- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 September 2021 11:45
- Hits: 1436
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 2-9-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 2 กันยายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
ตัวเลขเศรษฐกิจ US ผสมผสาน
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,643 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “KCE, JMT”
KCE
ยอดขาย 3Q64 จะเร่งตัวขึ้น QoQ จากผลของการปรับราคา และสามารถจัดการปัญหา COVID-19 ไม่ให้กระทบการผลิตได้ดีขึ้น ผสานการขยายกำลังผลิต คาดจะช่วยหนุนรายได้เติบโตใน 4Q64-2565 ราว 20% อีกทั้งค่าเงินบาทที่เริ่มทรงตัวน่าจะเพิ่มจิตวิทยาบวกกลับมาเก็งกำไร
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 85 บาท
JMT
คาดกำไร3Q-4Q64 แข็งแกร่งกว่าตลาด และประเมินการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 65 ที่ +67%YoY จะสามารถชดเชย Dilution 18% จากการเพิ่มทุนได้ และรักษาการเติบโตของ EPS เฉลี่ย (CAGR) 43% ในอีกสามปีข้างหน้า เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 58 บาท (PEG 0.75x)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 58 บาท
INVESTMENT THEME
ตัวเลขเศรษฐกิจ US ผสมผสาน
ตัวเลขภาคแรงงานต่ำคาด : ADP รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน สหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม พบว่าเพิ่มขึ้นเพียง 3.74 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 6.25 แสนตำแหน่ง โดยใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ระดับ 3.26 แสนตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของภาคแรงงานที่อาจโดนปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของเชื้อเดลต้า โดยแนะดัชนีชี้วัคภาคแรงงานที่สำคัญอีกตัว ที่จะรายงานในวันศุกร์ คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 7.25 แสนตำแหน่ง ตัวเลขนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่ FED จะนำมาใช้ประกอบการพิจารณานโยบายทางการเงินในการประชุม FED 21-22 กันยายนนี้
แต่สัญญาณภาคการผลิตแข็งแกร่ง : สหรัฐฯรายงานดัชนี ISM ภาคการผลิต เดือนสิงหาคม ที่ระดับ 59.9 จุด ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 59.5 จุด และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 58.5 จุด ยังคงสะท้อนภาคการผลิตของสหรัฐฯฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น
ส่วนน้ำมันดิบแกว่งกรอบแคบ : แม้ว่าตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกว่า -7.169 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดจะลดลง -3.088 ล้านบาร์เรล แต่ก็ไม่ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบมากนัก เนื่องจากได้แรงกดดันจากที่ประชุม OPEC ที่มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนตุลาคม เป็นไปตามแผนก่อนหน้า
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว โดยมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ หลังปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงก่อนหน้า โดย SET ปิดที่ 1,634.48 (-4.27 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 118 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 118 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 889 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,777 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 11,326 สัญญา)
EYES ON
31 ส.ค.-4 ก.ย. อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี
2 ก.ย. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดุลการค้า US, ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US
3 ก.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร US, อัตราการว่างงาน US, PMI และ ISM ภาคบริการของ US และยูโรโซน
Jay Mart (JMART)
You will never walk alone.
BUY
Share Price THB 40.25
12 m Price Target THB 46.50 (+16%)
Previous Price Target THB 44.50
ประเด็นการลงทุน
‘ไปคนเดียวไปได้ไว…ไปด้วยกันไปได้ไกล’ เรามองเป็นบวกต่อการเข้าร่วมลงทุนของ VGI-U มายังกลุ่มบริษัทฯ คิดเป็นเงินลงทุนร่วม 20,000 ลบ. คาดให้ผลเชิงบวกในรูปแหล่งทุน-ต้นทุนทางการเงินที่ชดเชยหุ้นที่เพิ่มขึ้น (EPS Dilution) ได้ภายในปี 2565 โดยไม่รวมความร่วมมือด้านธุรกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน (ค้าปลีก-การเงิน-สื่อ-โลจิสติกส์) ทำให้กำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด (J-Curve) เราเชื่อว่าดีลนี้จะยกระดับ JMART สู่หนึ่งผู้นำบริการทางการเงินครบวงจรทั้งขาย-ผ่อน-บริหารหนี้ของไทยในไม่กี่ปีข้างหน้า แนะซื้อ ราคาเหมาะสม 46.50 บาท
เกิดอะไรขึ้น ? กระทบอย่างไร ?
