- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 July 2021 11:13
- Hits: 16260
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 23 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
จับตาส่งออกไทย
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,565 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไร 2Q64 เด่น โดย ATO Picks แนะนำ “SPALI, TU”
SPALI
คาดกำไร 2Q64 แข็งแกร่งราว 1.4-1.5 พันล้านบาท จากการเริ่มโอนคอนโดน 2 แห่งมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งรายได้และกำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 40% ของประมาณการทั้งปี เราคาดกำไรจะเร่งขึ้นทำจุดสูงสุดของปีในช่วง 3Q64 ปัจจุบันเทรด PE 8 เท่า และคาดมีปันผลสูงราว 5% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.5 บาท
TU
แนวโน้มกำไรแข็งแกร่งใน 2Q64 เติบโตทั้ง QoQ, YoY จากยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงและควบคุมต้นทุนได้ดี ขณะที่ Red Lobster ฟื้นตัวได้ดีหลังการเปิดเมือง เราคาดว่ากำไร 3Q64 ดีต่อเนื่อง โดยได้ผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.0 บาท
INVESTMENT THEME
จับตาส่งออกไทย
ECB คงดอกเบี้ยและวงเงิน PEPP : วานนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำตามเดิม นำโดย คงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 0%, คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.50% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.25% นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ 1.85 ล้านล้านยูโร จนถึงเดือนมี.ค. 2565 (ซื้อพันธบัตร 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน) รวมถึงยังระบุว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมาย 2% อีกด้วย
เศรษฐกิจสหรัฐฯต่ำคาด ส่วนไทยจับตาส่งออก : สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4.19 แสนตำแหน่ง จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 3.6 แสนตำแหน่ง และถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 3.5 แสนตำแหน่ง สะท้อนการฟื้นตัวของภาคแรงงานเริ่มแผ่วลง ส่วนตัวเลขการขายบ้านมือสอง เดือนมิถุนายน ที่ 5.86 ล้านยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ 5.9 ล้านยูนิต สะท้อนภาคอสังหาฯก็ยังฟื้นได้ต่ำคาดเช่นกัน โดยสรุปตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ลดความร้อนแรงลง อาจทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นต้องระวังมากขึ้น ส่วนไทยวันนี้จับตาตัวเลขการส่งออก เดือนมิถุนายน คาดโตแกร่ง +38%YoY ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญพยุงภาพเศรษฐกิจในระยะสั้น เพิ่มแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ฟื้นตัว สอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยมีแรงซ้อมากในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และธนาคาร โดย SET ปิดที่ 1,552.36 (+11.48) มูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 10 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 2,429 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 23,218 สัญญา)
EYES ON
23 ก.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และ ยูโรโซน, ยอดส่งออกไทย มิ.ย.
Central Pattana (CPN)
จำนวนลูกค้าลดลง ส่วนลดค่าเช่าเพิ่มขึ้น
BUY
Share Price THB 49.50
12 m Price Target THB 60.00 (+21%)
Previous Price Target THB 60.00
คำชี้แจงที่สำคัญ: บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อาจมีธุรกรรมกับ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN)
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 2Q64 เติบโตสูง YoY จากฐานต่ำ แต่ลดลง QoQ เนื่องจากผลกระทบของโควิดทำให้จำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้าลดลงและส่วนลดค่าเช่าเพิ่มขึ้น แนวโน้ม 3Q64 ยังชะลอตัวจากการล็อกดาวน์ซึ่งหากขยายระยะเวลาปิดศูนย์การค้าไปอีกจะเป็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการของเรา แต่หากการระบาดคลี่คลาย รายได้จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างมีนัยยะ แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย (DCF) 60 บาท
รายได้ถูกกระทบจากการระบาดของโควิด-19
