- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 August 2021 11:43
- Hits: 2813
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 30-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 23 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งขึ้น :
FED ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “SPRC, COM7”
SPRC
พายุเฮอริเคน IDA กำลังเคลื่อนตัวจากเมกซิโกเข้าสู่รัฐหลุยเซียน่า คาดจะกระทบกำลังการผลิตทั้งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูปและปิโตรเคมี ถือเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อราคาน้ำมันดิบโลก, ค่าการกลั่น, ราคาผลิตภัณฑ์จากการกลั่น รวมถึงราคาปิโตรเคมี หนุนแรงเก็งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.0 บาท
COM7
การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown คาดหนุนยอดขายฟื้นตัว ผสานกับ Apple, Xiaomi เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่กลางเดือนก.ย. หนุนกำไร 4Q64 กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ โดยปีนี้ยังโตตามเป้า +55%YoY คาดกำไร +20% ในอีก2ปีข้างหน้า ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ และปรับเป้าหมายเป็น 82 บาท
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 82 บาท
INVESTMENT THEME
FED ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
ส่งสัญญาณลด QE แต่ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยเร็ว : ในการประชุม Jackson Hole สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจอโรม โพเวล ประธาน FED มีการส่งสัญญาณจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ จากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวขึ้นสอดคล้องกับรายงานการจ้างงานเดือน ก.ค. ที่แข็งแกร่ง แต่จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 0-0.25% โดยต้องรอดูทั้งอัตราเงินเฟ้อ และภาคแรงงานสหรัฐฯให้ฟื้นตัวเต็มที่ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อน จากถ้อยแถลงดังกล่าว หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ +0.69% สอดคล้องกับตลาดพันธบัตร ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯ ย่อตัว -4bps สู่ 1.3%
หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีนำตลาด : พายุเฮอริเคน IDA เตรียมขึ้นฝั่งรัฐหลุยเซียน่า คาดกระทบ Supply ทั้งน้ำมันดิบ, น้ำมันสำเร็จรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี คาดหนุนราคาน้ำมันดิบ ค่าการกลั่น และราคาปิโตรเคมีแกว่งขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีนำตลาด แนะเก็งกำไร SPRC, ESSO, TOP, PTTGC
ตลาดหุ้นเอเชียแกว่งขึ้น : จากการผ่อนคลายกังวลหลังประชุม Jackson Hole คาดจะช่วยหนุนตลาดหุ้นเอเชียแกว่งขึ้น สอดคล้องกับค่าเงินบาทที่แข็งสุดในรอบ 7 สัปดาห์ บวกต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าในระยะสั้น ผสานปัจจัยในประเทศที่ผ่อนคลายมาตรการ Lockdown บางส่วน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายจุดกลับมาเปิดได้อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามสถานการณ์หลังคลาย Lockdown ว่าผู้ติดเชื้อของไทยจะกลับมาเร่งตัวอีกหรือไม่
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งขึ้น ก่อนการประชุม Jackson Hole โดย SET ปิดที่ 1,611.20 (+9.29 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 95 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 81 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 6,002 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,403 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 6,447 สัญญา)
