- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 August 2021 14:36
- Hits: 9213
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 23 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งขึ้น :
เก็งกลุ่มเปิดเมือง และส่งออก
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,565 จุด เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks แนะนำ “KBANK, HMPRO”
KBANK
นโยบายของ ธปท. คาดจะช่วยให้ NPL Formation และการตั้งสำรองทรงตัว เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร แม้ว่า NIM อาจกระทบบ้าง ในขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมากส่งผลให้เทรดเพียง PBV 0.6 เท่า และหากมีการเปิดเมืองคาดจะเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารมากยิ่งขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 160 บาท
HMPRO
ฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง หากการระบาดของโควิดคลี่คลายลง ผลประกอบการจะฟื้นตัวดี ผสานกับสัดส่วนการขายออนไลน์เพิ่มขึ้น และสัดส่วนการนำเข้าสินค้า Private brand จากประเทศจีนกลับมาฟื้นตัวได้เป็นแรงหนุนต่อมาร์จิ้นขยายตัว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16 บาท
INVESTMENT THEME
เก็งกลุ่มเปิดเมือง และส่งออก
กำไรรวมสุทธิ SET 2Q64 ที่ 2.75 แสนล้านบาท : ผ่านพ้นไปแล้วกับฤดูกาลรายงานงบของบริษัทจดทะเบียนช่วง 2Q64 พบว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีกำไรรวมสุทธิทั้งสิ้น 275,683 ล้านบาท (+119%YoY และ +4%QoQ) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตได้ดีในช่วง 2Q64 ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับภาคการส่งออก เช่น โลจิสติกส์, เดินเรือ, ยานยนต์, เหล็ก, ปิโตรเคมี, สินค้าเกษตร, พลังงาน รวมถึงกลุ่มการแพทย์ และอุปกรณ์การแพทย์ ที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะที่กลุ่มที่ยังมีแนวกำไรอ่อนแอ อิงกับปัจจัยในประเทศ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งมีผลขาดทุนเกือบทุกบริษัท
ปรับลดเป้าหมาย SET สิ้นปีนี้ลงสู่ 1660 จุด : แนวโน้มในช่วง 3Q64 คาดกำไรรวมจะลดลง จากการแพร่ระบาด COVID-19 ที่รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการยกระดับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นของภาครัฐฯ เป็น Downside ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นเราจึงปรับลดคาดการณ์กำไรของ SET ปีนี้ลงสู่ระดับ 9.57 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น SET EPS ที่ 83.6 จาก 87.0 บาทต่อหุ้น และปรับเป้าหมาย SET สิ้นปีลงสู่ 1,660 จุด จาก 1,700 จุด
กลุ่มส่งออก และธีมเปิดประเทศน่าสะสม : แม้ระยะสั้นสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย แต่เชื่อว่าภาพระยะกลางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น เป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นที่ได้อานิสงส์เปิดเมือง และกลุ่มส่งออกที่รับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เช่น AOT, KBANK, HMPRO, WICE, TEAM เป็นต้น
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ฟื้นตัว ยังเห็นสัญญาณการเก็งกำไรในหุ้นธีมเปิดเมือง ช่วยหนุนดัชนีฟื้นตัว โดย SET ปิดที่ 1,553.18 (+8.90 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.8 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,573 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 523 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 9,536 สัญญา)
EYES ON
23 ส.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และยูโรโซน, ยอดขายบ้านมือสอง US, ยอดส่งออกไทย
24 ส.ค. ยอดขายบ้านใหม่ US
25 ส.ค. งาน Thailand Focus (25-27), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US
26 ส.ค. การประชุม Jackson Hole (26-28), US GDP2Q64 (ครั้งที่2), ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
Karnchang (CK)
บ.ลูกหนุนต่อ แม้ก่อสร้างถูกกระทบ
BUY
Share Price THB 19.40
12 m Price Target THB 22.00 (+13%)
Previous Price Target THB 22.00
ประเด็นการลงทุน
3Q64 งานก่อสร้างจะถูกกระทบชั่วคราวในช่วงที่มีการปิดแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง แต่ในเดือนส.ค.การก่อสร้างก็กลับมา โดย 3Q64 คาดจะได้แรงหนุนจากบริษัทลูก คือ CKP ที่กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีนี้ที่น้ำมากกว่าปกติ และ ปันผลจาก TTW ช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มจะได้งานขนาดใหญ่หลายโครงการ หนุน Backlog เข้าสู่ New S-Curve CK มีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW มีมูลค่าถึง 6.1 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 36 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติมโตในระยะยาว และ ช่วยเพิ่มงานให้ CK รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผล ประเมินเป้าหมาย โดยวิธี Sum of the Part เท่ากับ 22 บาท คงแนะนำ TRADING BUY
