- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 02 August 2021 15:07
- Hits: 11298
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 2-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 2 สิงหาคม 2564
INVESMENT STRATEGY
Sideways :
ขยายล็อคดาวน์
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,516 จุด และแนวต้าน 1,540 จุด เน้นหุ้นคาดแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks แนะนำ “GLOBAL, CHG”
GLOBAL
กำไร 2Q64 ดีกว่าคาดและเป็น new high จากการเติบโตของทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น แม้คาดว่ากำไรจะชะลอลงใน 2H64 ตามผลของฤดูกาลและผลกระทบจากการล็อคดาวน์ แต่เราจะเติบโตได้อย่างมีนัยยะ YoY จากยอดขายที่ยังแข็งแกร่ง เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง จึงปรับประมาณการขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27 บาท
CHG
คาดกำไร 2Q64 จะทำจุดสูงสุดใหม่แรงหนุนจากยอดการตรวจ COVID-19 ในช่วง 2Q64 ที่เร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และรายได้จากการบริหารโรงพยาบาล หนุน EBITDA Margin ขยายตัว ผสานแนวโน้ม 3Q64 ที่คาดจะทำจุดสูงสุดต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วง High Season
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.5 บาท
INVESTMENT THEME
ขยายล็อคดาวน์
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เร่งขึ้น แต่ต่ำคาด : คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ประจำเดือนมิถุนายน เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ +3.5%YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ +3.4%YoY แต่ถือว่าต่ำกว่าคาดที่ +3.7%YoY โดยยังคาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อ US ในช่วงระยะสั้น 2-3 เดือนนี้อาจอยู่ในระดับสูง แต่คาดจะเริ่มชะลอตัวลงในช่วงปลายปี หลังจากมาตรการกระตุ้นเริ่มชะลอลง รวมถึง Pent-up demand เริ่มลดลงเช่นกัน
ศบค. ขยายเวลา ล็อคดาวน์ 14 วัน : จากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น สะท้อนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่อยู่ในระดับสูงมาก และมีแนวโน้มที่จะเร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง จึงทำให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีคำสั่งยกระดับมาตรการเข้มงวดขึ้น โดยปรับเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิม 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด และขยายระยะเวลาในการล็อคดาวน์ ต่อเนื่องไปอีก 14 วัน นับจากวันครบกำหนดระยะแรกในวันที่ 2 สิงหาคม นี้ โดยสำหรับด้านร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า มีการผ่อนคลายให้สามารถจำหน่ายสินค้าในรูปแบบดีลิเวอร์รี่ได้ โดยรวมถือว่าสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศยังน่าเป็นห่วง ซึ่งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งภาพการฟื้นตัวของทั้งเศรษฐกิจ และการลงทุน
MARKRT SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งตัวลง ตอบรับสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดย SET ปิดที่ 1,521.92 (-15.86 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 707 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 216 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 8,807 สัญญา)
EYES ON
2 ส.ค. ดัชนี MPI ภาคการผลิต ของไทย US จีน ยูโรโซน, ดัชนี ISM ภาคการผลิตของ US
3 ส.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US
4 ส.ค. การประชุม กนง., การจ้างงานภาคเอกชน US จาก ADP, ดัชนี PMI ภาคบริการ ของ US จีน ยูโรโซน, ดัชนี ISM ภาคบริการของ US, ยอดค้าปลีกยูโรโซน
5 ส.ค. ตัวเลขเงินเฟ้อไทย, ดุลการค้า US, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ US
Siam Global House (GLOBAL)
กำไรดีกว่าคาด ปรับเพิ่มประมาณการ
BUY
Share Price THB 22.80
12 m Price Target THB 27.00 (+18%)
Previous Price Target THB 26.00
ประเด็นการลงทุน
กำไร 2Q64 สูงกว่าที่เราคาดและเป็น new high เนื่องจากการเติบโตของทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น แม้คาดว่ากำไรจะชะลอลงใน 2H64 ตามผลของฤดูกาลและผลกระทบส่วนหนึ่งจากการล็อกดาวน์ แต่เราคาดว่ากำไรจะเติบโตได้อย่างมีนัยยะ YoY จากยอดขายที่ยังแข็งแกร่ง การเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรซึ่งส่งผลให้ราคาเป้าหมาย (DCF) ปรับเพิ่มขึ้นจาก 26 บาท เป็น 27 บาท แนะนำ ซื้อ
กำไร 2Q64 ดีกว่าคาด และสูงเป็นประวัติการณ์
กำไรสุทธิ 2Q64 เพิ่มขึ้น 1% QoQ และ 92% YoY เป็น 972 ล้านบาท ดีกว่าที่เราคาด 8% จากอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าคาดโดยเพิ่ม 68 bps YoY เป็น 25.9% เนื่องจากเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เพิ่มสินค้า House brand และราคาเหล็กเพิ่มขึ้น ยอดขายเติบโต 43% YoY เป็น 8,888 ล้านบาท ซึ่งเป็น new high จากการที่ SSSG สูงถึง +35% (เทียบกับ -20% ใน 2Q63 และ +13.7% ใน 1Q64) โดยสินค้าขายดีแทบทุกกลุ่ม และราคาเหล็กเพิ่มขึ้น อีกทั้งจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น 5 สาขา YoY
กำไร 2H64 ยังมีแนวโน้มเติบโตสูง YoY
เราคาดว่ากำไร 3Q64 ลดลง QoQ เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นและราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลดลง แต่กำไรจะยังเติบโตแข็งแกร่ง YoY โดย SSSG เดือน ก.ค. เป็นบวกเกิน 10% ขณะที่การล็อกดาวน์ 13 จังหวัดในเดือน ก.ค. คาดว่ามีผลกระทบจำกัด โดย GLOBAL มีการปิดสาขาชั่วคราว 4 สาขา (จากสาขาทั้งหมด 73 สาขา) เนื่องจากไม่มีสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนการล็อกดาวน์เพิ่มเติมในเดือน ส.ค. คาดว่าจะมีการปิดสาขาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี GLOBAL ยังสามารถขายหลังร้านและทางออนไลน์ได้ อีกทั้งสาขาส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน นอกจากนั้น อัตรากำไรจะถูกผลักดันจากการปรับราคาสินค้า House brand เพิ่มขึ้น รวมทั้งได้ผลบวกจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น
ปรับประมาณการกำไรขึ้น
กำไรสุทธิ 1H64 คิดเป็น 71% ของกำไรที่เราคาดการณ์ในปีนี้ อีกทั้งกำไร 2H64 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2565 โดยยังมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นปีละ 5-6 สาขา เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2564-2565 ขึ้น 15% และ 13% ตามลำดับ แม้มีการขยายสาขาต่อเนื่อง แต่เราคาดว่า GLOBAL ยังคงมีฐานะการเงินยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.6-0.7 เท่า
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ราคาเหล็กลดลงอย่างมีนัยยะ
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
PTT Exploration & Production (PTTEP TB)
กำไรหลักแกร่ง แต่มีรายการพิเศษ
BUY
Share Price THB 103.00
12 m Price Target THB 157.00 (+52%)
Previous Price Target THB 157.00
กำไรหลักเพิ่มขึ้น มาพร้อมกับรายจ่ายภาษีทีเพิ่มขึ้น
NPAT งวดไตรมาส 2Q64 เพิ่มขึ้น +27% QoQ, +181% YoY แตะ 1.1168 หมื่นล้านบาท แต่ต่ำกว่าประมาณการของเราและตลาดคาดประมาณ 13% และ 9% สาเหตุหลักมาจากจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น (รับรู้ค่าใช้จ่ายภาษีเต็มจำนวนจากแปลง 61 ประเทศโอมาน ภาษีที่แท้จริง -55%) ปริมาณขายใน 2Q64 เพิ่มขึ้น 16% QoQ, 35% YoY เป็น 443KBOED จากแปลง 61 โอมานและ Sabah H. ขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) เพิ่มขึ้น 4% QoQ เป็น USD42.2/BOE หนุนโดยราคาของเหลวที่เพิ่มขึ้น 13% ราคาก๊าซทรงตัวที่ USD 5.59/mmbtu เทียบกับ USD5.61/mmbtu ในไตรมาส 1/64 ต้นทุนต่อหน่วยลดลงแตะ USD27.4/BOE เทียบกับ USD27.96 จากปริมาณที่สูงขึ้น NPAT ที่ไม่เกิดขึ้นประจำอยู่ที่ 7.1 พันล้านบาท (-38% QoQ +65% YoY) เนื่องจากขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 4 พันล้านบาท (เพดาน 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 18 ล้านบาร์เรล) สูงกว่าประมาณการของเราที่ 2 พันล้านบาทมาก เงินปันผลระหว่างกาลจ่าย 2 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 40%
แนวโน้ม 3Q64 อ่อนตัว แต่จะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นใน 4Q64
ผู้บริหารคาดปริมาณ 405/463KBOED ใน 3Q64/4Q64 ลดลงในไตรมาส 3/64 จากการรับก๊าซที่ลดลงของ PTT เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุง GSP ราคาก๊าซอยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐ/5.8/mmbtu ผบห.ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบปี 64 จาก 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลเป็น 67 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากสมมติฐานราคาก๊าซปี 64 ที่สูงขึ้น (5.7 เหรียญสหรัฐฯ/mmbtu เทียบกับ 5.6 เหรียญสหรัฐฯ/mmbtu) ส่วนปัญหาขาดแคลนก๊าซ 300mmscfd จากความล่าช้าในการเข้าถึงแหล่งเอราวัณในปี 65 จะชดเชยโดยแหล่งก๊าซบงกชและอาทิตย์ 200mmscfd เรามองว่า PTT จะนำเข้า LNG เพื่อชดเชยส่วนที่เหลือ เราประเมินว่าทุก 100mmscfd ที่หายไป หรือประมาณ 16KBOED จะกระทบกำไรปี 65 ประมาณ 3%
ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
