- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 14 November 2014 21:21
- Hits: 1756
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวเด่น 15.18 จุด มาปิดที่ 1,577.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,144 ล้านบาท โดยหุ้น Big Cap เริ่มฟื้นตัวนำตลาดในภาพรวม
ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 412 ล้านบาท แต่กลับ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 4,177 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long หลัง S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index มากถึง 3.91 จุด ส่วนตลาดตราสารหนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 590 ล้านบาท ภาพรวมเงินทุนต่างชาติยังคงเป็นกลางถึงบวกในความเห็นของเรา
ทิศทางการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์ เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,570-1,580/85 จุด โดยหุ้น Big Cap จะฟื้นตัวต่อเนื่องในความเห็นของเรา เพื่อเก็งกำไรต่อการประกาศ GDP ใน 3Q57 ของไทยเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ไม่ว่าจะออกมาส่งสัญญาณฟื้นตัวในอัตราเร่ง หรือออกมาต่ำกว่าคาด เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะขยับขึ้นทดสอบและยืนเหนือ 1,590 จุดได้ในที่สุด พร้อมเก็งกำไรต่อการแถลงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี โดยรมว.คมนาคม ในการประชุม ครม.วันอังคารหน้า
ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก เราประเมินว่าจะแกว่งในกรอบแคบ ลดความหวือหวาลง เพื่อรอดูมาตรการควบคุมที่จะมีการหารือและประกาศมาตรการเพิ่มเติมในวันที่ 19 พ.ย.
ภายใต้กระแสเงินทุนต่างชาติที่ทยอยสะสมหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณกลางถึงบวก และปิดความเสี่ยงในภาพรวมของ SET INDEX
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “เก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหุ้นที่ผ่านจุดต่ำสุดของผลการดำเนินงานแล้ว”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “สะสม” VGI พร้อมแนะนำ “ขายทำกำไร” SPCG
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Accumulative Buy: VGI
Profit-taking: SPCG
Action and Stock of the Day
SET INDEX กลับมาปิดยืนเหนือ 1,570 จุด อีกครั้ง
คาด SET INDEX วันนี้ยังไม่น่าผ่าน 1,590 จุด พร้อมแรงขายทำกำไรระยะสัปดาห์มากขึ้น
ขณะที่หุ้น Big cap ฟื้นตัว เงินทุนต่างชาติสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบวก
หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตเด่น ได้แก่ IFEC/ MFEC
กลยุทธ์การลงทุน ทยอยสะสมหุ้น Big Cap หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุด ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวก – ลบ สลับกันไป เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
สำหรับตลาดหุ้นไทย เปิดย่อตัวลงทดสอบแนวรับ 1,555 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound นำโดยหุ้นหลัก PTT พร้อมกับการฟื้นตัวของกลุ่มธนาคาร และ ICT อย่าง SCB / BBL / ADVANC / TRUE เป็นต้น ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก แกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูมาตรการในวันที่ 19 พ.ย. ปิดในภาพรวม SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,570 จุดได้อีกครั้ง บวกทั้งสิ้น 15.18 จุด มาอยู่ที่ 1,577.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,144 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกดีที่สุด ได้แก่ กลุ่ม Home +4.03%, กลุ่มขนส่ง +1.66% และกลุ่มพลังงาน +1.61% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.73%, กลุ่มอสังหาฯ +1.08% และกลุ่ม ICT +1.50%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.13 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่ Kospi เปิดลดลง จากความกังวลด้านเศรษฐกิจ เมื่อค่าเงินเยนอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเกาหลีใต้
SET INDEX วานนี้กลับมาปิดยืนเหนือ 1,570 จุดได้อีกครั้ง พร้อมกับการกลับมาสะสมหนาแน่นของสถาบันภายในประเทศ พร้อมกับนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ Downside risk ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เป็นไปอย่างจำกัด เพียงแต่แนวต้านด่านสำคัญ 1,590 จุด ยังไม่น่าผ่านในวันนี้ เนื่องด้วยเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ นักลงทุนบางส่วนอาจต้องการลดพอร์ตการลงทุน เพื่อปิดความเสี่ยงในตัวเลข GDP ใน 3Q57 ของไทย ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 พ.ย. นี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เอื้อต่อการเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทย เราให้น้ำหนักกับตัวเลข GDP ใน 3Q57 ที่สศค.จะประกาศในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 พ.ย.นี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus คาด +1.9% qoq และ 1.1% yoy เร่งขึ้นจาก GDP ใน 2Q57 เติบโต 0.4% qoq และ 0.9% yoy หาก
•หาก GDP ใน 3Q57 ออกมาขยายตัว qoq และ yoy ในระดับใกล้เคียงกับ 2Q57 อาจสร้างกระแสต่อการเก็งกำไรในเชิงบวกว่า
oรัฐบาล อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 ตามมา จับตาการประชุม ครม. วันอังคารที่ 18 พ.ย. รมว.คลัง อาจเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ต่อครม.เพื่อพิจารณา และให้ดำเนินการได้ทันในต้นเดือนธ.ค.
