- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 July 2021 22:54
- Hits: 18290
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 19 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ย่อตัว :
มาตรการเข้มข้มขึ้น
วันนี้คาด SET ย่อตัว ในกรอบแนวรับ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “BANPU, FTREIT”
BANPU
ราคาถ่านหินโลกยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุด ราคาถ่านหิน Newcastleอยู่ที่ระดับ 148 เหรียญต่อตัน (+85%YTD) สอดคล้องกับอุปสงศ์ที่อยู่ในระดับสูง และอุปทานที่ตึงตัว ผสานกับการเดินหน้าต่อยอดธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งคาดจะเป็นแรงหนุนต่อภาพกำไรระยะกลาง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 15.5 บาท
FTREIT
กอง REIT อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยทรัพย์สินในทำเลยุทธศาสตร์ และพื้นที่เช่า 2 ล้าน ตร.ม. มูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท ถือเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่ง และ พอร์ตโฟลิโอมีการกระจายลงทุนที่ดี กระแสเงินสดแข็งแกร่ง และมีผลตอบแทนปันผลราว 5% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16.25 บาท
INVESTMENT THEME
มาตรการเข้มข้นขึ้น
OPEC เพิ่มกำลังผลิต : สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา OPEC บรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม 4 แสนบาร์เรลต่อวันต่อเดือน ซึ่งจะเริ่มในเดือนสิงหาคมนี้ และเพิ่มทุกเดือนจนสิ้นสุดกันยายน 65 จากการบรรลุดังกล่าวจะทำให้อุปทานเพิ่มขึ้น อีกทั้งอุปสงศ์น้ำมันดิบในระยะสั้นจะชะลอตัวจากการกลายพันธุ์ของ COVID-19 จึงอาจกดดันราคาน้ำมันดิบชะลอตัวระยะสั้น
ยกระดับมาตรการควบคุมเข้มข้นขึ้น : จากสถานการณ์ COVID-19 ในไทยที่รุนแรงมากขึ้น สะท้อนจากตัวเลขการติดเชื้อที่ทำจุดสูงสุดใหม่ บ่งชี้ว่ามาตรการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ ดังนั้นรัฐฯ จึงได้ยกระดับมาตรการการควบคุมให้เข้มข้นมากขึ้น โดยปรับเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เป็น 13 จังหวัด (เพิ่ม 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และอยุธยา) โดยมีมาตรการเพิ่มเติมคือ 1) งดการเดินทางออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็น ตั้งแต่เวลา 21:00-4:00 น. 2) ร้านอาหาร ห้ามรับประทานอาหารในร้าน ส่วนห้างสรรพสินค้า เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แผนกยา และที่ฉีดวัคซีน ซึ่งจะมีผลวันที่ 20 กรกฎาคมนี้
เศรษฐกิจในประเทศมี Downside : การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังยากที่จะแก้ไข เนื่องจาก เชื้อโรคกระจายเป็นวงกว้าง อีกทั้งประสิทธิภาพวัคซีนอยู่ในระดับต่ำ จึงอาจทำให้มาตรการรัฐฯที่เข้มข้นขึ้นไม่ได้ช่วยสถานการณ์ดีขึ้นนัก เพิ่ม Downside ต่อเศรษฐกิจในประเทศ แนะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ประเมิน SET มีโอกาสลงทดสอบ 1550/1500 จุด
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่ง Sideways ยังขาดปัจจัยใหม่ ขณะที่ยังแรงกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศ โดย SET ปิดที่ 1,574.37 (+2.36) มูลค่าการซื้อขาย 8.0 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,165 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 939 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 1,218 สัญญา)
EYES ON
19-21 ก.ค. รายงานงบ 2Q64 ของกลุ่มธนาคาร
20 ก.ค. ยอดการสร้างบ้านใหม่ US
21 ก.ค. ส่งออกไทย มิ.ย.
