- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 May 2021 23:36
- Hits: 4560
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-5-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 21 พฤษภาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว :
เน้นหุ้นคาดกำไร 2Q64 เด่น
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไร 2Q64 โดดเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “WICE, RS”
WICE
คำชี้แจงสำคัญ : บมจ. หลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) อาจมีธุรรมร่วมกับ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE)
คาดแนวโน้ม 2Q64 มีโอกาสสูงที่ WICE จะทำกำไรสุทธิเป็นสถิติใหม่ไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน จากอุปสงค์ที่ยังหนาแน่น และโครงสร้างของอัตรากำไรขั้นต้นที่จะยืนอยู่ในระดับสูง เราจึงปรับกำไรขึ้น 18% ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 9.00 บาท อิง P/E 20x โดยคาด EPS growth ที่ +45.4% YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.0 บาท
RS
คาดแนวโน้มกำไร 2Q64 จะปรับตัวขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Functional Drink, สินค้าสุขภาพ, อาหารสัตว์ และจากการเข้า M&A Chase (ธุรกิจบริหารหนี้) จะช่วยหนุนกำไรบน RS เพิ่มได้ราว 50 ล้านบาทต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.0 บาท
INVESTMENT THEME
เน้นหุ้นคาดกำไร 2Q64 เด่น
ภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง : สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ พบว่าปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.44 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 4.73 แสนราย และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 4.5 แสนราย ซึ่งตัวเลขในสัปดาห์นี้ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดตั้งแต่สหรัฐฯเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 บ่งชี้ว่าภาคแรงงานสหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง
เน้นสะสมหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไร 2Q64 เด่น : สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีหลายบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิ 1Q64 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส หนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น โดยเราเชื่อว่าหลายบริษัทยังมีศักยภาพของการเร่งตัวขึ้นของผลประกอบการได้ต่อเนื่องในช่วง 2Q64 ดังนั้นหากมีจังหวะย่อแนะเป็นโอกาสในการทยอยสะสม : ASK, BCH, MTC, IVL, WICE
วันนี้จับตา PMI ของสหรัฐและยูโรโซน : ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามวันนี้ คือ การรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนพฤษภาคม ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน โดย Consensus คาด US PMI ภาคการผลิตและบริการที่ 60.2 และ 64.4 จุด ตามลำดับ ส่วน Eurozone PMI ภาคการผลิตและบริการคาดที่ 62.5 และ 52.5 จุด ตามลำดับ
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว ขานรับความกังวลต่อการปรับลด QE ในช่วงถัดไป โดย SET ปิดที่ 1,554.54 (-7.70) มูลค่าการซื้อขาย 9.0 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.4 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,639 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 360 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 3,492 สัญญา)
EYES ON
21 พ.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และยูโรโซน, ยอดขายบ้านมือสอง US
25 พ.ค. ส่งออกไทย, ยอดขายบ้านใหม่ US, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค US
27 พ.ค. MSCI Rebalancing, 1Q64 US GDP, Core PCE US, ยอดขายสินค้าคงทน US, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
Home Prod Ctr (HMPRO)
ยังเติบโตได้อย่างมั่นคง
BUY
Share Price THB 13.70
12 m Price Target THB 16.00 (+17%)
Previous Price Target THB 16.00
ประเด็นการลงทุน
คาดว่ากำไร 2Q64 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีโดยจะเติบโตสูง YoY จากฐานต่ำ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าที่อัตรากำไรสูงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน หากมีการฉีดวัคซีนมากขึ้น กำไรจะเร่งตัวดีขึ้นใน 2H64 โดยอาจได้อานิสงส์จากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เราเห็นว่า HMPRO มีผลการดำเนินที่มีเสถียรภาพและไม่ได้พึ่งพิงสินค้าเหล็กที่มีความผันผวน ขณะที่ราคาหุ้น HMPRO ยัง Underperform เมื่อเทียบกับกลุ่ม เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 16 บาท
แนวโน้มฟื้นตัวต่อใน 2Q64
SSSG เดือน เม.ย. เป็นบวกมากกว่า 50% เนื่องจากฐานต่ำในปีก่อนซึ่งมีการปิดสาขาในช่วงล็อกดาวน์ และ SSSG เดือน พ.ค. น่าจะเป็นบวกได้เกิน 10% ส่วนเดือน มิ.ย. คาดว่าจะประคองตัวได้แม้ปีก่อนมีผลบวกจาก pent-up demand อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการที่สัดส่วนสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า (อัตรากำไรต่ำ) ไม่สูงมากเหมือนช่วงการล็อกดาวน์ เราคาดว่ากำไร 2Q64 เติบโตสูง YoY จากฐานต่ำและมีโอกาสเพิ่มขึ้น QoQ โดยยอดขายฟื้นตัวและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ส่วนการนำเข้าสินค้า Private brand จากจีนเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ
ยอดขายทาง E-commerce และ เมกาโฮมเติบโตดี
HMPRO มีการปรับตัวโดยเน้นการขายทาง E-commerce และขยายลูกค้ากลุ่ม B2B มากขึ้น โดยสัดส่วนยอดขายทาง E-commerce คิดเป็น 5.9% ใน 1Q64 จาก 5% ใน 2563 และ 1% ในช่วงก่อนเกิดโควิด เมกาโฮมมีผลประกอบการเติบโตได้ดีกว่าโฮมโปร จากยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นหลังจากมีการปรับปรุงประสิทธิภาพดำเนินงานมาเป็นเวลา 2-3 ปี และยังมีช่องว่างที่จะเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ซึ่งจะช่วยให้อัตรากำไรดีขึ้น และจะกลับมาขยายสาขาในระยะต่อไป ขณะที่ยอดขายสินค้าเหล็กมีสัดส่วน 10% ของเมกาโฮม (คิดเป็นประมาณ 1.3% ของยอดขายรวมของ HMPRO) ทำให้ผลประกอบการไม่ได้อิงกับการเปลี่ยนแปลงราคาเหล็กอย่างมีนัยยะ
ขยายไปต่างประเทศสนับสนุนการเติบโตระยะยาว
สาขาในมาเลเซียคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้หลังจากขาดทุนมาต่อเนื่องมา 7 ปี โดยปีนี้กลับมาขยายสาขาให่ม่ 1 แห่งใน 2Q64 นอกจากนั้น HMPRO เริ่มขายสินค้าในเวียดนามผ่านทางออนไลน์ทาง Lazada และ Shopee อีกทั้งกำลังหาสถานที่ในการเปิดสาขา เราคาดว่ายอดขายในเวียดนามยังไม่มีนัยยะ แต่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ เศรษฐกิจหดตัว สินค้านำเข้าลดลง
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Wice Logistics (WICE)
ความแข็งแกร่งยังไม่ยอมลดลงเลย
BUY
Share Price THB 7.60
12 m Price Target THB 9.00 (+18%)
Previous Price Target THB 7.60
คำชี้แจงสำคัญ : บมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) อาจมีธุรรมร่วมกับ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE)
แนวโน้มกำไรที่ดีมาก กลายเป็นหุ้นดี แต่ราคาไม่แพงไปเลย
เรามีมุมมอง บวก กับการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยแนวโน้มไตรมาส 2/64 มีโอกาสสูงที่ WICE จะทำกำไรสุทธิเป็นสถิติใหม่ไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน จากอุปสงค์ที่ยังหนาแน่น และโครงสร้างของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ทำให้เราเริ่มเชื่อได้ว่า จะยืนระยะอยู่ในระดับสูงนี้ต่อจากไตรมาส 1/64 ได้ เราจึงปรับประมาณการกำไรขึ้น 18% ได้ราคาเหมาะสมใหม่ 9.00 บาท/ หุ้น อิง P/E 20x คาด EPS growth +45.4% YoY จะเห็นว่าเทรดที่เพียง PEG 0.37x เท่านั้น
โครงสร้างอัตรากำไร จะอยู่ในระดับสูงต่อไป
แนวโน้มไตรมาส 2/64 เราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ WICE จะมีกำไรทำสถิติใหม่เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ต่อจากไตรมาส 1/64 ที่กำไรสุทธิออกมา 81 ลบ. +36.0% QoQ และ +167.0% YoY พร้อมด้วย GPM ที่ขยายจาก 13.1% ในไตรมาส 4/63 เป็น 17.1% ในไตรมาส 1/64 ทำให้กำไรสุทธิดีกว่าคาดของเรา 22% และยังคิดเป็น 33% ของประมาณการอีกด้วย ผู้บริหารเผยว่าทิศทางไตรมาส 2/64 อุปสงค์ของภาคส่งออกยังแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอินเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ขณะที่อุปทานเรือยังตึงตัวคล้ายไตรมาสก่อน ดังนั้นเราคาด GPM ของ Sea freight จะทรงตัวระดับสูง 17.3%+/- ส่วนอุปทานเครื่องบินดีขึ้นเล็กน้อย บริษัทจึงได้ลดสัดส่วนการใช้ระวางของ charter flight ลงมาตั้งแต่ไตรมาส 1/64 เลยช่วยดึงให้ GPM ของ Air freight ดีดตัวขึ้นมาถึง 590bps จากไตรมาส 4/63
แผนการเติบโต 1-2 ปีนี้ ไปในทุกทิศทาง
ผบห.เผยแผนที่น่าสนใจคือ (1) จะกลับมาให้น้ำหนักการขนส่งเส้นทางสหรัฐมากขึ้น หลังจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้วิธีการขนส่งเข้าสหรัฐเปลี่ยนไป ซึ่งเปิดโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการขาเข้าสหรัฐ ผบห.ตั้งเป้ารายได้เพิ่มเท่าตัวเป็น 500 ลบ. ปีนี้ (2) เพิ่มธุรกิจกลุ่มลูกค้าจีนที่ย้ายฐานมาเมืองไทย เป้า 200 ลบ. (3) จัดซื้อตู้คอนเทนเนอร์ให้ครบ 200 ตู้ตามแผน เพื่อดันธุรกิจ cross boarder ของ ETL ต่อไป (4) ETL จะเพิ่มเที่ยวตู้ขนส่งแบบ LTL ซึ่งได้มาร์จิ้นสูงมาก จาก 1 ตู้/ สัปดาห์ เป็นวันละ 1 ตู้ (5) ผลักดัน ETL จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นในปีหน้า เพื่อรองรับการเติบโตที่สูงมาก (6) เช่าคลังสินค้าอีก 1 แห่งเพื่อขยายการให้บริการ โดยในภาพรวมปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 4.8 พัน ลบ. และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ไม่ต่ำกว่า 6%
ปรับประมาณการกำไรขึ้น 18%
เราปรับประมาณการขึ้น 18% เป็น 294 ลบ. เติบโต +45.1% YoY ด้วยสมมติฐาน GPM เพิ่มขึ้น 110bps เป็น 15.6% (vs ไตรมาส 1/64 ทำได้แล้วที่ 17.1%) ส่งผลให้ NPM ขยับขึ้นเป็น 6.2% ใกล้เคียงกับเป้าบริษัท ขณะที่ราคาเหมาะสมอิง P/E 20x ตามเดิม จะได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 9.00 บาท/ หุ้น เพิ่มขึ้น 18% จาก 7.60 บาท เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web