WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Stimulus Package?
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัว 3.86 จุด ปิดที่ 1,571.20 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 58,398 ล้านบาท
     ทั้งนี้ กระแสเงินทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยวานนี้ ขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 527 ล้านบาท แต่อาจเป็นผลจากการทำ Big Lot THIF มูลค่า 1,270 ล้านบาท ขณะที่ SET50 Index Futures ยังคง Long สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 5,122 สัญญา สะท้อนมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่ต่างชาติลดหนักหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,160 ล้านบาท
ประเด็นการลงทุนในวันนี้ เราให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศเป็นสำคัญ ติดตามการประชุม ครม.ในวันนี้ อาจมีการพิจารณาแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี มีรายละเอียดโครงการ และแหล่งที่มาของเงินลงทุนอย่างไร รวมถึง การส่งสัญญาณพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ณ ปัจจุบัน ตลาดเริ่มเก็งโอกาสที่ การประชุม กนง. นัดสุดท้ายของปี อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย RP1 วัน เป็น 1.75% พร้อมลดเป้าหมาย GDP ปีนี้และปีหน้าลง หลังภาคการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / อสังหาฯ / ICT มี Downside risk จำกัด และพร้อมฟื้นตัวเด่น หากประเด็นเหล่านี้มีความชัดเจน ซึ่งเราให้น้ำหนักกับการประกาศตัวเลข GDP ใน 3Q57 ของไทยเช้าวันจันทร์หน้า หากส่งสัญญาณฟื้นตัวล่าช้า ประเด็นเหล่านี้จะตามมาเป็นปัจจัยเก็งกำไรต่อไป
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติในมุมมองของเรา ยังคงเป็น “กลางถึงบวก” จากสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นทั่วโลก จะยังทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย ช่วยปิดความเสี่ยงของหุ้น Big Cap

กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “เก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นใน 3Q57”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” CK / BLAND
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: BLAND / CK

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,570 จุด

คาด SET INDEX สัปดาห์นี้แกว่งแคบ ระหว่าง 1,565 – 1,590 จุด
จับตากระแสเงินทุนต่างชาติ หลังทยอยสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง

หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตเด่น ได้แก่ AP / BEAUTY / IFEC/ MFEC
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรรายตัว ช่วงสั้น พร้อมทยอยสะสมหุ้นหลักสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ แกว่งในกรอบแคบ ปิดบวก – ลบสลับกัน ยกเว้น Nikkei ปิดบวกเด่น 2.05% หลังดุลการค้าขาดดุลน้อยกว่าคาด
ด้านตลาดหุ้นไทย แม้ว่าในช่วงเปิดตลาด SET INDEX จะย่อตัวลงไปทดสอบกรอบแนวรับ 1,560-1,565 จุด แต่ก็มีแรงสะสมหุ้นหลักเข้ามา โดยเฉพาะ PTT / กลุ่ม ธนาคาร / ICT อีกทั้งตลาดหุ้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ขยับขึ้น ช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,571.20 จุด บวก 3.86 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 58,398 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกสูงสุด ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ +13.60%, กลุ่ม Professional +6.22% และกลุ่มขนส่ง +1.35% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.06%, กลุ่มพลังงาน +0.26% และกลุ่ม ICT +1.17%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.16 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดฟื้นตัวเด่น ต่อเนื่อง จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ Yen115/US$ ขณะที่ Kospi เปิดแกว่งในกรอบแคบ
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 12 แม้ในสัปดาห์นี้ SET INDEX จะยังแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,565-1,590 จุด เพราะปัจจัยการลงทุนเชิงบวกอาจยังไม่ชัดเจน เป็นเพียงการเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เอื้อต่อการเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทย เราให้น้ำหนักกับตัวเลข GDP ใน 3Q57 ที่สศค.จะประกาศในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 17 พ.ย.นี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus ยังไม่มีการประมาณการ หากเทียบกับ GDP ใน 2Q57 เติบโต 0.4% qoq และ 0.9% yoy หาก
•หาก GDP ใน 3Q57 ออกมาขยายตัว qoq และ yoy ในระดับใกล้เคียงกับ 2Q57 อาจสร้างกระแสต่อการเก็งกำไรในเชิงบวกว่า
oรัฐบาล อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 ตามมาภายในเดือนพ.ย. เพื่อเริ่มใช้ในเดือนธ.ค.
oและ/หรือ กนง.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน เป็น 1.75% จากปัจจุบัน 2.00% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง
MBKET ให้น้ำหนักกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในกรณีนี้ ซึ่งเท่ากับว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค / การลงทุนภายในประเทศจะได้อานิสงค์เชิงบวกต่อการเก็งกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มอสังหาฯ / กลุ่ม ICT
•แต่หาก GDP ใน 3Q57 ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจาก 2Q57 ย่อมเป็นการยืนยันต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นใน 4Q57
MBKET ประเมินว่า หากเกิดในกรณีนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จะกลับมาเป็นบวก และพร้อมกระจายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดกรณีที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ หรือ กรณีที่ออกมาส่งสัญญาณเชิงลบ เราเชื่อว่าเงินทุนจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รอทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย ผลักดันให้ SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และให้น้ำหนักที่จะทะลุแนวดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในรอบสัปดาห์นี้ เราแนะนำ “เน้นเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57” เพราะภาพการลงทุนช่วงสั้นขาดความชัดเจน แต่หากนักลงทุนต้องการเก็งกำไรต่อแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า เราแนะนำให้ นักลงทุน “เข้าเก็งกำไรหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK / KTB), กลุ่ม ICT (ADVANC / TRUE), กลุ่มอสังหาฯ (AP / LPN) เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
•ดัชนี MSCI Thailand:
i.เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii.ออก: ไม่มี
•ดัชนี MSCI Global Small Cap
i.เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii.ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2.การแถลงแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของไทย และการประชุมครม. เลื่อนเป็นสัปดาห์หน้า: เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ติดภาระกิจประชุม ผู้นำ อาเซียนที่ พม่าในวันที่ 12-13 พ.ย. ทำให้การพิจารณาแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี รวมถึงการประชุม ครม.ในสัปดาห์นี้ เลื่อนออกไปเป็นวันอังคารที่ 18 พ.ย.
3.ธปท.ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตไม่ถึง 1.5%: ผู้ว่าการ ธปท. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีความอ่อนแอ โดยเฉพาะภาคการส่งออก และ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ไม่ถึง 1.5% ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับ การส่งสัญญาณของ ธปท.ช่วงต้นเดือนพ.ย. ที่จะมีการพิจารณาปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลง จากปัจจุบันที่ 1.5% แต่ประเด็นนี้ อาจเป็นที่มาของโอกาสเก็งกำไรต่อการประชุม กนง. ในวันที่ 17 ธ.ค.

