสูง : สหรัฐฯรายงานดัชนี ISM ภาคการผลิตประจำเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 61.1 จุด จาก 59.9 และดีกว่าคาดที่ 59.5 จุด สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มจิตวิทยาเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดีในส่วนของเงินเฟ้อ US PCE ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ 4.3%YoY สูงสุดในรอบ 30 ปี ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆในสัปดาห์นี้ของ US แนะติดตาม 1) ดัชนี PMI, ISM ภาคบริการ 2) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ โดยตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นราว 4.7 แสนตำแหน่ง
ราคาพลังงานยังอยู่ในระดับสูง : ภาพระยะสั้นราคาพลังงานทั้ง น้ำมัน, ก๊าซ, ถ่านหิน ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากความต้องการที่ปรับตัวขึ้นเด่นจากการเปิดประเทศ และการเข้าสู่ช่วง High Season ผสานกับภาวะอุปทานที่ขาดแคลน ซึ่งคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งจีน ที่ประสบปัญหาเรื่องพลังงานค่อนข้างหนัก คาดนำไปสู่ภาคการผลิตที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี, ยานยนต์ อีกทั้งต้องระวังทางด้านอุตสาหกรรมเดินเรือ ที่มีโอกาสกระทบต่อรายได้ในระยะสั้นได้เช่นกัน
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อก่อนฟื้นตัว แรงกดดันจากปัจจัยภายนอกขณะที่ยังคงโมเมนตัมบวกภายในหนุนตลาดฟื้นตัว โดย SET ปิดที่ 1,605.17 (-0.51 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 76 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 91 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,626 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 644 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 4,11
EYES ON
4 ต.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ของ US, ประชุม OPEC
5 ต.ค. ดุลการค้า US, PMI ภาคบริการ ของ US และยูโรโซน, ISM ภาคบริการของ US, เงินเฟ้อไทย
6 ต.ค. การจ้างงานภาคเอกชน ของ US
7 ต.ค. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย
North East Rubber (NER)
กำไรก็ดี, ปลายน้ำก็มา
BUY
Share Price THB 7.80
12 m Price Target THB 9.00 (+15%)
Previous Price Target THB 9.00
ประเด็นการลงทุน
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 9.00 บาท/ หุ้น อิง P/E 8.0 เท่าตามเดิม โดยในระยะสั้นทิศทางกำไรปกติไตรมาส 3/64 ยังคงสดใส จะเติบโตถึง +159.6% YoY และคาดจะเป็นสถิติใหม่ไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่โอกาสในการ rerating ด้วยการยกระดับ P/E ratio สูงขึ้น เริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังโครงการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ปลายน้ำในยอดขายรวม บริษัทได้เริ่มทยอยติดตั้งเครื่องจักรแล้ว ตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายใน 1Q65
คาดกำไรทำสถิติใหม่อีกแล้ว
เราคาด NER จะรายงานกำไรปกติ 521 ลบ. +10.7% QoQ +159.6% YoY เป็นสถิติใหม่ติดต่อกัน 4 ไตรมาส ผลักดันจากปริมาณขายผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปคาด 1.25 แสนตัน +7.6% QoQ +17.6% YoY ซึ่งได้มีการกำหนดราคาส่งมอบไว้ก่อนหน้าแล้วในจังหวะราคายางเป็นขาขึ้น ทำให้เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทำได้ดี 12.6% พอๆกับไตรมาสก่อน ขณะที่การเปลี่ยนเทอมการขายเป็น FOB ทำให้ช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดจะลดลงมาเป็น 1,930 บาท/ ตัน ลดลง -8.4% QoQ แต่ยังสูงกว่าปีก่อน 46.4% จากขนาดการขายส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดีแม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าเฉลี่ย 5.0% QoQ ทำให้ NER ต้องบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดที่ราว 80 ลบ. ทว่าบรรทัดกำไรสุทธิยังทำได้ดีคาด 441 ลบ. +0.6% QoQ +189.7% YoY ซึ่งเป็นสถิติใหม่เช่นกัน
ธุรกิจปลายน้ำ “แผ่นรองนอนวัว” พัฒนาการมาต่อเนื่อง
ผู้บริหารเผยว่า กำหนดการมีรายได้ครั้งแรกยังเป็น 1Q65 ตามเดิม โดยเครื่องจักรทยอยเข้ามาติดตั้งแล้ว โดยเราแนะให้นักลงทุนติดตามธุรกิจปลายน้ำนี้เป็นสำคัญ เพราะแม้ว่าในประมาณการของเราปี 2565 จะมีสัดส่วนเพียง 3% แต่มองได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะจะช่วยลดความต้องการเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากแก่ NER และ มีตลาดที่ใหญ่ทั่วโลก และยังให้อัตรากำไรสุทธิสูงระดับ 15-25% เทียบกับธุรกิจยางกลางน้ำปัจจุบัน 7% อีกด้วย ซึ่งเหล่านี้จะทำให้ทิศทางผลกำไรจะมีความสม่ำเสมอ และเติบโตได้ในระยะยาว ส่งผลดีต่อโอกาสในการ rerate P/E เป้าหมายขึ้นได้ในอนาคตอีกด้วยจาก P/E เป้าหมายในปัจจุบันที่ 8.0 เท่า
ความเสี่ยง
ราคายาง ก.ค.-ก.ย. ได้อ่อนตัวลงมา 5% จากการเตรียมเข้าสู่ช่วงหยุดยาวของจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ NER ทำให้การกำหดราคาขายเพื่อส่งมอบในช่วงไตรมาส 4/64 นั้น มาร์จิ้นอาจได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่มองว่าเป็นประเด็นระยะสั้น ในภาพใหญ่อุปสงค์ยังคงสูงกว่าอุปทาน ทำให้ผู้ประกอบการอย่าง NER ยังคงได้รับประโยชน์ต่อไป
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