22 ก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดขายบ้านมือสอง US, การประชุม ECB
23 ก.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และ ยูโรโซน
KrungThai Card (KTC TB)
กำไรไตรมาส 2Q64 แข็งแกร่ง
HOLD
Share Price THB 69.75
12 m Price Target THB 68.00 (-3%)
Previous Price Target THB 68.00
กำไรดี แต่ราคาหุ้นตอบรับข่าวดีไปแล้ว ถือ
เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานของ KTC ยังคงแข็งแกร่งด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี เรามีมุมมองบวกต่อกลยุทธ์การกระจายพอร์ตไปยังสินเชื่อที่มีหลักประกัน แต่ราคาหุ้นตอบรับข่าวดีไปแล้ว ส่งผลให้ราคาหุ้นซื้อขายบน P/E 29 เท่า และ P/BV ในปี 2564 ที่ 6.7 เท่า คงราคาเป้าหมายที่ 68 บาท (P/BV ปี 64 ที่ 6.5 เท่า P/E 28 เท่า และ ROE 27%) เราชอบ AEONTS มากกว่า (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 260 บาท) เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ปรับความเสี่ยงได้ดีกว่าในราคาที่ถูกกว่า ความเสี่ยงที่สำคัญคือการเสื่อมคุณภาพสินทรัพย์และการลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น
กำไร 2Q64 โต 46% YoY และ 3% QoQ
กำไร 2Q64 อยู่ที่ 1.68 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% YoY และ 3% QoQ จากต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง กำไรในครึ่งปีแรกเติบโต 19% YoY และคิดเป็น 53% ของประมาณการทั้งปีของเรา สินเชื่อเพิ่มขึ้น 7% YoY และ 2% QoQ นำโดยสินเชื่อบัตรเครดิต (+6.8% YoY) รายได้รวมทรงตัว YoY เนื่องจาก NII ที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บที่ลดลงถูกชดเชยด้วยหนี้เสียได้รับคืนที่เพิ่มขึ้น (+19% YoY) ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 4% YoY เป็น 9.41 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีแรก Opex เพิ่มขึ้น 18% YoY เนื่องจากผลกระทบจากฐานที่ต่ำใน 2Q63 ขณะที่ PPoP ลดลง 7% YoY (ทรงตัว QoQ)
อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อ KTBL
KTC เข้าถือหุ้น 75% ใน KTB Leasing (KTBL ไม่ได้จดทะเบียน) จาก KTB (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท) เพื่อเสริมแกร่งให้สินเชื่อ อัตราส่วน NPL ของ KTC เพิ่มขึ้นเป็น 4.4% (จาก 1.9% ในไตรมาส 1/64) ในขณะที่ NPL coverage ลดลงเหลือ 251% (จาก 442% ในไตรมาส 1/64) หลังจากรวม KTBL ในไตรมาส 2/64 หากไม่รวม KTBL อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.0% ในไตรมาส 2/64 KTC บันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้น 1.1 พันล้านบาท ลดลง 45% YoY หรือ ต้นทุนเครดิต5.2% ในไตรมาส 2/64 ณ สิ้น 2Q64 มีลูกค้าเข้าโครงการบรรเทาหนี้จำนวน 21,564 ราย มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท (1.7% ของพอร์ตสินเชื่อ) เทียบกับลูกค้า 16,066 ราย มูลค่าสินเชื่อ 1.2 พันล้านบาทในไตรมาส 1/64
ปรับลดเป้าหมายสะท้อนผลกระทบโควิด-19
KTC ปรับลดเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็น 2 แสนล้านบาทในปี 2564 หรือ +5% YoY จาก +8% ก่อนหน้านี้ และคงเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคลทรงตัวจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อที่มีหลักประกัน 1 พันล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ จากแนวโน้มการปรับลดเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราแสดงให้เห็นว่ากำไรของ KTC ปี 64 จะลดลง 1.0% หากผลตอบแทนสินเชื่อลดลง 10bps