EYES ON
31 ส.ค.-4 ก.ย. อภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี
30 ส.ค. ยอดขายบ้านที่รอปิดการขาย US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน
31 ส.ค. รายงานเศรษฐกิจไทยประจำเดือนจาก ธปท, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค US, ดัชนี CPI ของยูโรโซน
1 ก.ย. การจ้างงานภาคเอกชน US จาก ADP, PMI และ ISM ภาคการผลิตของ US และยูโรโซน, สต๊อกน้ำมันดิบ US รายสัปดาห์
Com7 PCL (COM7)
ดีพอที่จะทำ All time high อีกครั้ง
BUY
Share Price THB 68.25
12 m Price Target THB 82.00 (+22%)
Previous Price Target THB 68.00
ประเด็นการลงทุน
การปิดสาขาในห้างฯ 2 เดือนและกระทบใน 3Q64 เป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้แล้ว เป็นจังหวะที่ดีสำหรับสะสมหุ้นอีกรอบในช่วงทยอยเปิดเมือง ขณะ Apple,Xiaomi กำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่กลางเดือนก.ย. ช่วยพากำไรกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ใน 4Q64 หนุนภาพรวมในปีนี้โตได้ตามเป้า +55%YoY เรามองภาพหลังวิกฤต COM7 จะเป็นผู้นำในตลาด IT และยิ่งทิ้งห่างรายอื่นมากขึ้น ทั้ด้วยศักยภาพเติบโตเชิงรุกโดยเฉพาะในตลาด PC และ IoTs ที่เป็น megatrend ประเมินกำไร +20% ในอีกสองปีข้างหน้า ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ ราคาเหมาะสม 82 บาท
การเปิดห้าง-สินค้าใหม่เร่งฟื้นตัว…อุปสงค์ยังแกร่งหนุนกำไรถึงปีหน้า
กำไรสุทธิ 2Q64 ทำได้ดีกว่าตลาดคาดจาก Product mix ที่ดีขึ้นหนุน NPM ทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้ 1H64 มีกำไรสุทธิ 50% ของที่ประเมินไว้ แม้ช่วงสั้นการปิดสาขาในห้างเหลือ 416 จาก 936 สาขา แต่การเปิด Pop-up store 57 สาขา และ standalone ทำให้ยังมีสาขาครอบคลุมได้ 74 จังหวัด ช่วยลดผลกระทบบางส่วน เรามองยอดขาย-กำไรจะฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q64 มาจาก i) มาตรการผ่อนคลายเปิดห้างใน ก.ย. ii) สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะกำลังซื้อตลาดกลาง-บนยังแข็งแรง และรอบการเปลี่ยนมือถือกำลังเกิดหลัง COVID-19 ระบาดเกือบ 2 ปี โดยจากสถิติราคาขาย 5G > 4G ถึง 13% และธุรกิจ PC &NB อุปสงค์ยังดีจากกลุ่ม Gaming,Streaming,Cryptocurrency ที่มีความต้องการยาวไปถึงปีหน้า
เดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดบน IT กลยุทธ์เชิงรุกทั้งแนวตั้ง-แนวนอน
COM7 จะกลับมาแกร่งยิ่งขึ้นกว่าก่อน COVID-19 ระบาดจากการขยายธุรกิจทุกมุม ได้แก่ i) สัดส่วน BNN Online เพิ่มขึ้นหลังเสริมบริการทั้งผู้ช่วยชอป-จัดส่งฟรี ส่งเสริมมาร์จิ้นในระยะยาว ii) เดินหน้าขยายสาขา จาก 936 สาขา เป็น 1,000 สาขา ภายในสิ้นปี ล่าสุดการจับมือได้สิทธิบริหารสินค้าใน BigC 45 สาขา iii) การขยายแบรนด์ร้านใหม่ในกลุ่ม PC DIY (E-QUIP) รุกตลาดสินค้า High-end PC iv) การจับมือ Realme เป็น Sole distributor ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับสองที่มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในสินค้า IoTs v) U Fund ให้บริการเงินผ่อนสินค้า Apple ทำให้บริษัทมีความสามารถแข่งขันสูงขึ้น และสะท้อนบนยอดขายจะฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มในช่วงฟื้นตัวจากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น ขณะรายเล็กทยอยออกจากตลาดใน 1-2 ปี
ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ บนราคาเหมาะสมใหม่ 82.00 บาท
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง -12% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ค. เชื่อว่าได้สะท้อนผลกระทบจากการปิดเมืองไปแล้ว เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ บนมุมมองผลประกอบการกำลังมีทิศทางฟื้นตัวใน 4Q64-2565 ปรับใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 2565 ขึ้นเป็น 82 บาท/หุ้น อิง DCF (WACC 6.2%) เทียบ P/E’64 35x หรือค่าเฉลี่ย +2SD แต่จะลดลงต่ำกว่า 30x ในปี 2565 บนการเติบโตของกำไรที่เดินหน้าทำสถิติใหม่ต่อไม่น้อยกว่า +20%YoY หนุนราคาหุ้นทำจุดสูงสุดอีกครั้ง
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
AAPICO Hitech (AH)
3Q64จะทรงตัว 4Q64&2565จะกลับมาโต
BUY
Share Price THB 22.90
12 m Price Target THB 28.00 (+22%)
Previous Price Target THB 28.00
ประเด็นการลงทุน
ผลประกอบการ 3Q64 จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 และ ปัญหาชิปขาดแคลน แต่กำไร AH คาดจะทรงตัวได้ แนวโน้ม 4Q64 จะกลับมาเติบโต รวมปี 2564-2566 จะเติบโตที่ดี ได้แรงหนุนได้รับคำสั่งซื้อใหม่ต่อเนื่อง ทำให้ AH เติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ที่ถูก ซื้อขาย P/E ปี 2564 ที่ต่ำ 8 เท่า P/BV 1 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.5% เราประเมินราคาเป้าหมายบนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 9.9 เท่า ได้เท่ากับ 28 บาท แนะนำ ซื้อ
3Q64ถูกกระทบจาก Covid-19 และชิปขาดแคลน
จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) ผู้บริหารมองแนวโน้ม 3Q64 จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในไทย ทำให้การผลิตรถยนต์ และ ผู้ผลิตชิ้นส่วนบางรายประสบปัญหา และ มาเลเซีย มีการล็อกดาวน์ กระทบยอดขายรถยนต์ นอกจากนี้ยังประสบปัญหา ชิปขาดแคลน ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์จะชะลอตัวลงเล็กน้อย เช่นเดียวกับบริษัทลูกในประเทศโปตุเกสประสบปัญหาชิปขาดแคลน แต่จาก AH ได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ผู้บริหารคาดยอดขายของ AH จะใกล้เคียงไตรมาสสองได้ เบื้องต้นเราประเมินกำไรปกติของ AH ใน 3Q64 จะประมาณ 200-250 ล้านบาท ใกล้เคียงกำไรปกติไตรมาสก่อนและปีก่อน
แนวโน้ม 4Q64 จะกลับมาโต รวมปี 2564 จะโตสูง
จากคำสั่งซื้อของลูกค้าค่ายรถยนต์ ผู้บริหารประเมิน 4Q64 ปัญหาชิปขาดแคลนจะผ่อนคลาย รวมถึงปัญหาการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้ผู้บริหารประเมินไตรมาสสี่จะกลับมาเติบโตดีใหม่ ทำให้แนวโน้มปีนี้ AH จะเติบโตได้ดีประมาณ 15-20% เทียบกับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ปีนี้จะมียอดผลิตรถยนต์ 1.55-1.6 ล้านคัน เติบโต 9-12% ปี 2564 เราประเมินยอดขาย 20,950 ล้านบาท โต 22% และ มีกำไรสุทธิ 1,116 ล้านบาท โต 655%YoY กำไรสุทธิครึ่งปีแรกมีสัดส่วนสูงถึง 59% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งประมาณการของเราได้เผื่อผลกระทบด้านลบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 และ ปัญหาชิปคาดแคลนแล้ว
แนวโน้มปี 2565 จะเติบโตเด่น
แนวโน้มปี 2565 AH จะได้รับคำสั่งซื้อใหม่เป็นรถกระบะ Global Model ช่วยเพิ่มยอดขายอีก 1,500 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 8% ทำให้ผู้บริหารประเมินยอดขาย AH จะเติบโตได้ประมาณ 15% เทียบกับอุตสาหกรรมรถยนต์จะโต 5-10% สำหรับประมาณการปี 2565 ของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม คาดยอดขาย 23,045 ล้านบาท โต 10% และ มีกำไรปกติ 1,133 ล้านบาท โต 12%
ความเสี่ยง: การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั่วโลกยังไม่ผ่อนคลาย / ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ / แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