- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 June 2021 12:19
- Hits: 292
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 11-6-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 11 มิถุนายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
เงินเฟ้อขึ้น แต่อาจใกล้ peak
วันนี้คาด SET Sideways กรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะ “MAJOR, TU”
MAJOR
คาดผลประกอบจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ตามการฉีดวัคซีน และโอกาสในการเปิดเมืองในช่วงถัดไป โดยประเมินหนังฮอลลีวูดจะเข้าฉายมากยิ่งขึ้น จากสหรัฐฯที่เปิดประเทศมากขึ้น โดย Fast & Furious 9 จะเข้าฉายสิ้นเดือนนี้ หนุนโอกาสที่ผลประกอบการจะพลิกกลับมากำไรได้ในช่วง 3Q64
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.5 บาท
TU
คาดผลประกอบการ 2Q64 ยังดีต่อเนื่อง จากยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งฟื้นตัวหลังสหรัฐฯ มีการเปิดเมืองมากขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบปลาทูน่ายังต่ำ ผสานธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงขายได้ดี อีกทั้ง Red Lobster มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการปรับโครงสร้างธุรกิจและการเปิดเมือง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20 บาท
INVESTMENT THEME
เงินเฟ้อขึ้น แต่อาจใกล้ peak
เงินเฟ้อสหรัฐฯเร่งขึ้น ภาคแรงงานฟื้นต่อเนื่อง : วานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว นำโดย 1) ดัชนี CPI เดือนพฤษภาคม เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ +5%YoY จากเดือนเมษายน ที่ +4.2%YoY สูงกว่าคาดที่ +4.7%YoY แต่คาดตัวเลขดังกล่าวอาจจะค่อยๆลดลงในช่วงถัดไปได้ จากราคาในกลุ่มของพลังงานที่เริ่มปรับลดลง MoM เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน รวมถึงเม็ดเงินช่วยเหลือของภาครัฐที่จะค่อยๆหมดลงในช่วง 3Q64 ดังนั้นเชื่อว่าตลาดจะลดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลงในช่วงถัดไป จึงไม่ได้สร้างความกังวลต่อการเก็งกำไรตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อคืน 2) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3.76 แสนราย น้อยกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.85 แสนราย แต่ตัวเลขที่รายงานในสัปดาห์นี้ถือว่าสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 3.7 แสนราย โดยรวมยังบ่งชี้ว่าทิศทางของภาคแรงงานกำลังค่อยๆฟื้นตัวขึ้น
ECB คงดอกเบี้ยและวงเงินซื้อพันธบัตรตามเดิม : การประชุมธนาคารยุโรป (ECB) วานนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0%, คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.5% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.25% นอกจากนี้ยังมีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Program(PEPP) ที่ 1.85 ล้านล้านยูโร (ซื้อเดือนละ 2 หมื่นล้านยูโร) จนถึงเดือน มีนาคม 2565
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่ง Sideway รอผลประชุม ECB และ ตัวเลขเงินเฟ้อนของสหรัฐฯ โดย SET ปิดที่ 1,625.27 (-1.00) มูลค่าการซื้อขาย 1.06 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,644 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 806 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 6,645 สัญญา)
EYES ON
11 มิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นสหรัฐฯ (มิ.ย.)
