- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 June 2021 22:26
- Hits: 257
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-6-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 1 มิถุนายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
แกว่งขึ้น :
Vaccination Vs QE Tapering
นนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรขยายตัวดี โดย ATO Picksวันนี้แนะ “HANA, SPRC”
HANA
คาดกำไรเร่งขึ้น QoQ ในช่วงที่เหลือของปี โดยมีปัจจัยหลักจากอุปสงค์ที่ยังแข็งแรงตามเศรษฐกิจโลกทั้งกลุ่มโทรคมนาคมและยานยนต์ ผสานค่าเงินบาทอ่อนค่า และการขยายกำลังผลิตใหม่ ผสานกับ Valuation ปัจจุบันที่เทรด Forward PE เพียง 23 เท่า ต่ำกว่า KCE และ DELTA มาก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68 บาท
SPRC
แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อการเปิดประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งส่งผลให้ ความต้องการในการใช้ Gasoline ปรับตัวขึ้นเด่น โดยปัจจุบันพบว่า Gasoline Spread ในช่วง 2Q64 เฉลี่ยราว 8 เหรียญ สูงกว่า 1Q64 ที่ 3.8 เหรียญ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10 บาท
INVESTMENT THEME
Vaccination Vs QE Tapering
เร่งฉีดวัคซีนเพิ่มความหวัง : คาด SET เดือนมิถุนายน ผันผวนแกว่งในกรอบ 1530-1620 จุด แรงหนุนหลักจากพัฒนาการที่ดีขึ้นของการฉีดวัคซีนในไทยที่คาดจะมีการฉีดมากขึ้นในช่วงเดือนนี้ ซึ่งอาจช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อในช่วงถัดไปได้ สะท้อนโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการเปิดประเทศในช่วงถัดไป หนุนความเชื่อมั่นฟื้นตัวขึ้น ถือเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
แต่ยังต้องจับตา QE Tapering : แต่อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงบางประเด็นที่ต้องติดตาม โดยเดือนนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง นำโดย 10 มิ.ย. ECB, 15-16 มิ.ย. FED, 18 มิ.ย. BOJ, 23 มิ.ย. กนง. จึงแนะติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุม FED ในรอบนี้คาดจะมีการพูดถึงประเด็นการลดวงเงินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในช่วงที่ผ่านมาเร่งตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งหากมีการส่งสัญญาณการลดวงเงิน QE Tapering อาจกลับมาเป็นแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกย่อตัวได้ ส่วนประเด็นอื่นที่น่าติดตาม เช่น 1 มิ.ย. OPEC Meeting และประเด็น Index Rebalancing โดยช่วงกลางเดือนจะมีการประกาศหุ้นเข้า-ออกดัชนี SET50/100 รอบใหม่ และ 18 มิ.ย.จะมีการปรับดัชนี FTSE Rebalancing
MARKET SUMMARY
วันนี้ SET แกว่งขึ้น โดยมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มโลจิสติกส์ขานรับแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตเด่นในปีนี้ โดย SET ปิดที่ 1,593.59 (+11.61) มูลค่าการซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,314 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 178 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 3,716 สัญญา)
EYES ON
1 มิ.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิต ของ US & Eurozone, ดัชนี ISM ภาคการผลิต US, ดัชนี CPI ของ Eurozone , OPEC Meeting
3 มิ.ย. การจ้างงานภาคเอกชน US (ADP), ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, PMI ภาคบริการ ของ US & Eurozone
4 มิ.ย. ดัชนี CPI ของไทย, การจ้างงานนอกภาคเกษตร US, อัตราการว่างงาน US
Noble Development (NOBLE TB)
สู่นักพัฒนาอสังหาฯ เต็มรูปแบบ
NOT Rated
Share Price THB 7.40
จุดแข็งที่สำคัญ
ได้แก่ 1) แบรนด์ดัง Noble ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2534, 2) ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์สูง 3) ร่วมทุนกับธุรกิจรายใหญ่ เช่น BTS, U, HongKong Land, 4) หนึ่งในสามของยอดขายล่วงหน้ามาจากชาวต่างชาติผ่านทาง Fulcrum Global ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มี 400 ตัวแทนใน 9 ประเทศในเอเชีย ส่วนใหญ่อยู่ในจีน และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าบริษัทจะเปลี่ยนผ่านสู่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบแลเป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มตลาดที่กว้างขึ้น หุ้นซื้อขายบน P / E ปี 64 ที่ 6.4 เท่า เงินปันผล 10% จากข้อมูลของ Bloomberg
เดินหน้าพัฒนาธุรกิจในครอบคลุมทุกระดับและผลิตภัณฑ์
NOBLE ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ HongKong Land ในปี 2562 เพื่อพัฒนาคอนโดหรูติด Central Embassy และในปีที่แล้วได้เปิดตัวคอนโดราคาประหยัดภายใต้ Nue Noble อีกทั้งยังเซ็นสัญญาร่วมทุนกับ BTS / U เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังซื้อหุ้น 20% ใน SWP ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพภายใต้ SAWAD กลางปี2564 NOBLE/Fulcrum จะเริ่มทยอยซื้อสินทรัพย์นอกกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรด้วยงบประมาณรวม 2.5 พันล้านบาท และเตรียมขายผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายระหว่างประเทศของ Fulcrum โดยมีอัตรา ROE อยู่ที่ 22% และผลตอบแทนสุทธิ 11.5%
เป้าหมาย 3 ปีที่จับต้องได้
การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ในปี2562 รวมถึงการล้างสต็อกคอนโดที่สร้างเสร็จแล้ว และสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักก่อให้เกิดรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาทและกำไร 3 พันล้านบาทในปี ตามแผนปี 2563-2565 NOBLE ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 1.1-1.4 หมื่นล้านบาทต่อปี ที่อัตรากำไรสุทธิ 17-18% และ ROE 28-32% แม้จะมีการแพร่ระบาดของ Covid-19 และการเปิดโครงการใหม่เพียงไม่กี่โครงการ แต่ผลการดำเนินงานในปี 63 ยังคงเป็นไปตามที่คาดไว้ โดยมีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาทและกำไร 1.9 พันล้านบาท (อัตรากำไรสุทธิ 17% และ ROE ที่ 32%) เป้าหมายปี 2564 ถือว่าท้าทายด้วยการเปิดโครงการใหม่ครั้งใหญ่มูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท วางเป้ายอดขาย 1.6 หมื่นล้านบาทและรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก 1/3 ของธุรกิจมาจากผู้ซื้อชาวต่างชาติ บริษัทจึงเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลประโยชน์หลักจากการเปิดประเทศอีกครั้ง
มูลค่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
การคาดการณ์ผลประกอบการของ Bloomberg สำหรับปี 64 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยพิจารณาจากงานในมือ / สต็อกคงเหลือรวมกันราว 1 หมื่นล้านบาทพร้อมที่จะบันทึกเป็นรายได้ Upside สำหรับปี 64 น่าจะมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์มูลค่า1พันล้านในไตรมาส 3/64 Bloomberg ประเมิน P / E ปี 64 ที่ 6.4 เท่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 10% ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ความเสี่ยงคือเลื่อนเปิดโครงการใหม่ออกไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายยอดขาย/รายได้ของบริษัท
Vanida Geisler, CPA
(66) 2658 6300 ext 1394
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web