WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-6-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T 10 มิถุนายน 2564

INVESTMENT STRATEGY

Sideways :

จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ

วันนี้คาด SET Sideways กรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด เน้นหุ้นอิงการฟื้นตัวในประเทศ โดย ATO Picks วันนี้แนะ “MTC, HMPRO”

MTC

คาดกำไร 2Q64 จะทำจุดสูงสุดใหม่จากความต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนและสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ยังคงแข็งแกร่ง และผู้บริหารไม่มีนโยบายที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเนื่องจากบริษัท สามารถชิงส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นแล้ว

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68 บาท

HMPRO

คาดกำไร 2Q64 จะเติบโตสูง YoY จากฐานต่ำและมีโอกาสเพิ่มขึ้น QoQ จากยอดขายฟื้นตัวและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดยปัจจุบัน SSSG ช่วงเดือน เม.ย. - พ.ค. ปรับตัวขึ้นราว 15-20% และสาขาในมาเลเซียคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้หลังจากขาดทุนมาต่อเนื่องมา 7 ปี

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16 บาท

INVESTMENT THEME

จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ

พรก.เงินกู้ใหม่หนุนเศรษฐกิจในประเทศ : พรก.เงินกู้รอบใหม่ วงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ล่าสุดยังอยู่ในขั้นตอนการหารือในสภาผู้แทนฯ และจะโหวตในวันนี้ โดยท้ายที่สุดคาดประเด็นนี้น่าจะผ่านมติอย่างเป็นทางการได้ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น ประกอบไปด้วย 1) ด้านสุขภาพ (3 หมื่นล้านบาท) 2) เยียวยา (3 แสนล้านบาท) 3) ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม (1.7 แสนล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H64 จะถูกพยุงด้วยการบริโภคในประเทศต่อเนื่อง ตามด้วยกาารท่องเที่ยวจากต่างชาติจะเข้ามาเริ่มช่วยเสริมตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป โดยการกระตุ้นด้านการคลังนี้ แสดงให้เห็นว่า นโยบายด้านการเงินจะยังผ่อนคลายต่อไปอีกระยะ และแนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวที่ระดับปัจจุบัน คือไม่จำเป็นต้องปรับลงเพื่อกระตุ้นเพิ่ม และยังไม่ปรับขึ้นอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี

คืนนี้จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ : สำหรับประเด็นสำคัญในคืนนี้แนะติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของ US (CPI) ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งตลาดประเมินว่าจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ +4.7%YoY (กรอบระหว่าง 4.2%-5.0%) จากเดือนเมษายน ที่อยู่ในระดับสูงราว +4.2%YoY ซึ่งตัวเลขนี้อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจต่อการลดวงเงิน QE ในการประชุม FED วันที่ 15-16 มิถุนายนนี้ ดังนั้นจึงควรจับตาอย่างใกล้ชิด

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET แกว่งขึ้น เด่นกว่าตลาดภูมิภาค โดยมีแรงซื้อมากในหุ้นธนาคาร และอิเล็กทรอนิกส์ โดย SET ปิดที่ 1,626.27 (+13.39) มูลค่าการซื้อขาย 9.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.00 แสนล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย2,847 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,836 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 11,448 สัญญา)

EYES ON

10 มิ.ย. ดัชนี CPI สหรัฐฯ (พ.ค.), ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย (พ.ค.), การประชุม ECB

11 มิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นสหรัฐฯ (มิ.ย.)

Sri Trang Gloves (Thailand) (STGT)

ค่าเฉลี่ยกลุ่ม ดูจะกดดันมากกว่าโควิด-19

HOLD                           [Prior:BUY]

Share Price                 THB 43.50

12 m Price Target       THB 46.75 (+7%)