VGI และ U ได้เข้าร่วมทุนในรูปแบบ PP สัดส่วน 15% และ 9.9% ตามลำดับ ณ ราคา 30.337 บ./หุ้น คิดเป็นเงินทุนราว 1.04 หมื่นลบ. จะถูกนำไปใช้สิทธิ์สำหรับหุ้นเพิ่มทุน RO ตามสัดส่วน ใน JMT+ SINGER (มี U เพิ่มทุน PP โดยตรงอีก 7 พันลบ.) จากการประเมินของเราทำให้กำไรในปี 65-66 ราว 20-40% จากดอกเบี้ยที่ลดลงและการขยายพอร์ตหนี้ฯ ตอกย้ำภาพของ JMART ที่เป็น Investment company ในจังหวะที่สองบริษัทกำลังเติบโตมากกว่า 30% ในสามปีข้างหน้า อีกมุมมหนึ่งด้วยเงินทุนที่เพิ่มอย่างก้าวกระโดด จะทำให้ความสามารถแข่งขันของกลุ่มแข็งแรงขึ้นตามฐานะทางการเงิน D/E ลดลงต่ำกว่า 1x พร้อมสำหรับการเติบโตอีกหลายปี
มาพร้อม Synergy ที่อยู่นอกเหนือประมาณการตลาด
นอกเหนือผลประโยชน์ด้านการเงิน เราเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือทางธุรกิจแบบ 360 องศา เช่น i) การใช้ประโยชน์ของ platform ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า-สื่อ-โครงข่ายแฟรนไชส์ เพื่อต่อยอดธุรกิจในมือเช่น KBJ (Retail finance) x Rabbit เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่แตกต่าง หรือการเพิ่มหมวดสินค้า Mobile เข่น IoTs Xiaomi (จัดจำหน่ายผ่าน Fanslink ถือหุ้นโดย VGI) ii) JFIN coin ที่จะนำไปใช้เป็นตัวกลางของ Ecosystem ระหว่างกลุ่ม JMART-BTS ทั้งในรูปโปรโมชัน-ส่วนลดบริการ iii) การปลดล็อคมูลค่าของบริษัทในเครือ คาดว่าในช่วง 3Q-4Q64 เริ่มเห็นบางโครงการจะเริ่มทดลองออกสู่ตลาด
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมหลังเพิ่มทุนเท่ากับ 46.50 บาท
เราปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 เฉลี่ย 30%เป็น 1,930/2,660 บ. +55/+37%YoY ตามส่วนแบ่งกำไรจาก JMT-SINGER ที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเฉลี่ย 46% ในอีกสองปีข้างหน้า หรือคิดเป็น P/E’65 = 28x (PEG 0.6x) เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมปี 2565 หลังปรับโครงสร้างเท่ากับ 46.50 บาท อิงวิธี SOTP เราเชื่อว่าพันธมิตรที่แข็งแรงอย่าง VGI-U ที่เข้ามาถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันสินค้า-บริการเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดได้อย่างรวดเร็วกว่าอดีต
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
JMT Network Services (JMT)
อันดับกำลังเปลี่ยน
BUY
Share Price THB 47.50
12 m Price Target THB 58.00 (+22%)
Previous Price Target THB 53.00
ประเด็นการลงทุน
เงินทุนที่เข้ามาในนาทีทองบนภาวะ NPL เป็นขาขึ้น จะทำให้การเติบโตของพอร์ตหนี้เติบโตเท่าตัวภายในสองปี เรามองการเพิ่มทุนไม่ได้กระทบกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปีหน้า เนื่องจากสถิติที่บริษัทเก็บหนี้ได้ในอดีตที่ผลตอบแทนมากกว่า Dilution effect นับตั้งแต่ปีนี้ JMT จะเข้าซื้อหนี้ฯได้มากสุดในกลุ่มบริหารหนี้ฯ และจะเริ่มเก็บเกี่ยวพร้อมขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งกลุ่มฯในแง่ยอดเก็บเงินสด-กำไรสุทธิในสามปีข้างหน้า คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 58 บาท