ผบห.ใช้เวลาพอสมควรในการแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและแผนงานของ PTTEP โดยคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมัน/ก๊าซของประเทศไทยจะสูงสุดในปี 2577/2583 ซึ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะสำรวจการขายสินทรัพย์น้ำมัน แต่ก๊าซจะยังคงเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ 70% ของพอร์ต PTTEP เป็นก๊าซ อัตราส่วนปริมาณสำรองเฉลี่ย (R/P) จะลดลงที่ 5 เทียบกับ (7 ปี ในอดีต) เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางธุรกิจ PTTEP กำลังสำรวจทั้งไฮโดรเจนและ CCUS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการขจัดคาร์บอน ภายในปี 2573 PTTEP ตั้งเป้า 20% ของรายได้สุทธิจะมาจากธุรกิจพลังงาน (เวียดนามและเมียนมาร์) และ AI/Robotics (ARV) ต่างจาก PTT ที่ผลักดันวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ รถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียน เป้าหมายของ PTTEP ในการขยายบริการธุรกิจ AI อาจมีความท้าทายมากกว่าในมุมมองของเราเนื่องจากความต้องการ/ขอบเขตที่จำกัด
คงแนะนำ ซื้อ – ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง
1H64 คิดเป็น 46% ของคาดการณ์หลักปี 64 ของเรา ดังนั้นจึงไม่เปลี่ยนแปลง คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 157 บาท (P/E ปี 64 ที่ 14.5 เท่า 0.3 SD) ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นของ PTTEP ปรับตัวลดลงจากราคาน้ำมันดิบ (75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ณ เวลาที่เขียน) เราคาดว่าเป็นเพราะความไม่แน่นอนในประเด็นการเข้าแหล่งเอราวัณที่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม ผบห.ได้ระบุความเสี่ยงไว้อย่างชัดเจน (ผลกระทบ 3% ต่อรายได้) แม้คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงในครึ่งปีหลัง แต่ราคาน้ำมันดิบก็มีแนวโน้มจะสูงกว่าสมมติฐานของเราที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
Kaushal Ladha, CFA
(66) 2658 5000 ext 1392
Thai Stanley El. (STANLY)
กำไร 1Q64/65 ชะลอตัว แต่ยังเด่น
BUY
Share Price THB 168.00
12 m Price Target THB 212.00 (+26%)
Previous Price Target THB 212.00
ผลประกอบการ 1Q64/65
STANLY ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1Q64/65 (งวด เม.ย.-มิ.ย. 2564) มีกำไรที่ชะลอตัวจากไตรมาสก่อน 32%QoQ เหลือ 383 ล้านบาท จากเป็นช่วงโลซีซั่น มีวันหยุดเทศกาลหลายวัน รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปของค่ายรถยนต์บางค่าย แต่ยังเป็นระดับที่เด่น และ ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 184 ล้านบาท ยอดขายไตรมาสนี้เท่ากับ 3,219 ล้านบาท (-16%QoQ, +87%YoY) สอดคล้องกับยอดผลิตรถยนต์รวม 378,768 คัน (-19%QoQ, +148%YoY) อัตรากำไรขั้นต้นชะลอตัวลงเหลือ 19.3% จาก 23.8% ในไตรมาสก่อน จากยอดผลิตที่ลดลง แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ติดลบ -4.3%
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มปี 2564 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม ได้ปรับเพิ่มประมาณการยอดผลิตรถยนต์เป็น 1.55-1.6 ล้านคัน โต 9%-12% จากเป้าหมายเดิม 1.5 ล้านคัน จากยอดส่งออกที่เติบโตดีกว่าคาด ในขณะที่เราประเมินยอดผลิตรถยนต์ 1.7 ล้านคัน เติบโต 19% แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน STANLY ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ไฟหน้า-ท้าย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Global Model เราคาดยอดขาย STANLY ปี 2564/65 (เม.ย.64 - มี.ค. 2565) จะฟื้นตัวตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ 13,700 ล้านบาท โต 18% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% โดยผลประกอบการของ STANLY ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ที่มียอดขาย 15,150 ล้านบาท และ มีกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท ซึ่งประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม เพราะ กำไร 1Q64/65 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งปกติไตรมาสแรกของ STANLY จะเป็นช่วงโลซีซั่น
คำแนะนำการลงทุน
STANLY มีเงินสดในมือ เงินลงทุนระยะสั้น และตราสารทุนสูงถึง 7 พันล้านบาท แม้ว่าในรอบสองปีจะใช้เงินลงทุนไปแล้ว 5 พันล้านบาท รองรับคำสั่งซื้อใหม่ โดยเฉพาะ Global Model ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 244 บาท ซื้อขาย P/E ปีนี้ต่ำ 8.3 เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.8% เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 10.5 เท่า จะได้เท่ากับ 212 บาท คงแนะนำ ซื้อ
ความเสี่ยง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั่วโลกยังไม่ผ่อนคลาย / แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน / ปัญหาชิ้นส่วนบางรายการขาดแคลน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