WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 27-9-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 27 กันยายน 2564

INVESTMENT STRATEGY

แกว่งขึ้น :

เกาะติด ศบค.ชุดใหญ่

วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด เน้นกลุ่มที่ได้บวกจากการเปิดเมือง โดย ATO Picks แนะนำ “CRC, JMT”

CRC

รับอานิสงส์เชิงบวกต่อโอกาสการเปิดประเทศ ทั้งธุรกิจในต่างประเทศเช่น ห้างฯที่อิตาลีที่กลับมาดำเนินการแล้วในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจในเวียดนามและไทยที่ค่อยๆฟื้นตัว ในขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเทรดที่ EV/EBITDA เพียง 9.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 14.5 เท่า

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40 บาท

JMT

คาดกำไร3Q-4Q64 แข็งแกร่งกว่าตลาด และจะขยายตัวเด่นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยเราประเมินการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 65 ที่ +67%YoY จะสามารถชดเชย Dilution Effect 18% จากการเพิ่มทุนได้ และคาดจะรักษาการเติบโตของ EPS เฉลี่ย (CAGR) 43% ในอีกสามปีข้างหน้า

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 58 บาท

INVESTMENT THEME

เกาะติด ศบค.ชุดใหญ่

ติดตามประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ : สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้แนะติดตามการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีนายกฯ เป็นประธานพิจารณา โดยอาจจะมีหลายประเด็นที่นำเข้าสู่การหารือ นำโดย 1) คาดจะมีการเสนอแผนการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่ต้องกักตัวเริ่มวันที่ 1 พ.ย. 64 ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ), เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ, อ.แม่ริม, อ.แม่แตง, อ.ดอยเต่า), ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และเพชรบุรี (ชะอำ) กระตุ้นภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว 2) มีโอกาสปรับลดระยะเวลาเคอร์ฟิว เป็นช่วง 22:00 – 04:00 น. จากเดิมที่ 21:00 – 04:00 น. 3) อาจมีการเสนอมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ เช่น สปา, โรงภาพยนตร์, ร้านอาหารเล่นดนตรี, โรงเรียนกวดวิชา, การแข่งขันกีฬาหรือสนามกีฬา และพิพิธภัณฑ์ ซึ่งล้วนเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศในช่วงถัดไป

คาดยังแกว่งขึ้น : จากความคาดหวังเชิงบวกต่อพัฒนาการที่ดี่ขึ้นในประเทศ ทั้งด้านการเร่งฉีดวัคซีน, โอกาสในการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมไปถึงการเดินหน้าเปิดประเทศในช่วงถัดไป คาดจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นยังมีโมเมนตัมที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Re-opening play นำโดย กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB), ค้าปลีก (CRC, CPN, GLOBAL)

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET แกว่งขึ้น ตามตลาดภูมิภาคจากการคลายกังงลเล็กน้อยต่อประเด็น Evergrade โดย SET ปิดที่ 1,631.15 (+11.56 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 141 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 79 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 3,787 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,013 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 3,961 สัญญา)

EYES ON

27 ก.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, ประชุม ศบค.ชุดใหญ๋  

28 ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค US

29 ก.ย. การประชุม กนง., ตัวเลขยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน

30 ก.ย. รายงานภาวะเศรษฐกิจรายเดือนของไทย, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, 2Q64 US GDP

JMT Network Services (JMT)

จุดซื้อที่ปลอดภัย

BUY

Share Price               THB 46.75

12 m Price Target     THB 58.00 (+24%)

Previous Price Target THB 58.00

ประเด็นการลงทุน

การปรับโมเดลธุรกิจของสถาบันการเงินจะไม่กระทบต่อธุรกิจบริหารหนี้ฯ มองว่าตลาดหนี้ด้อยคุณภาพ(NPLs) ไม่ใช่เป้าหมายหลัก รวมถึงการเติบโตของ JMT ไม่น้อยกว่า 40% ต่อปีในอีกสามปีข้างหน้าอย่างที่เราและตลาดมองไว้ ราคาหุ้นที่ปรับตัว -5% กลับเป็นโอกาสซื้อในจังหวะ panic sell บนแนวโน้มกำไรฟื้นตัวแบบ “Nike swoosh” ใน 3Q-4Q64 และรับสิทธิ์เพิ่มทุนในราคาที่มีส่วนลด ( 41.50 บ.) และ JMT-W4 พร้อมเดินหน้าทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อปีหน้า