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.40 14.01 16.31 13.93
PSE 20.32 17.58 20.29 17.56
JSE 16.47 14.06 16.19 13.83
KOSPI 12.87 10.59 12.89 10.61
TAIEX 14.21 13.08 14.27 13.11
Straits Time 14.31 13.26 14.37 13.31
SHCOMP 10.07 8.97 10.04 8.93
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.BLAND : ราคาปิด 2.02 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
a)BLAND จะรายงานผลประกอบการ 2Q57/58 ในวันพฤหัสหรือศุกร์นี้ โดยคาดว่ามีโอกาสที่บริษัทจะประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีเงินสดในมือสูง หลังจัดตั้งกองทุน REIT ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
b)MBKET ประเมินเงินปันผล 1H57/58 หุ้นละ 0.03-0.04 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 2%
c)และทิศทางกำไร 2H57/58 คาดว่าจะเติบโตสูง เนื่องจากมีโอกาสที่ BLAND จะบันทึกรายการพิเศษ คือ กำไรจากการหมดอายุของหุ้นกู้ราว 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็น Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา
d)ราคาหุ้นซื้อขายระดับ PBV 2557/2558 เพียง 0.87 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 1.83 เท่า จึงเชื่อว่ามี Downside Risk ที่ค่อนข้างจำกัด
2.CK : ราคาปิด 26.50 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q57 เติบโตสูง +29% yoy และ +288% qoq เป็น 1,211 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL หลังภาษีสูงถึง 808 ล้านบาท
b)ทิศทางกำไร 4Q57 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายหุ้น CKP จำนวน 21 ล้านหุ้นระหว่างไตรมาส โดยเบื้องต้น เราประเมินว่า CK จะมีกำไรพิเศษก่อนภาษีราว 228 ล้านบาท จากรายการดังกล่าว
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปี 2558 เนื่องจากจะเป็นปีทองของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากงานประมูลขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากของภาครัฐฯ เช่น รถไฟฟ้ารางคู่, รถไฟฟ้าสายต่างๆ เช่น สีเขียว, สีส้ม, สีเหลือง และสีชมพู รมทั้งโครงการถนนมอเตอร์เวย์
d)อิงราคาปิดวานนี้ มูลค่าเงินลงทุนในบริษัทลูก คือ BMCL, BECL, CKP และ TTW มีมูลค่าราว 18.60 บาทต่อหุ้น CK ชี้ให้เห็นว่าราคาหุ้น CK ยังถูกเมื่อเทียบกับ STEC โดย CK ซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 2.4 เท่า เทียบกับ STEC ที่ 4.4 เท่า

What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 11 อีก US$388 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$557 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 190.0 520.6 12,704.6 9,188.0
KOSPI 115.2 n.a 5,971.3 4,875.1
JSE 76.8 14.6 4,042.8 -1,806.4
PSE 22.5 -1.1 786.4 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -0.2 -1.8 179.1 263.2
SET INDEX -16.1 25.1 -446.2 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -527 +823
SET50 Index Futures (สัญญา) +5,122 +2,252
SSF (สัญญา) +38 -1,231
Metal Futures (สัญญา) +56 +1,140
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -3,160 +720

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 527 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 5,195 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มเป็น 16,185 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม วานนี้มีรายการ Big Lot กองทุน THIF มูลค่า 1,270 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ อาจไม่สะท้อนถึงภาพการลงทุนที่แท้จริง
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 เร่งตัวขึ้นเป็น 5,122 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 7,374 ล้านบาท ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 8 กว้างขึ้นเป็น 2.09 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เพียง 0.18 จุด
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,160 ล้านบาท จาก 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,989 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง พันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 1.63bps ปิดที่ 3.071%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงอีกเหลือ 393 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 453 ล้านบาท
Stock Total Value
(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price
(Bt)
PTT 147.27 8.48% 380.44
ADVANC 48.06 5.38% 233.28
ITD 37.53 1.93% 6.13
DTAC 26.94 7.28% 101.02
BEC 16.37 13.58% 49.34

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 10 เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร และ ปิโตรเคมี
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 523 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,311 ล้านบาท รวม 10 วันทำการซื้อสุทธิ 12,172 ล้านบาท เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร และปิโตรเคมีอย่างโดดเด่น ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ สูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 421 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 463 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 213 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 221 ล้านบาท กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ซื้อสุทธิ 169 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 135 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 237 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 344 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม Home ขายสุทธิ 131 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 330.51 23.60 DTAC -223.70 31.86
PTTGC 189.37 8.03 ADVANC -107.63 14.40
DELTA 123.87 27.50 AJD -96.48 1.77
NMG 107.34 11.38 JAS -81.56 18.06
PTT 89.80 7.23 SCB -42.40 10.10

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!