Previous Price Target THB 49.25

ประเด็นการลงทุน

เราลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเหมาะสมใหม่ 46.75 บาท/ หุ้น แม้ผลกระทบการปิดโรงงานจากเหตุติดเชื้อโควิด-19 ในโรงงาน 2 แห่ง จะส่งผลต่อกำลังการผลิตเพียง 2% ปีนี้ แต่ทว่าโมเมนตัมกำไรปกติไตรมาส 2 มองว่าเริ่มไม่ตื่นเต้น เราคาดจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 1 หมื่น ลบ. จากทิศทางราคาถุงมือยางที่กำลังเริ่มปรับตัวลงเป็นครั้งแรกแล้วในเดือน มิ.ย. จากอุปสงค์ที่เริ่มชะลอความร้อนแรง ขณะที่ Valuation กลุ่มผู้ผลิตถุงมือยางในมาเลเซียก็ถอยลงมา -5.8% เป็น P/E 5.4 เท่าแล้ว ทำให้ราคาเหมาะสมซึ่งอิงกับค่าเฉลี่ยดังกล่าว จึงเหลือ upside เพียง 7.4% แต่ก็ยังให้ dividend yield สูง 10% STGT จึงเหมาะกับการถือรับปันผล

ราคาถุงมือยางกำลังเริ่มอ่อนตัวลง ทำให้งบไตรมาส 2 คาดทรงตัว QoQ

การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 กำลังเร่งตัวขึ้นทั่วโลก โดยประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส มีราว 895 ล้านคน คิดเป็น 11.5% ของประชากรโลก โดยประเทศที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ถุงมือยางโลก ล้วนมีพัฒนาการที่ดี เช่น สหรัฐ (ฉีดแล้ว 51.3%) ยุโรป (34.1%) เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้นำไปสู่ภาวะที่อุปสงค์ถุงมือยางชะลอความร้อนแรงลง ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ของ ผบห. STGT ว่า ราคาถุงมือยางเดือน มิ.ย. กำลังเริ่มลดลง 10-15% MoM เป็นเดือนแรก ดังนั้นเมื่อผนวกกับเป้าส่งมอบไตรมาส 2/64 ที่ 7,000 ล้านชิ้น +4.3% QoQ และเราคาดราคาขายเฉลี่ยทรงตัวที่ 76 เหรียญ/ 1000 ชิ้น ผนวกราคาน้ำยางสดที่ปรับตัวขึ้น +6.5% QoQ เราคาด STGT จะมีกำไรปกติ 1.02 หมื่น ลบ. ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ทว่ายังโตแรง +873.8% YoY

ผลกระทบจากติดเชื้อโควิด-19 คาดเพียงราว 2%

ในสัปดาห์ก่อนโรงงาน 2 แห่ง ใน จ.ตรัง และ จ.สุราษฏร์ธานี กำลังการผลิตรวม 43 ล้านชิ้น/ วัน หรือ 48% พบการติดเชื้อของพนักงาน ทำให้โรงงาน จ.สุราษฏร์ธานีต้องปิดไป 9 วัน (29 พ.ค.-6 มิ.ย.) ส่วนโรงงาน จ.ตรัง คาดว่าจะกลับมาเปิดได้บางส่วนราว 16 มิ.ย. หรือต้องปิดไปราว 19 วัน ดังนั้นหากเป็นไปตามแผน กำลังการผลิตปีนี้จะสูญเสียไปราว 637 ล้านชิ้น หรือเพียง 2% ของกำลังการผลิตปัจจุบัน 32,619 ล้านชิ้น/ ปี ซึ่งเรามองว่าการชดเชยจากโรงงานแห่งอื่นสามารถเข้ามาชดเชยได้ไม่ยาก

ทว่าค่าเฉลี่ย P/E กลุ่มหดเหลือ 5.4 เท่า เลยดึงเป้าลงเป็น 46.75 บาท

เรายังคงประมาณการกำไร และสมมติฐานราคาถุงมือยางที่คาดจะเริ่มอ่อนตัวลงใน 2H64 ทำให้ค่าเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 53 เหรียญ/ 1000 ชิ้น +51.7% YoY (vs 1Q64 ที่ 76.4 เหรียญ) จากนั้นจะหดตัว -30.0% YoY และ -20.0% YoY ในปี 2565/66 ตามลำดับ ขณะที่ปัจจุบัน P/E21F เฉลี่ยของกลุ่มผู้ผลิตถุงมือยางในมาเลเซียทั้ง 4 เจ้าหลักซึ่งเราใช้เป็นจุดอ้างอิง ล่าสุดได้ลดลงเหลือ 5.4 เท่า ลดลง -5.8% จากการประเมินครั้งก่อน ส่งผลให้ราคาเหมาะสมปี 2564 ของ STGT ถูกปรับลงในอัตราเดียวกันเหลือ 46.75 บาท/ หุ้น

Jaroonpan Wattanawong

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1404

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!