WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-9-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 16 กันยายน 2564

INVESTMENT STRATEGY

แกว่งขึ้น :

กทม.รับต่างชาติ 15 ต.ค.นี้

วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดย ATO Picks แนะนำ “OSP, TOP

OSP

คาดกำไรฟื้นตัวได้เร็วหลังคลายล็อกดาวน์ โดยยอดขายเริ่มมีทิศทางเชิงบวกในช่วงปลายเดือน ส.ค. ผสานกับส่วนแบ่งการตลาดที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเราเชื่อว่า OSP จะเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งจาก Organic business และ M&A อีกทั้งธุรกิจในเมียนมายังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท

TOP

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสะท้อนความต้องการในระดับสูง ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับต่ำ คาดจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ราคา Gasoline, Diesel, Jet fuel จะมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลบวกต่อค่าการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังคาดจะเด่นกว่าครึ่งปีแรก บวกต่อกลุ่มโรงกลั่น

   เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท

INVESTMENT THEME

กทม.รับต่างชาติ 15 ต.ค.นี้

สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงมากกว่าคาด: วานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ ลดลงมากถึง -6.42 ล้านบาร์เรล มากกว่าสัปดาห์ก่อนที่ลดลง -1.53 ล้านบาร์เรล และลดลงมากกว่าคาดที่ -2.74 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงความต้องการน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มที่เร่งตัวขึ้น สอดคล้องกับภาคเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เป็นภาพของการฟื้นตัว ปัจจัยดังกล่าวหนุนราคาน้ำมันดิบโลกแกว่งขึ้น +2.5%DoD เพิ่มแรงเก็งกลุ่มพลังงาน, โรงกลั่น

เปิด กทม.รับต่างชาติ 15 ต.ค.นี้ : วานนี้ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เผยการหารือร่วมกับ กทม. เกี่ยวกับความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ กทม. โดย ณ ปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ กทม. ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้วกว่า 90% แต่หากพิจารณาถึงเข็มที่ 2 จะพบว่ามีราว 37% ที่รับวัคซีนครบ ซึ่งยังคงต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 70% ของประชากร ซึ่งประเมินว่าภายในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ประชากรใน กทม. จะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกินกว่า 70% ทำให้ กทม.จะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยนักท่องเที่ยวเมื่อเข้า กทม. จะไม่ต้องกักตัวในห้องพักทั้ง 14 วันในโรงแรมเหมือนปัจจุบัน และเมื่ออยู่ครบ 14 วันก็จะสามารถเดินทางไปเที่ยวพื้นที่อื่นได้ เป็นรูปแบบเดียวกับ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ส่วนอีก 4 จังหวัด (ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่) ยืนยันพร้อมจะเปิดในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยสรุปประเด็นการเปิดเมืองดังกล่าว ถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อภาคการบริโภค และการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มค่อยๆฟื้นตัวขึ้นในช่วงถัดไป

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET แกว่ง Sideways แม้การขึ้นภาษีสหรัฐฯกดดัน แต่ความคาดหวังเปิดเมืองยังเป็นแรงหนุนสำคัญ โดย SET ปิดที่ 1,628.04 (+4.20 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 73 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 84 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 667 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 744 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 595

EYES ON

16 ก.ย. ยอดค้าปลีกของ US, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US

17 ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค US, ดัชนี CPI ของยูโรโซน, การปรับ FTSE Rebalancing

Osotspa (OSP)

ยังแข็งแกร่งแม้ตลาดชะลอ

BUY

Share Price                 THB 35.00

12 m Price Target       THB 45.00 (+29%)

Previous Price Target THB 45.00

ประเด็นการลงทุน

เราแนะนำ ซื้อ OSP ราคาเป้าหมาย (DCF) 45 บาท โดยคาดว่าบริษัทจะฟื้นตัวได้เร็วหลังจากคลายล็อกดาวน์ ยอดขายเริ่มมีทิศทางเชิงบวกในปลายเดือน ส.ค. อีกทั้งแม้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังและ Functional drink หดตัวลงในช่วงล็อกดาวน์แต่ OSP ยังมียอดขาย Outperform ตลาดโดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นด้วยจุดแข็งจากการเป็นผู้นำตลาดที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถูกชดเชยด้วยโครงการ Fit Fast Firm เรายังเชื่อว่า OSP จะเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งจาก Organic business และ M&A อีกทั้งธุรกิจในเมียนมามีโอกาสเติบโตอีกมาก

ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง และ Functional drink

แนวโน้มกำไร 3Q64 ชะลอลงจากการล็อกดาวน์ในไทยและโลว์ซีซั่นในเมียนมา อย่างไรก็ดี เราคาดว่า OSP จะทำยอดขาย Outperform ตลาด เหมือนในช่วงล็อกดาวน์ปีก่อน เนื่องจากมีแแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง และ Functional drink วิตามินซี เป็นอันดับหนึ่งและทิ้งห่างคู่แข่งค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสในการขายได้มากกว่าคู่แข่ง เนื่องจากร้านค้าจะเลือกสั่งสินค้าที่มั่นใจว่าขายได้มาขาย โดยในเดือน ก.ค. ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังติดลบมากกว่า 10% ขณะที่ OSP ลบน้อยกว่า ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 54.8% ใน 2Q64 เป็น 55.3% โดยส่วนแบ่งตลาดของ M-150 สูงกว่า 40% ซึ่งเป็น All time high ขณะที่ตลาด Functional drink ก็ติดลบมากกว่า 10% แต่ส่วนแบ่งตลาดของ OSP เพิ่มขึ้นเป็น 38.5% จาก 37% ใน 2Q64  

แนวโน้มอัตรากำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดี

อัตรากำไรขั้นต้น 2H64 ยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดีหลังจากต่ำสุดของปีใน 1Q64 ที่มีการปิดเตาหลอมแก้วเพื่อซ่อมบำรุง โดยได้กลับมาเปิดแล้วตั้งแต่ 2Q64 การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบและอลูมิเนียมคาดว่ามีผลกระทบจำกัด เนื่องจากส่วนใหญ่มีการล็อกราคาไว้แล้ว อีกทั้งโครงการ Fit Fast Firm คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายปีนี้ประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น การผลิตเครื่องดื่มในโรงงานที่เมียนมาช่วยทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้น

มีโอกาสเติบโตจากทั้ง Organic business และ M&A

OSP มีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิกว่า 2 พันล้านบาท จึงมีโอกาสลงทุนขยายธุรกิจทั้ง Organic business และ M&A ขณะที่สินค้าเกี่ยวกับกัญชงคาดว่าจะออกขายต้นปีหน้าโดยพัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลยันฮี นอกจากนั้น OSP ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งของเครื่องดื่มชูกำลังในเมียนมายังมีช่องว่างในการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีฐานการผลิตและบริหารโดยชาวเมียนมาซึ่งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเสี่ยง: ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การเพิ่มภาษีเครื่องดื่ม เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ การขยายธุรกิจในต่างประเทศ

Suttatip Peerasub

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1430

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!