- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 July 2021 16:35
- Hits: 1897
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 12-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 12 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ผันผวน :
ปัจจัยภายในยังถ่วงดัชนี
วันนี้คาด SET แกว่ง ผันผวน ในกรอบแนวรับ 1,530 จุด และแนวต้าน 1,565 จุด เน้นหุ้นที่กำไรคาดจะทำจุดสูงสุดใหม่ โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “WICE, SIS”
WICE
คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 92 ลบ. (+13.6% QoQ, +66.8% YoY) ทำจุดสูงใหม่เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันโดยเฉพาะกลุ่มการขนส่งทางทะเลที่กลับมาร้อนแรงกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้มาร์จิ้นสูง จึงทำให้เกิด margin expansion ด้วย เราจึงปรับคาดกำไรปีนี้ขึ้นอีก 31%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.8 บาท
SIS
คาดกำไร 2Q64 ที่ 195 ล้านบาท +2%QoQ, +33%YoY ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน จากอุปสงศ์คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และยังมี Upside Risk จากสถานการณ์ COVID-19 รุนแรงกว่าคาด ทำให้การ Work form Home ยืดออกไป คาดหนุนกำลังซื้อแกร่งไปจนถึงปลายปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท
INVESTMENT THEME
ปัจจัยภายในยังถ่วงดัชนี
ศบค. ปรับมาตรการเข้มข้มขึ้น : จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่ยังคงรุนแรงขึ้น ทั้งจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระดับสูง ผสานสัดส่วนการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ ศบค. มีการปรับมาตรการการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (10 จังหวัด) เช่น 1) ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดช่วง 21.00-3.00 น. 2) ร้านสะดวกซื้อ ปิด 20.00-4.00 น. 3) ห้างสรรพสินค้า เปิดเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านอาหาร, ธนาคาร, ร้านขายยา, อุปกรณ์มือถือ โดยเปิดได้ถึง 20.00 น. 4) ปิดสถานที่เสี่ยง เช่น นวด สปา เสริมความงาม 5) สวนสาธารณะ เปิดได้ถึง 20.00 น. 6) ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-4.00 น. โดยทั้งหมดมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. นี้ ถือได้ว่าการยกระดับมาตรการในรอบนี้ อาจทำให้มีการเว้นระยะห่างที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีการที่จะทำให้ตัวเลขการติดเชื้อลดลงแบบมีนัยสำคัญยังคงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นยังคงแนะนำเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น
สัปดาห์นี้จับตาถ้อยแถลงประธาน FED : สัปดาห์นี้ นายเจอโรม โพเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีกำหนดแถลงการณ์รอบครึ่งปี ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 14 ก.ค. และต่อคณะกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 15 ก.ค. โดยแนะติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายในช่วงถัดไป
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ฟื้นตัวทางเทคนิค หลังทั้งสัปดาห์ตอบรับความกังวลจากมาตรการ ศบค.ที่เข้มขึ้นไปมากแล้ว โดย SET ปิดที่ 1,552.09 (+8.42) มูลค่าการซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.11 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 74 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 701 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 5,295 สัญญา)
EYES ON
13 ก.ค. CPI ของ US, ดุลการค้าของจีน
14 ก.ค. PPI ของ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน, ปธ.เฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา
15 ก.ค. ดัชนี 2Q64 GDP ของจีน, ยอดขายบ้านใหม่ของจีน, ยอดขายปลีกของจีน, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน, ปธ.เฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนราษฎร
16 ก.ค. ดุลการค้ายูโรโซน, CPI ของ ยูโรโซน
Siam Cement (SCC)
กำไร 2Q64 จะยังเด่น แต่ครึ่งหลังจะชะลอ
BUY
Share Price THB 420.00
12 m Price Target THB 520.00 (+24%)
Previous Price Target THB 520.00
ประเด็นการลงทุน
กำไร 2Q64 จะสูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส 15,000 ล้านบาท (+1%QoQ, +60%YoY) แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมี แต่สเปรดที่ลดลงจะกดดันกำไรครึ่งหลังปี 2564 ชะลอตัว แต่รวมปี 2564 กำไรจะเด่น 44,892 ล้านบาทโตสูง 32% ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม70% ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิสและโซลูชั่น ไปรีเทล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า คงแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 520 บาท บนฐาน Forward P/E+0.5SD = 13.9 เท่า
คาดกำไร2Q64จะยังเด่น 15,000 ล้านบาท สูงสุดรอบ 17 ไตรมาส
SCC จะประกาศผลประกอบการ 2Q64 ในวันที่ 29 ก.ค. นี้ เราคาดจะมีกำไรที่เด่น และ สูงสุดรอบ 17 โตรมาส 15,000 ล้านบาท (+1%QoQ, +60%YoY) แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจปิโตรเคมี จากกำลังการผลิตใหม่ MOCD ทำให้ปริมาณขายเพิ่มเป็น 500,000 ตัน (+2%QoQ, +2%YoY) และ ได้ผลบวกจาสเปรด HDPE, PP และ PVC ที่มีสเปรดที่ดีในครึ่งแรกของไตรมาส 2Q64 นอกจากนี้ By product คือ Benzene , Toluene ก็มีสเปรดที่ดี รวมไปถึง ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากปิโตรเคมีฯ คาดจะเพิ่มเป็น 3,690 ล้านบาท (+3%QoQ, +305%YoY) จาก MMA, BD มีสเปรดที่สูงขึ้น ดังนั้น เราคาดกำไรปิโตรเคมีในไตรมาส 2Q64 จะสูงถึง 8,957 ล้านบาท (+1%QoQ, +96%YoY)
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจะชะลอ ส่วนบรรจุภัณฑ์ครบวงจรเด่นต่อ
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกำไร คาดจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อนจากเป็นช่วงโลซีซั่น และ ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดCovid-19 แต่การปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุนทำให้โตจากปีก่อน 1,809 ล้านบาท (-23%QoQ+11%YoY) ส่วน ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร คาดจะยังมีกำไรที่โดดเด่น แม้ว่าจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อนบ้างจากผลของฤดูกาล 2,033 ล้านบาท (-6%QoQ, +5%YoY) จากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และ กลยุทธ์โซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร นอกจากนี้ ผลประกอบการจะยังได้แรงหนุนจากปันผลจากค่ายรถยนต์คาดประมาณ 800 ล้านบาท (+700%QoQ, +79%YoY) และส่วนแบ่งกำไรจากรถเทรกเตอร์ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไม่ใช่ปิโตรเคมีคาดจะยังสูงถึง 2,005 ล้านบาท (-5%QoQ, +153%YoY)
แนวโน้มครึ่งปีหลังจะชะลอตัว แต่ปีนี้จะโตสูง
แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดจะชะลอตัว เนื่องจากสเปรดธุรกิจปิโตรเคมีในเดือน ก.ค. ที่ลดลง และ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จะถูกกระทบจาก Covid-19 ที่แพร่ระบาดรุนแรงขึ้น ในขณะที่บรรจุภัณฑ์ครบวงจรคาดจะยังโตดี จาก Organic และ Inorganic growth กำไรครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปี เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม คาดกำไรปีนี้ 44,892 ล้านบาท โต 32%
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Sonic Interfreight (SONIC)
กำไรไตรมาส 2 คาดโต 4 เท่าตัว
BUY
Share Price THB 4.48
12 m Price Target THB 5.25 (+17%)
Previous Price Target THB 3.80
ประเด็นการลงทุน
เราปรับปรุงราคาเหมาะสมขึ้น 38% หลัง SONIC รายงานกำไรในไตรมาส 1 เป็นสถิติใหม่อย่างยอดเยี่ยม ดีกว่าคาด 12% และเราพบว่า แนวโน้มไตรมาส 2 จะยังคงสดใสต่อ เราคาดกำไรสุทธิจะขยายตัวแรง +487% YoY เป็น 39 ลบ. จากภาคการส่งออกของไทยยังคงฟื้นตัวแรง สอดคล้องกับตัวเลขของ ก.พาณิชย์ล่าสุดในเดือน พ.ค. ที่ขยายตัวถึง +41.% YoY เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 5.25 บาท/ หุ้น อิง P/E 19.1x ตามเดิม เราชอบ SONIC นอกเหนือการได้ประโยชน์ตามกลุ่ม Logistic คือ ในมุมของการปรับโครงสร้างภายในด้วยการใช้กระแสเงินสดส่วนเกินไปผลักดันธุรกิจเช่าซื้อรถหัวลาก เพื่อมาลด Operating Leverage ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ในระยะยาว
แนวโน้มไตรมาส 2 คาดกำไรพุ่ง +487% YoY
โดยแม้ในเชิงรายได้ เราจะคาดว่าอ่อนตัวเล็กน้อย 1% QoQ อันเนื่องจากผลของฤดูกาล และจังหวะการแพร่ระบาดระลอก 3 ทำให้มีการชะงักบ้างในระยะสั้น แต่การมีฐานกำไรที่ต่ำในปีก่อน เมื่อผนวกกับคาดอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวเท่าเดิม 18.0% และการทยอยเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับจากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถหัวลากล๊อตแรก 35 คันระหว่างไตรมาส เราคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/64 ที่ 39 ลบ. จะแสดงการขยายตัวแรง +487.1% YoY และ ชะลอตัวเพียงเล็กน้อย -3.7% QoQ และจะดีต่อในไตรมาส 3/64 ซึ่งเข้าสู่ฤดูส่งออกเต็มตัวของไทย
ปรับประมาณการกำไรขึ้น 38%
หลังไตรมาส 1 ทำกำไรได้ดีกว่าคาด 12% และคิดเป็นถึง 37% ของประมาณการเดิม เราจึงปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 38% เป็น 154 ลบ. ขยายตัว +157.8% YoY หลักๆมาจากการปรับรายได้รวมขึ้น 10% จากหน่วยธุรกิจขนส่งทางทะเล (สัดส่วนรายได้ 77% ของรายได้รวมในไตรมาส 1/64) ที่ได้อานิสงค์จากอัตราค่าระวางเรือคอนเนอร์ในระดับสูง โดยเราปรับสมมติฐานราคาขึ้นจากเดิม 30% เป็น 50% ขณะที่ปริมาณขนส่งสินค้าก็ยังคงหนาแน่น ดังที่ ก.พาณิชย์ รายงานตัวเลขส่งออกขยายตัว 13-42% YoY ใน 2 เดือนแรก ซึ่งเมื่ออิงกับ P/E เป้าหมายเดิม 19.1 เท่า และ สมมติฐานแปลงสภาพ SONIC-W1 จำนวน ¼ ของทั้งหมดในปีนี้ จะได้ราคาเหมาะสมใหม่ 5.25 บาท/ หุ้น
ความเสี่ยง
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างผู้เล่นรายใหญ่ เช่นกรณี Trade war ในปี 2561 หรือ การกีดกันการค้าในอนาคต อาจส่งผลให้ปริมาณการขนส่งลดลงได้ ซึ่งแผนการลด Operating Leverage จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ในอนาคต
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