การระบาดของโควิด-19 และการห้ามทานอาหารในร้านเมื่อต้นเดือน พ.ค. กระทบจำนวนลูกค้าเข้าศูนย์การค้า (Traffic) แต่การให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าสำหรับฉีดวัคซีนช่วยเพิ่ม Traffic ในเดือน มิ.ย. โดยรวมแล้ว Traffic 2Q64 อยู่ที่ 50-60% ลดลงจาก 70% ใน 1Q64 ส่วนลดค่าเช่า (Discount) คาดว่าเพิ่มจาก 1Q64 ที่ 30% เป็น 40% ทำให้รายได้ค่าเช่าลดลง 7% QoQ ขณะที่รายได้จากศูนย์อาหารและโรงแรมลดลง QoQ จากผลกระทบโควิดเช่นกัน อย่างไรก็ดี รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% QoQ เป็น 461 ล้านบาท เนื่องจากโอนโครงการแนวราบได้เพิ่มขึ้น เราจึงประเมินว่ายอดขายของ CPN ลดลง 6% QoQ เป็น 6,115 ล้านบาท
คาดกำไร 2Q64 ลด 7% QoQ แต่เติบโตสูง YoY จากฐานต่ำ
คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 40.8% จาก 46% ใน 1Q64 เนื่องจากรายได้ลดลง และยังมีต้นทุนคงที่บางส่วน คาดค่าใช้จ่ายทรงตัว QoQ จากการที่บริษัทไม่มีนโยบายลดพนักงาน โดยรวมแล้วเราคาดการณ์กำไรปกติ 2Q64 ลดลง 7% QoQ เป็น 1,505 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบ YoY กำไรจะเพิ่มขึ้นถึง 384% เนื่องจากฐานในต่ำในปีก่อนที่มีการล็อกดาวน์โดยมีการปิดศูนย์การค้าประมาณ 1 เดือนครึ่ง
แนวโน้มผลประกอบการชะลอตัว
ผลประกอบการ 3Q64 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากผลกระทบจากการล็อกดาวน์ 13 จังหวัด โดยศูนย์การค้าเปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านยา ส่งผลกระทบต่อศูนย์การค้าของ CPN 19 แห่ง (จากทั้งหมด 33 แห่งในประเทศไทย) ซึ่งคิดเป็นรายได้สัดส่วน 2 ใน 3 ของรายได้ค่าเช่า หากการระบาดของโควิดยังไม่คลี่คลายและขยายเวลาการล็อกดาวน์จะเป็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการของเรา
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ ปรับค่าเช่าได้น้อยกว่าคาด เลื่อนเปิดโครงการ การชุมนุม
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Diamond Building (DRT)
2Q64 จะชะลอตัว แต่ยังดี
BUY
Share Price THB 7.25
12 m Price Target THB 8.00 (+10%)
Previous Price Target THB 8.00
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 2Q64 จะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกซึ่งทำสถิติสูงสุดไว้ แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี 180 ล้านบาท (-8%QoQ, -1%YoY) โดยกำไรปกติจะโตปีก่อน 4%YoY แนวโน้มครึ่งปีหลังจะชะลอตัว แต่รวมปี 2564 จะเติบโตตามเป้าประมาณ 5% ผลของการซื้อหุ้นคืน จะทำให้กำไรต่อหุ้นเติบโตได้ดี 13% คาดจะจ่ายปันผลกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มเป็น 0.22-0.24 บาท จากกำไรเพิ่มขึ้น และ ปีนี้จะปันผลเพิ่มเป็น 0.48 บาท คิดเป็น อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.6% เราประเมินราคาเป้าหมาย 8 บาท คงแนะนำ ซื้อลงทุน
คาดกำไร2Q64จะชะลอตัว 180 ล้านบาท แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ผลประกอบการ 2Q64 มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกซึ่งทำสถิติสูงสุดไว้ แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี 180 ล้านบาท (-8%QoQ, -1%YoY) ถ้าหากหักรายการพิเศษกำไรขายที่ดินในปีก่อน 10 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่โตจากปีก่อน 4%YoY โดยประเมินยอดขายจะเติบโตจากปีก่อน 1,254 ล้านบาท (-6%QoQ, +5%YoY) แรงหนุนลูกค้าโครงการ และ โมเดิร์นเทรดที่โตมากกว่าสองหลัก ส่วนลูกค้าส่งออก และ เอเย่นต์ โตเล็กน้อย อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี 30% เทียบกับ 30.2% ในไตรมาสก่อน และ 30.9% ในปีก่อน
แนวโน้มครึ่งปีหลังจะชะลอตัว แต่รวมปี 2564 จะเติบโตตามเป้า
แนวโน้มครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงโลซีซั่น และ ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในประเทศบ้าง แต่ไม่รุนแรงนัก โดยคำสั่งซื้อจากลูกค้ายังมีต่อเนื่อง และ อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ส่วนการปรับขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ เช่นเยื้อกระดาษ จะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นบ้าง แต่สามารถบริหารจัดการได้ ผู้บริหารมองยอดขายในปีนี้จะเติบโตมากกว่าเป้าหมาย 5% หลังครึ่งปีแรกเติบโตมากกว่าเป้า เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมประเมินยอดขายปี 2564 เท่ากับ 4,565 ล้านบาท เติบโต 4% และ มีกำไร 569 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 2% แต่ผลของการซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นลดลง 10% จะทำให้กำไรต่อหุ้นเติบโตได้ดี 13% ประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเพราะกำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 66% ของประมาณการทั้งปี