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
TPI Polene (TPIPL)
คาดกำไร 2Q64 จะยังเด่นโตสูง
BUY
Share Price THB 1.76
12 m Price Target THB 2.50 (+42%)
Previous Price Target THB 2.50
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 2Q64 จะยังเด่นโตสูง 1,200 ล้านบาท (+3%QoQ, +81%YoY) แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจปิโตรเคมี และ พลังงาน แนวโน้มปี 2564 จะเติบโตทั้งสามธุรกิจ คือ ปูนซีเมนต์ ปิโตรเคมี และ โรงไฟฟ้า โดยเฉพาะ ปิโตรเคมี จะเป็นดาวเด่นเติบโตสูงสุด คาดกำไรปีนี้ 3,927 ล้านบาท เติบโต 162%YoY ประเมินราคาเป้าหมาย 2.50 บาท บนฐาน ค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเท่ากับ 14 เท่า แล้วหักด้วยคดีฟ้องร้อง หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ คาดจะปันผลดีขึ้น คงแนะนำ ซื้อ
คาดกำไร 2Q64 จะยังเด่นโตสูง 1,200 ล้านบาท (+3%QoQ, +81%YoY)
แนวโน้มผลประกอบการ 2Q64 คาดจะยังเด่น และโตสูง 1,200 ล้านบาท (+3%QoQ, +81%YoY) ยังได้แรงหนุนสำคัญจาก ธุรกิจปิโตรเคมี 2Q64 มีแนวโน้มจะดีขึ้นอีก เนื่องจากสเปรด EVA – Ethylene ที่ยังอยู่ในระดับสูงเกิน 1,400-1,500 เหรียญ/ตัน และ รับผลบวกเต็มที่ใน 2Q64 จากราคาที่ปรับขึ้น เพราะไตรมาสแรกจะมี Lag ในการปรับราคา ประเมิน EBITDA ธุรกิจปิโตรเคมี 1,000 ล้านบาท (+11%QoQ, +225%YoY) ธุรกิจปูนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง จะเข้าสู่ช่วงโลซีซั่น และ การแพร่ระบาดของ Covid-19 แต่การปรับปรุงประสิทธิภาพจะทำให้ EBITDA ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน 480 ล้านบาท (+5%QoQ, -7%YoY) ธุรกิจพลังงานจะได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า TG8 กลับมาผลิตเต็มที่มากขึ้น และ มีการติดตั้ง Boiler B13-B15 เสร็จ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประเมิน EBITDA 1,536 ล้านบาท (+9%QoQ, +11%YoY)
แนวโน้มครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก แต่ยังเด่นและโตจากปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก โดยสเปรด EVA – Ethylene มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงจากกำลังการผลิตใหม่ แต่จะยังอยู่ในระดับสูงจากความต้องการสูง และ TPIPL สามารถผลิตในเกรดที่สูงขึ้น สำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะถูกกระทบจากการล็อกดาวน์ไซต์งานก่อสร้าง และ การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่รุนแรงขึ้น ส่วนธุรกิจพลังงานคาดจะเติบโตต่อเนื่องจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยกำไรครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก แต่จะยังโตจากปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะเติบโตเด่น
แนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะเติบโตเด่น ได้แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ ธุรกิจปิโตรเคมี สเปรด EVA – Ethylene จะอยู่ในระดับสูงเกิน แรงหนุนจากความต้องการที่สูงในตลาดโลกโดยเฉพาะจีน ในขณะที่ชัพพลายจำกัด โดยไตรมาสสี่จะอ่อนลงบ้าง ธุรกิจปูนซีเมนต์ได้แรงหนุนจาก การปรับปรุงเตาเผาปูนทั้ง 4 สายการผลิต และเพื่อให้ใช้เชื้อเพลิง RDF ทดแทนถ่านหินประมาณ 30-40% จะช่วยลดต้นทุนประมาณ 150-200 บาท/ตัน ธุรกิจโรงไฟฟ้า ได้ผลบวกจาก การติดตั้ง Boiler B13-B15 เสร็จ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คาดกำไรปีนี้ 3,927 ล้านบาท เติบโต 162%YoY
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