oและ/หรือ กนง.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน เป็น 1.75% จากปัจจุบัน 2.00% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ซึ่งการประชุมนัดสุดท้าย วันที่ 17 ธ.ค.
MBKET ให้น้ำหนักกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในกรณีนี้ ซึ่งเท่ากับว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค / การลงทุนภายในประเทศจะได้อานิสงค์เชิงบวกต่อการเก็งกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่ม ICT
•แต่หาก GDP ใน 3Q57 ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจาก 2Q57 ย่อมเป็นการยืนยันต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นใน 4Q57
MBKET ประเมินว่า หากเกิดในกรณีนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จะกลับมาเป็นบวก และพร้อมกระจายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดกรณีที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ หรือ กรณีที่ออกมาส่งสัญญาณเชิงลบ เราเชื่อว่าเงินทุนจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รอทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย ผลักดันให้ SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และให้น้ำหนักที่จะทะลุแนวดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้
ดังนั้นการปรับแผนการลงทุนเพื่อตอบรับกับประเด็นเด่นในสัปดาห์หน้า นักลงทุน อาจรอขายทำกำไรในหุ้นที่เก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 3Q57 และปรับพอร์ต เข้าหาหุ้น Big Cap เพื่อดักกระแสเงินทุนทั้งจากสถาบันภายในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ เน้นหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร, กลุ่ม ICT, กลุ่มอสังหาฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
•ดัชนี MSCI Thailand:
i.เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii.ออก: ไม่มี
•ดัชนี MSCI Global Small Cap
i.เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii.ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศ
•การประกาศ GDP ใน 3Q57 ของไทย วันจันทร์ที่ 17 พ.ย. ก่อนเปิดตลาดรอบเช้า
•การประชุม ครม. วันอังคารที่ 18 พ.ย. ประเด็นที่น่าสนใจติดตามได้แก่
i.การแถลงแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี
ii.การเสนอร่างแผนลงทุนร่วมระหว่าง รัฐบาลไทย – จีน ในโครงการรถไฟรางคู่ 1 เส้นทาง มูลค่า 1.0 แสนล้านบาท
iii.ร่างกฎหมายภาษีมรดก
iv.อาจ เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ฉบับที่ 2 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเลข GDP ใน 3Q57 วันจันทร์
•กิจกรรมด้านการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์
i.การโรดโชว์วันที่ 19-21 พ.ย. ที่มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง
ii.งาน SET in the City วันที่ 20-23 พ.ย.
•การซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และ ตลาดหุ้นฮ่องกง เริ่มวันที่ 17 พ.ย.
•ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในต่างประเทศ ได้แก่ ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตฯ ของจีน, คำสั่งซื้อเครื่องจักร และผลผลิตภาคอุตฯ ของญี่ปุ่น, ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตฯ ของสหรัฐฯ, อัตราเงินเฟ้อ ดุลการค้า และ GDP ใน 3Q57 ของอียู
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.49 14.09 16.32 13.95
PSE 20.29 17.55 20.41 17.66
JSE 16.57 14.15 16.55 14.13
KOSPI 12.86 10.48 12.91 10.32
TAIEX 14.14 13.02 14.02 12.90
Straits Time 14.41 13.34 14.29 13.24
SHCOMP 10.14 9.03 10.16 9.05
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.VGI : ราคาปิด 11.70 บาท ราคาเหมาะสม 20.80 บาท
a)The Nielsen รายงานตัวเลขอุตสาหกรรมโฆษณา เดือน ต.ค. กลับเข้าสู่ทิศทางขยายตัว +3.2% mom และสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media) ฟื้นตัวโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม โดยเพิ่มขึ้น +7.3% mom
b)MBKET ประเมินว่าเป็นบวกต่อ VGI เนื่องจากเป็นผู้นำธุรกิจสื่อนอกบ้าน ทั้ง สื่อในระบบขนส่ง, สื่อในห้าง และ สื่อกลางแจ้ง ดังนั้น การขยายตัวของเม็ดเงินโฆษณาคาดว่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อผลประกอบการของบริษัท และส่งผลให้ราคาหุ้นฟื้นตัว
c)และการเซ็นสัญญาบริหารพื้นที่โฆษณา Non Sale Floor กับ Tesco Lotus จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ มี.ค. 2558 เชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดคลายกังวลหลัง Tesco Lotus ไม่ต่อสัญญาพื้นที่โฆษณา Sale Floor กับ VGI เนื่องจากรายได้การบริหารพื้นที่โฆษณาระหว่าง Non Sale Floor กับ Sale Floor ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
d)ราคาหุ้น VGI มี Downside Risk ที่ค่อนข้างจำกัด หลังปรับตัวลง -13.3% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ BEC +5.3%, MCOT -5.3%, MAJOR +7.6% และกลุ่มสื่อ +0.4%
e)คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558/2559 เติบโต 29.9% yoy เป็น 1,872 ล้านบาท และกำไรเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (CAGR) สูงถึงปีละ 29% ผลักดันให้ ROE เพิ่มขึ้นจาก 64% ในปี 2557/2558 เป็น 73% ในปี 2559/2560 และเป็นหุ้นที่มี ROE สูงที่สุดในกลุ่ม Media
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ดัชนี Consumer Sentiment และ ราคานำเข้า – ส่งออก
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 13 อีก US$292 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$38 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 140.1 -117.3 12,727.3 9,188.0
KOSPI 119.7 -21.8 6,068.1 4,875.1
JSE 12.3 174.8 4,229.9 -1,806.4
PSE 12.1 -12.2 786.3 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -5.1 -0.9 173.1 263.2
SET INDEX 12.6 15.4 -418.2 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +412 +505
SET50 Index Futures (สัญญา) -4,177 +560
SSF (สัญญา) +203 +1,101
Metal Futures (สัญญา) +169 +460
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +590 -227
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 412 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 917 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ ลดลงเล็กน้อย เหลือ 15,268 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 4,177 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 7,934 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อทำกำไร เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 10 กว้างถึง 3.91 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เพียง 0.02 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 590 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,387 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย เริ่มลดลงเล็กน้อย ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 0.10bps ปิดที่ 3.024%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 469 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 309 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 202.62 8.83% 387.42
ITD 67.80 11.96% 5.87
IVL 31.53 19.86% 22.28
LH 25.92 13.28% 9.85
TRUE 15.48 0.85% 11.50
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 11 เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร และ พลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 532 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,238 ล้านบาท รวม 12 วันทำการซื้อสุทธิ 13,942 ล้านบาท เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร และพลังงาน ต่อเนื่อง ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ สูงสุดเป็นวันที่ 4 อีก 401 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 566 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 309 ล้านบาท กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ซื้อสุทธิอีก 101 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 90 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 68 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 308 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 43 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SCB 252.34 15.27 INTUCH -113.60 23.26
PTT 181.77 15.45 ADVANC -110.76 17.55
BBL 163.02 34.61 PTTEP -96.48 15.53
SPCG 100.34 9.08 SIRI -85.61 8.32
KBANK 93.36 49.57 KTB -66.95 18.29
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong