- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 July 2021 22:30
- Hits: 18430
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 5-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 5 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งสร้างฐาน :
ปัจจัยภายในยังกดดัน
วันนี้คาด SET แกว่งสร้างฐาน ในกรอบแนวรับ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,590 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “EPG, ASK”
EPG
คาดกำไร 1Q64/65 (เม.ย.-มิ.ย. 2564) จะเติบโตดีขึ้นสู่ 415 ล้านบาท (+3%QoQ, +449%YoY) แรงหนุนจากธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) และ ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) รวมถึงการทยอยปรับราคาหนุน Margin ดีขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.5 บาท
ASK
คาดรายได้ยังเติบโตแข็งแกร่งทั้งจากสินเชื่อรถบรรทุกที่ขยายตัวดีและยอดขายประกันที่โตแรง โดยคาดว่ากำไรจะมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ และขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ ผสานแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่ Valuation ไม่แพง และมีการจ่ายปันผลสูง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท
INVESTMENT THEME
ปัจจัยภายในยังกดดัน
จ้างงาน US แข็งแกร่งเกินคาด : สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิถุนายน พบว่าขยายตัวขึ้นกว่า 8.5 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 5.59 แสนตำแหน่ง และถือว่าขยายตัวมากกว่าคาดที่ 7.2 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ถึงภาคแรงงานสหรัฐฯยังมีการขยายตัวที่โดดเด่นต่อเนื่อง
OPEC+ ยังยากจะหาบทสรุป : ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า OPEC+ ยังไม่สามารถหาบทสรุปได้ โดยเบื้องต้นกลุ่มเสนอปรับเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม เดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรวมสิ้นปีปรับเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่อย่างไรก็ดีข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกขัดขวางจากทางด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยคาดการณ์หารือจะยืดเยื้อต่อไปยังสัปดาห์นี้ ดังนั้นคงต้องติดตามบทสรุปต่อประเด็นการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ อย่างใกล้ชิด
ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงสร้างฐาน : แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังโดนแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่ยังค่อนข้างรุนแรง ผสานกับการกลายพันธุ์ส่งผลให้การควบคุมทำได้ยากลำบากมากขึ้น ซึ่งอาจกดดันให้ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน ยังคงแนะเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งลง โดยมีแรงกดดันจากตัวเลขการติดเชื้อในประเทศที่ยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย SET ปิดที่ 1,578.49 (-15.26) มูลค่าการซื้อขาย 8.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.1 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,155 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,240 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 13,824 สัญญา)
EYES ON
5 ก.ค. CPI ของไทย, Caixin China PMI ภาคบริการ, PMI ภาคบริการของยูโรโซน
6 ก.ค. PMI ภาคบริการของ US, ISM ภาคบริการของ US
7 ก.ค. รายงานการประชุม FED รอบที่ผ่านมา
8 ก.ค. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ของ US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของ US
9 ก.ค. ดัชนี CPI ของจีน
Eastern Polymer Group (EPG)
กำไร 1Q64/65 จะดีขึ้น ปีนี้จะทำสถิติใหม่
BUY
Share Price THB 11.30
12 m Price Target THB 13.50 (+19%)
Previous Price Target THB 13.50
ประเด็นการลงทุน
คาดผลประกอบการ 1Q64/65 (เม.ย.-มิ.ย. 2564) จะมีกำไรที่เติบโตดีขึ้น 415 ล้านบาท (+3%QoQ, +449%YoY) ได้แรงหนุนจาก ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) และ ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) รวมถึงการทยอยปรับราคาทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คาดผลประกอบการปีนี้ 2564/65 กำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,462 ล้านบาท โต 20% แรงหนุนการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (WACC 8%, LTG 3%) เท่ากับ 13.50 บาท คงแนะนำ ซื้อ
คาดกำไร 1Q64/65 จะเติบโตดีขึ้น 415 ล้านบาท (+3%QoQ, +449%YoY)
เราคาดผลประกอบการ 1Q64/65 (เม.ย.-มิ.ย. 2564) จะมีกำไรที่เติบโตดีขึ้น 415 ล้านบาท (+3%QoQ, +449%YoY) ถ้าหากหักกำไรอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 20 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่เติบโตดี 395 ล้านบาท (+11%QoQ, +231%YoY) ได้แรงหนุนจาก ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) จากการเติบโตอุตสาหกรรมรถยนต์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักออสเตรเลีย และ TJM มีการเติบโตสูง ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) ได้แรงบวกจากตลาดสหรัฐฯฟื้นตัวดีบวกมีกำลังการผลิตใหม่ ส่วน ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) ซึ่งขายในประเทศส่วนใหญ่ ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 คาดจะทรงตัว รวมแล้วเราประเมินยอดขายจะมีการเติบโตต่อเนื่องเท่ากับ 2,764 ล้านบาท (+2%QoQ, +41%YoY) และ อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้น 32.5% จาก 31.7% ในไตรมาสก่อน และ 28.9% ในปีก่อน จากการทยอยปรับราคาขึ้น และ ต้นทุนปิโตรเคมีเริ่มปรับลดลง
คาดกำไรปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่
ธุรกิจของ EPG ทั้งสามธุรกิจ มีแนวโน้มจะเติบโต คือ 1) ธุรกิจ AeroFlex ได้แรงบวกจากตลาดสหรัฐฯซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 40% ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเท่าตัว รองรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2) ธุรกิจ AeroKlas ได้แรงบวกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในและต่างประเทศฟื้นตัว TJM โตสูง 3) ธุรกิจ EPP ได้แรงบวกจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหารและเครื่องดื่มมีการเติบโตดี เราคงประมาณการคาดยอดขายปี 2564/65 เท่ากับ 10,749 ล้านบาท โต 12.2% และมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 1,462 ล้านบาท โต 20%
ราคาวัตถุดิบปิโตรเคมีอ่อนตัวลง เอื้อประโยชน์ต่อ EPG
ต้นทุนวัตถุดิบที่เกี่ยวกับปิโตรเคมีเทียบกับยอดขายของ EPG คือ AeroFlex 20% , AeroKlas 35-40% และ EPP 50% ซึ่งราคาวัตถุดิบปัจจุบันได้อ่อนตัวลงประมาณ 13% หลังจากขึ้นไปสูงสุดในเดือน เม.ย. ในขณะที่ EPG ได้ทยอยปรับราคาขึ้นตั้งแต่เดือน เม.ย. ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Kasikornbank (KBANK TB)
ผนึก MTL ขายประกันผ่านแบงก์
BUY
Share Price THB 118.50
12 m Price Target THB 160.00 (+35%)
Previous Price Target THB 160.00
ราคาสะท้อนข่าวร้ายแล้ว ความเสี่ยงจำกัด แนะนำ ซื้อ
เราเชื่อว่า Covid-19 ระลอกใหม่และการฉีดวัคซีนที่ช้าได้สะท้อนมูลค่าปัจจุบันแล้วหลังราคาหุ้นร่วง 19% และต่ำกว่าตลาด 18% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เรามองเป็นโอกาสสะสมและคาดว่ารายได้จะค่อยๆ ดีขึ้นจากปี 2565 หนุนโดยการฉีดวัคซีนที่ดีขึ้นและการเปิดประเทศ คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 160 บาท บน P/BV ปี 64 ที่ 0.8 เท่า และ ROE 9.1% ความเสี่ยงที่สำคัญคือคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอกว่าคาด
ผนึก MTL ขายประกันผ่านแบงก์
เรามีมุมมองบวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดย KBANK จะลงนามในสัญญาขายประกันชีวิตผ่านธนาคารฉบับใหม่ (ระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี 2565 ถึง 2574) เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต (MTL ไม่ได้จดทะเบียน) โดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุม EGM ในวันที่ 26 ส.ค. นี้ ธนาคารจะได้รับเงินค่าธรรมเนียมพิเศษรายปีจำนวน 1.27 พันล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี และค่าธรรมเนียมโบนัสตามผลงานที่ธนาคารไม่ได้รับในสัญญาครั้งก่อน เราเชื่อว่า KBANK ประเมินมูลค่าที่เพิ่มขึ้นขั้นต่ำจากสถาปัตยกรรมแบบเปิด โดยพิจารณาจากความแข็งแกร่งของ MTL ในตลาดประกันชีวิต MTL มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่เป็นอันดับสองที่ 16.6% ในด้านเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ในปี 2563 ในแง่ลบ เบี้ยประกันภัยของ MTL ที่ขายผ่าน KBANK ลดลง 13.6% ใน CAGR 3 ปี จาก 6.9 หมื่นล้านบาทในปี 2560 เป็น 4.5 หมื่นล้านบาทในปี 2563 เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอและดอกเบี้ยที่ลดลง
รายได้เพิ่มจากส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลง
เนื่องจาก KBANK มีสัดส่วนการถือหุ้น 38.25% ใน MTL และรวมงบการเงินของ MTL ผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนของ KBANK จะสะท้อนให้เห็นในการลดลงของส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลงจากรายได้ของ MTL ที่ลดลง (รายได้ค่าธรรมเนียมของ KBANK เป็นค่าธรรมเนียมจ่ายของ MTL ดังนั้นจึงหักล้างกัน) ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการเพิ่มขึ้น 627 ล้านบาทต่อปีในกำไรปี 65-74 จากรายได้ค่าธรรมเนียมพิเศษหลังหักภาษี (61.75%*THB1.27b*80%) บวกกับค่าธรรมเนียมโบนัสตามผลงานที่ไม่เปิดเผย โดยในปี 2563 KBANK มีรายได้ 8.7 พันล้านบาทจาก MTL โดยเป็นรายได้ค่าคอมมิชชั่น 5.7 พันล้านบาท และ เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นใน MTL อีก 3 พันล้านบาท เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64-66 ขึ้น 2-4% เพื่อสะท้อนการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ดีขึ้นและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลงจากข้อตกลงใหม่
อัพเดทคุณภาพสินทรัพย์ล่าสุด
KBANK คาดเงินกู้ 3.1 หมื่นล้านบาทที่ออกจากโครงการบรรเทาหนี้ (6% ของ 5.16 แสนล้านบาท) จะชำระได้ในครึ่งปีหลัง 64 และเงินกู้ 1.1 หมื่นล้านบาทในภาคโรงแรมสนใจโครงการพักทรัพย์พักหนี้ ผบห.เผยว่าอัตราผลตอบแทนเงินกู้ที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนสินเชื่อไปเป็นผลตอบแทนต่ำ/สินเชื่อองค์กรและสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีความเสี่ยงต่ำ (เพิ่มขึ้น 20-43% จากปี 61 ถึง 1Q64) ธนาคารจะเก็บ NPA ไว้โดยไม่ขาย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสินเชื่อและ NPL สูงขึ้นในเวลาอันใกล้ แต่กำไรจะดีขึ้นในระยะยาว
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