เพิ่มทุนหมื่นล้านรอซื้อหนี้ทุบสถิติ
การประกาศเพิ่มทุน(RO) 241 ล้านหุ้น 41.50 บ./หุ้น จะทำให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น 1 หมื่นล้านบาท พร้อมลด D/E จาก 1.1x เหลือ 0.5x ทันที นอกเหนือจากต้นทุนการเงินลดลงราว 300 ลบ. หรือ บริษัทจะมีพร้อมรองรับหนี้ด้อยคุณภาพภายหลังหมดมาตรการพักหนี้ในเดือนก.ย. จะเห็นการประมูลขายหนี้ของสถาบันการเงินในช่วง 2H64 เป็นต้นไป ซึ่งอิงข้อมูลจาก ธปท. พบว่า ณ 2Q64 มีสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SML) ไม่น้อยกว่า 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าระดับแสนล้านบาท คาดถูกทยอยออกขายนับแสนล้านบาทใน 2-3 ปีข้างหน้า (10-15%ของมูลหนี้) โอกาสจึงมีมากพอที่ JMT จะคว้าไว้และเข้าซื้อไม่ต่ำกว่าปีละ 1-1.5 หมื่นล้านบาท/ปี
ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น 18-27% เติบโตเฉลี่ย +53% ต่อปี
ตามสถิติของบริษัทในปี 2549-2563 สามารถเก็บหนี้จนถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3.5-4 ปี หรือคิดเป็นผลตอบแทนราว 25% ดังนั้นเราเชื่อว่าการซื้อหนี้ระดับหมื่นล้านบาท จะทำให้ยอดเก็บเงินสดเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า +2-2.5 พันลบ./ปี จากปีนี้ที่คาดไว้ 4 พันลบ. +9%YoY ขณะอัตรากำไรจะดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด ยอดเก็บเงินสดต่อจำนวนพนักงานติดตามหนี้จะสูงขึ้นจากความเชี่ยวชาญและการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้นมาโดยตลอด เราจึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2565-66 ขึ้นเป็นเท่ากับ 2.4/3.5 พันลบ. +67%/+47%YoY ตามลำดับ
คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเหมาะสมปี 65 เท่ากับ 58 บาท
ประเมินการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 65 ที่ +67%YoY จะสามารถชดเชย Dilution 18% จากการเพิ่มทุนได้ และรักษาการเติบโตของ EPS เฉลี่ย (CAGR) 43% ในอีกสามปีข้างหน้า เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 เท่ากับ 58 บ./หุ้น โดยอิง P/E = 32.5x เทียบเท่า PEG 0.75x ปัจจัยบวกหนุนระยะสั้นคือแนวโน้มกำไร 3Q-4Q64 คาดแข็งแรงกว่าตลาดที่สามารถเติบโตได้ 5-10%QoQ จากกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดเพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2564 ยังเติบโต +37%YoY ขณะที่ระยะกลางด้วยมูลค่ากิจการที่เพิ่มขึ้น มีโอกาสที่บริษัทถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ราวกลางปีหน้า ความเสี่ยง คือ ยอดจัดเก็บหนี้ไม่เป็นไปตามเป้า , การเปลี่ยนแปลงนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้จากภาครัฐ , การแข่งขันในอุตสาหกรรม
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
Singer Thailand (SINGER)
จากนักร้องสู่ Superstar
BUY
Share Price THB 42.00
12 m Price Target THB 49.00 (+17%)