15-16 มิ.ย. การประชุม FOMC
Bangkok Exp & Metro (BEM)
ยังห่างจากช่วง Pre-Covid ถึง 27%
BUY
Share Price THB 8.55
12 m Price Target THB 12.00 (+40%)
Previous Price Target THB 12.90
ประเด็นการลงทุน
สถิติผู้ใช้บริการเดือน พ.ค. เผยแพร่วานนี้กำลังสะท้อนว่า “จุดต่ำสุด” ได้ผ่านไปแล้วในไตรมาส 1/64 และผลกระทบจากโควิด-19 รอบนี้ (พ.ค. 64) ถือว่าน้อยกว่ารอบแรก (เม.ย. 63) อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/64 คาดกำไรจะแสดงการฟื้นตัวแรง +132.7% YoY ซึ่งแม้ว่าเราต้องปรับปรุงกำไร และราคาเหมาะสมปี 2564 ลง 7% จากการแพร่ระบาดเหนือความคาดหมายปีนี้ แต่โมเมนตัมกำไรที่กำลังฟื้นต่อเนื่องตลอดปี, กำไรปี 2565 จะฟื้นตัวเด่นกว่ากลุ่มที่ +138.6% YoY อีกทั้ง BEM ยังเป็น “หุ้นเปิดเมือง” ที่ยัง Laggard จาก SET และหุ้นอื่นๆที่ฟื้นตัวไประดับก่อนโควิด-19 แพร่ระบาดแล้ว เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” 12.00 บาท อิง SOTP
ตัวเลขสถิติเดือน พ.ค. แท้จริงแล้ว ถือว่าน่าพอใจมาก
วานนี้ BEM ได้เผยแพร่สถิติผู้ใช้บริการเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ประเทศไทยมีการ Lockdown เข้มข้นที่สุดในปีนี้จากการแพร่ระบาดระรอกที่ 3 โดยรถใช้ทางด่วนมีจำนวน 6.67 แสนคัน/ วัน หดตัว -17.0% YoY และ -20.3% MoM ส่วนผู้ใช้รถไฟฟ้ามีจำนวน 90.3 หมื่นเที่ยว/ วัน หดตัว -24.0% YoY และ -38.5% MoM ซึ่งถือว่าน่าพอใจมาก เพราะเมื่อเทียบกับครั้นการแพร่ระบาดระรอกที่ 1 ในเดือน เม.ย. 63 ซึ่งมีการ Lockdown เต็มรูปแบบ เราพบว่ารถบนทางด่วนมีปริมาณสูงกว่าครั้งก่อนนั้น 13.2% เช่นเดียวกับผู้ใช้รถไฟฟ้าก็สูงกว่า 15.1% เหล่านี้สะท้อนถึงการเรียนรู้ และการปรับตัวของผู้ใช้บริการที่ดีขึ้น รวมถึงการบริหารสถานการณ์ของภาครัฐที่พยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งจากตัวเลขข้างต้นรวมกับเงินปันผลรับ 0.30 บาทจาก TTW ทำให้ในเบื้องต้น เราคาดว่า BEM จะรายงานกำไรในไตรมาส 2/64 ราว 354 ลบ. ฟื้นตัว +16.1% QoQ และ +132.7% YoY
เจอจุดต่ำสุดแล้วไตรมาส 1 จากนี้เดินหน้าฟื้นอย่างเดียว
เมื่อรวมกับการฉีดวัคซีนของไทยที่เดินหน้าต่อเนื่อง เราเชื่อว่าทิศทางกำไรของ BEM กำลังจะเดินหน้าฟื้นตัวตลอดทั้งปี จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว เราจึงได้ใส่ผลกระทบในระรอกที่ 3 เข้าไปในประมาณการ ส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงกำไรสุทธิปี 2564 ลง 49% จากประมาณการก่อนหน้าเป็น 1.51 พัน ลบ. หดตัว -26.2% YoY ทว่าคาดจะเห็นการฟื้นตัวแรง +138.6% YoY เป็น 3.61 พัน ลบ. ขณะที่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดระรอกนี้ ทำให้ BEM สูญเสียโอกาสในการสร้างกระแสเงินสด (EBITDA) ไปราว 2.6 พัน ลบ. และการฟื้นตัวล่าช้าออก 12 เดือนจากประมาณการเดิม ส่งผลให้ราคาเหมาะสม SOTP อิง DCF ได้รับผลกระทบ 0.90 บาท คงเหลือราคาเหมาะสม 12.00 บาท/ หุ้น
ความเสี่ยง
การฟื้นตัวของจำนวนผู้ใช้บริการที่ช้ากว่าคาด โดยเราคาดทางด่วนจะกลับระดับสู่ปกติในปี 2565 ส่วนรถไฟฟ้าในปี 2566, เงินปันผลของ TTW มีขนาด 26% และ 11% ของกำไรประมาณการกำไรปี 2564-65
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web