หุ้นปันผลดี คาดจ่ายปีนี้เพิ่มเป็น 0.48 บาท
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปีนี้ต่ำ 10.2 เท่า และ เป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี จำนวนหุ้นลดลงทำให้กำไรต่อหุ้นเติบโตดี คาดจะจ่ายปันผลกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มเป็น 0.22-0.24 บาท จากกำไรเพิ่มขึ้น และ ปีนี้จะปันผลเพิ่มเป็น 0.48 บาท คิดเป็น อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.6% เราประเมินราคาเป้าหมาย 8 บาท ให้เท่ากับค่าเฉลี่ย Forward PE 10 ปีเท่ากับ 12.5 เท่า คงแนะนำ ซื้อลงทุน
ความเสี่ยง : ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน , ประเด็นเรื่องใยหินจะห้ามในอนาคต
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Siam Commercial Bank (SCB TB)
ค่าธรรมเนียมโต & ควบคุมต้นทุนดี
BUY
Share Price THB 95.25
12 m Price Target THB 130.00 (+36%)
Previous Price Target THB 130.00
รายได้ค่าธรรมเนียมโตแรง ช่วยหนุน EPS
เราชอบ SCB ในแง่รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตแข็งแกร่งและการควบคุมต้นทุนที่ดี ซึ่งจะช่วยชดเชยต้นทุนเครดิตที่สูงได้ เราประเมินต้นทุนเครดิตที่ 185bps ในปีนี้ ซึ่งหมายถึงต้นทุนเครดิตที่สูงขึ้นที่ 195bp ในครึ่งหลังของปี 64 เนื่องจากความไม่แน่นอนสูงจากการติดเชื้อระลอกใหม่ ค่าธรรมเนียมจาก bancassurance และธุรกิจบริหารความมั่งคั่งคาดจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้หลักในอีก 3 ปีข้างหน้า เราเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64-65 ขึ้น 6-10% แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 130 บาท (P/BV ปี 64 ที่ 1 เท่า, ROE 10%) ความเสี่ยงที่สำคัญคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้
สินเชื่อชะลอตัว ขณะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง
SCB ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็น 0.9% จาก 1.9% โดยยึดสมมติฐานว่าการระบาดของโควิดระลอกใหม่จะควบคุมได้ภายในเดือน พ.ย. 64 ธนาคารคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตตามเป้าในกรอบล่างที่ 3-5% ในปีนี้ เทียบกับ +2% YTD โดย NIM จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากธนาคารจะเน้นที่สินเชื่อคุณภาพสูงและผลตอบแทนต่ำ ขณะที่ Opex และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง YoY จากค่าใช้จ่ายพนักงานและอาคารสถานที่ในครึ่งปีแรกลดลง เราคาดว่า opex จะเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการจัดหาผู้ใช้ดิจิทัลรายใหม่ใน Robinhood (แพลตฟอร์มส่งอาหาร)
เสนอการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวเพื่อเพิ่มความอยู่รอดของลูกค้า
ผู้บริหารแนะนำว่า 20-25% ของสินเชื่อทั้งหมดอยู่ภายใต้การปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว (LTDR) และคาดว่าต้นทุนเครดิตในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 175bp ซึ่งใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ภายใต้ LTDR คาดว่า NIM ที่ลดลงจะชดเชยด้วยต้นทุนเครดิตที่ลดลง สำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด – โควิดอยู่ยาวไปจนถึงสิ้นปี 64 ต้นทุนสินเชื่อน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 200bp ในปีนี้ ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร ขณะที่สินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้ลดลงเหลือ 3.76 แสนล้านบาท (16% ของสินเชื่อทั้งหมด) ในไตรมาส 2/64 จาก 4.29 แสนล้านบาท (19%) ในไตรมาส 1/64 จากทั้งหมด 90% สามารถชำระหนี้ได้และประมาณ 10% ขอเลื่อนชำระและอาจจะกลายเป็น NPLs
เพิ่มคาดการณ์สะท้อนการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น
เราเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64-65 ขึ้น 6-10% จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรก เราเห็นผลกระทบจำกัดจากกฎเกณฑ์ค่าธรรมเนียมใหม่ โดยคาดว่าจะประกาศในครึ่งปีหลัง เนื่องจาก SCB ให้ความสำคัญกับค่าบริการจาก bancassurance และการบริหารความมั่งคั่ง (62% ของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิในครึ่งปีแรก) มากกว่าค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางธนาคาร (26% ดูรูปที่ 3)
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