Previous Price Target THB 50.00
ประเมินการลงทุน
การปรับโครงสร้างทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ได้เปลี่ยนฐานะการเงินของ SINGER อย่างสิ้นเชิง ด้วยดอกเบี้ยที่ลดลงทันที ช่วยให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ระยะสั้นถูกกระทบจำกัด ก่อนจะกลับมาเติบโตระดับ 30%YoY ในปี 2566-67 เราชอบ SINGER ที่มีเครือข่ายแฟรนไชส์ที่เป็นจุดแข็ง พร้อมต่อยอดกับธุรกิจระหว่างเครือฯ ทั้งพาณิชย์-ขนส่ง-ประกันจึงมี Upside risk กำไรเข้ามาในประมาณการกำไรสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 49 บาท
เสริมแกร่งในระยะสั้น...เสริมการเติบโตในระยะยาว
การเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ 305 ล้านหุ้น ผ่าน RO96 ล้านหุ้น และ PP โดย U 197 ล้านหุ้น ราคา 36.33 บ./หุ้น ทำให้มีเงินทุนราว 1.1 หมื่นล้านบาท ทำให้ D/E ลดลงจาก 1.8x เหลือ 0.6x ซึ่งทำให้บริษัทปลดล้อคข้อจำกัดเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ปัจจุบันปล่อยสุทธิ +400 ลบ./ไตรมาส (รวม 8.5 พันลบ. ณ 2Q64) นอกจากนี้เรามองเห็น Upside บนธุรกิจ ทั้งการนำสินค้าหมวดใหม่ๆ (Fanslink-VGI), การให้บริการด้านโลจิสติกส์ (VGI-KEX) และรวมถึงประกันชีวิต (ALIFE) ในอนาคต คาดเริ่มเห็นพัฒนาการบางโครงการตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลัง
ปรับประมาณการปี 65-66 ขึ้น 19-38% สะท้อนต้นทุนที่เป็นขาลง
ผลบวกระยะสั้นที่เกิดขึ้น คือ ต้นทุนการเงินลดลงอย่างมีนัยจาก i) ทยอยคืนหุ้นกู้ 1.5-1.8 พันลบ.ในปี 2565-66 ซึ่งมีดอกเบี้ยราว 5-5.5% ii) การปล่อยสินเชื่อ C4C ใหม่ด้วยเงินที่ต้นทุน iii) งบดุลแข็งแรงขึ้น จึงมีโอกาส Credit rating ที่ดีขึ้นและ refinance ได้ไม่น้อยกว่า 50-100bps ในอนาคต เราได้ทบทวนกำไรสุทธิปี 2565-66 เท่ากับ 1/1.5 พันลบ. +70/41%YoY จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตเร็วกว่าคาด 20-30% โดยมีต้นทุนการเงินที่ลดลงจาก 5.8% ณ ปัจจุบัน ลงไปต่ำกว่า 4% ภายหลังการเพิ่มทุน (และ SGC spin-off) บวกต่อ %NPM ที่ขยับจาก 13% เป็น 18% และมีโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันกับรายอื่นในตลาดได้มากขึ้น
คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสม 49 บาท
ผลจากการเพิ่มทุน (Dilution) ถึง 37% อาจทำให้กำไรต่อหุ้น(EPS) ในปี 2565 ทรงตัว YoY แต่การเร่งปล่อยสินเชื่อไวกว่าแผนเดิมราว 1 ปี จะทำให้กำไรสุทธิเติบโตโตเฉลี่ย (3-Yr CAGR) เท่ากับ +29% ในสามปีข้างหน้า เราแนะนำ ซื้อ ปรับใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 65 เท่ากับ 49 บาท อิง P/E 35 เท่า โดยให้ premium บนการเติบโตในระยะกลางเหนือกลุ่ม โดยไม่รวมการปลดล็อคมูลค่าของ SGC ที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนฯในกลางปีหน้า ความเสี่ยงคือ คุฯภาพสินทรัพย์อ่อนแอกว่าคาด , กำลังซื้อภายในประเทศชะลอตัว , การแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรม
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