เร็วเกินไปที่จะกังวลสำหรับธุรกิจบริหารหนี้ฯ

เรามองว่าโครงสร้างอุตสาหกรรมฯ จะไม่ถูกเปลี่ยน เนื่องจาก i) ตลาด NPLs (Bad loans) มีสัดส่วนไม่ถึง 4% ของสินเชื่อทั้งระบบการเงิน 16.7 ล้านล้านบาท เราเชื่อว่าการตื่นตัวของธนาคารจะเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อ (Good loans) จากพอร์ตปัจจุบันที่ราว 2-3 ลลบ. และการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ที่อยู่นอกระบบ (Unbanks) ii) การแยกบริษัทบริหารสินทรัพย์ (X AMC) เป็นแนวคิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหาร NPL ในเครือมากกว่าจัดตั้งประมูลซื้อหนี้เสียจากรายอื่น-เข้าเจรจาไกล่เกลี่ย-จัดเก็บหนี้ฯ ซึ่งเป็นลักษณะธุรกิจที่ต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะรูปแบบการติดตามหนี้ด้วยวัฒนธรรมที่ต้องเปลี่ยนไป

ครึ่งปีหลังทิศทางกลับมาดีตามที่ควรจะเป็น

แนวโน้มยอดเก็บเงินสดได้ทำจุดต่ำสุดในเดือน ก.ค. ในช่วงปิดเมือง ขณะมีทิศทางฟื้นตัว MoM ใน ส.ค.-ก.ย. เป็นไปตามความเชื่อมั่นและสภาพคล่องของลูกหนี้ฟื้นตัว จากการเร่งฉีดวัคซีนและทยอยเปิดเมืองได้ ขณะการเริ่มรับรู้รายได้จากที่ใช้ใน 1H64 3.3 พันลบ. เริ่มรับรู้บางส่วน ทำให้ยอดเก็บเงินสดภาพรวมชะลอเพียงเล็กน้อย QoQ แต่กำไรจะเพิ่มขึ้นสวนทางด้วยอัตรากำไร(GPM) เพิ่มขึ้น QoQ จากกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด (FA) เพิ่มขึ้นราว 6 พันลบ. ในเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิ 3Q64 อยู่ในกรอบ 300-320 ลบ. +4%QoQ ,+6%YoY ก่อนกำไรจะก้าวกระโดดอีกครั้งใน 4Q64 ไม่น้อยกว่า double-digit เทียบ QoQ รับภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเต็มที่และการเปิดประเทศช่วงถัดไป  

คงคำแนะนำ ซื้อ บนราคาเหมาะสม 58 บาท

การเติบโตของกำไรแบบก้าวกระโดดเฉลี่ย (3-Yr CAGR) +43% ต่อปี ตามพอร์ตเงินลงทุนที่จะโตเท่าตัวจะเกิดขึ้นหลังกระบวนการเพิ่มทุน (RO) แล้วเสร็จใน พ.ย.-ธ.ค. ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่บน P/E’65 26x สะท้อน PEG 0.6 เท่า เป็นจังหวะสะสมที่ดีเพื่อรับสิทธิ์ฯและเติบโตไปกับ Growth stock ที่มีทั้งศักยภาพ(ประสิทธิภาพ)-ความพร้อม(เงินทุน) บรรจบกับปัจจัยภายนอกเกื้อหนุน (NPL ขาขึ้น) ให้แซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมในอีก 3 ปีข้างหน้า คงคำแนะนำ ซื้อ บนราคาเหมาะสมปี 2565 เท่ากับ 58.00 บ./หุ้น อิง P/E 32.5 เท่า

Thanatphat Suksrichavalit

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1401

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!