ก่อสร้างถูกกระทบชั่วคราว ช่วงปิดแคมป์และไซต์งานก่อสร้าง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างรุนแรง มีการปิดแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง ผู้บริหารระบุ กระทบในช่วงสองสัปดาห์แรกไม่สามารถก่อสร้างได้ แต่หลังจากนั้นก็ได้รับการผ่อนผันในบางงาน และ เดือน ส.ค. ก็เริ่มกลับมาเปิดแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง แต่จะมีข้อจำกัดที่ต้องมีการเข็มงวด ในลักษณะ Bubble and Seal ระหว่างแคมป์คนงาน และ ไซต์งานก่อสร้าง และ คนงานได้รับวัคซีน2เข็มเกือบครบแล้ว ผู้บริหารคาดจะสามารถเร่งงานก่อสร้างในเดือน ก.ย. – ธ.ค. เบื้องต้นผู้บริหารจึงยังคงประมาณการรายได้งานก่อสร้างปีนี้ 15,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10%
บริษัทลูกจะช่วยหนุนผลประกอบการไตรมาส 3Q64
แม้ว่างานก่อสร้างจะถูกกระทบใน 3Q64 อย่างไรก็ตามเราคาดจะได้แรงหนุนจากบริษัทลูก คือ CKP ซึ่ง CK ถือหุ้น 30% คาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ประมาณ 900-1,000 ล้านบาท จากน้ำในปีนี้ที่มากกว่าปกติ ดังนั้น CK จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมาประมาณ 270-300 ล้านบาท และ ได้รับปันผลจาก TTW 232 ล้านบาท เข้ามาเสริมอีก จะช่วยหนุนให้ 3Q64 CK จะยังมีกำไรประมาณ 200 ล้านบาท
คาดหวังงานใหม่จะหนุน Backlog เข้าสู่ New S-Curve
CK คาดหวังโครงการของรัฐบาลที่จะเปิดประมูลในปีนี้ คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ งานโยธา 7.87 หมื่นล้านบาท มี 6 สัญญา กำลังขายซอง กำหนดยื่นซอง 8 ต.ค. ซึ่ง CK ซื้อซองทั้ง 6 สัญญา และ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และ งานเดินรถ 1.27 แสนล้านบาท รฟม. เตรียมเปิดประมูลเดือน ต.ค. นี้ โดยทั้งสองโครงการ CK มีความได้เปรียบที่จะได้งาน จะช่วยเติม Backlog ปัจจุบันที่ต่ำ 2.8 หมื่นล้านบาท และ มีงานรอลงนามอีก 4.6 หมื่นล้านบาท คือ รถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 2 สัญญา นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1,410MW คาดจะได้ข้อสรุปในปีนี้จะมีงานก่อสร้างประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้น โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการจะช่วยหนุน Backlog CK เข้าสู่ New S-Curve
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Minor International (MINT TB)
ฟื้นตัวในยุโรป
HOLD
Share Price THB 32.00
12 m Price Target THB 33.50 (+5%)
Previous Price Target THB 30.00
เพิ่ม TP 11.7% จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในยุโรป
ในไตรมาส 2/64 MINT ขาดทุน 4.8 พันล้านบาท ลดลงทั้ง QoQ (-11%) และ YoY (-33%) โดยได้แรงหนุนจากโรงแรมในยุโรปเริ่มดีขึ้น (60% ของรายได้ปกติ) ซึ่งฟื้นตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เราเพิ่มคาดการณ์อัตราการเข้าพักในปี 64 เป็น 38% จาก 26% (คงเป้าปี 65 ที่ 48%) และลดประมาณการขาดทุนหลักปี 64 ลง 13% (เป็น -1.49 หมื่นล้านบาท) และ 76% สำหรับปี 65 (-917 ล้านบาท) ในขณะที่ยังคงประมาณการปี 66 เป็นต้นไป เราคิดว่าผลการดำเนินงานของ MINT ในไตรมาส 3/64 อาจได้รับแรงหนุนจากไฮซีซันในยุโรป และอาจเป็นผลบวกต่อราคาหุ้นของบริษัทในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตราการเข้าพักจะลดลงในไตรมาส 4/64 เนื่องจากฤดูหนาวและโลว์ซีซั่นในยุโรป เราเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในยุโรปแล้ว คงแนะนำ ถือ แต่เพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น 11.7% เพื่อสะท้อนถึงครึ่งปีหลังที่ดีขึ้น ขาดทุนลดลง HoH และดีขึ้นในปี 65 จากการดำเนินงานในยุโรป
SSSG เป็นบวกในจีนและออสเตรเลีย
ในไตรมาส 2/64 ยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจร้านอาหาร (SSS) เพิ่มขึ้น 6.1% โดยได้แรงหนุนจาก 28.1% ในประเทศจีน (สัดส่วนรายได้ 22%) และ 74% ในออสเตรเลีย (สัดส่วนรายได้ 12%) ในประเทศไทย ลดลง 13.6% (สัดส่วนรายได้ 57%) เราคาดว่า SSS จะอ่อนตัวลง QoQ ใน 3Q64 จากการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า SSSG จะอยู่ที่ 3% ในปี 64 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในจีนและออสเตรเลีย สำหรับปี 65 เราคาดว่า SSS โดยรวมจะอยู่ที่ 1% โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปในไทย
เปิดประเทศไตรมาส 4/64 ตามแผน
ประเทศไทยจะมีวัคซีน 75.9 ล้านโดสภายในเดือน ต.ค. 64 ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับฉีดเข็มแรกให้ 70% (50 ล้านคน) ของประชากรไทย ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญในการเปิดประเทศ ถือเป็นบวกต่อ MINT แต่การฟื้นตัวของประเทศไทยอาจอยู่ในระดับปานกลางและไม่มีนัยสำคัญจนถึงครึ่งปีหลัง
การฉีดวัคซีนล่าช้าเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ
เราใช้วิธี DCF (WACC 8.9%, การเติบโต 3%) ประเมินราคาเป้าหมายและเลื่อนไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ความล่าช้าในการฉีดวัคซีนในประเทศไทยอาจเป็นความเสี่ยงด้านลบ เนื่องจากอาจทำให้แผนการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของ MINT ล่าช้า
Yuwanee Prommaporn
(66) 2658 5000 ext 1393
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