WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-5-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 17 พฤษภาคม 2564

INVESTMENT STRATEGY

Sideways :

จับตา GDP ไทย

วันนี้คาด SET แกว่ง sideways กรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด เน้นหุ้นแนวโน้ม2Q64 ดีต่อ โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “PTTGC, CHAYO”

PTTGC

ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย จาก 75 บาทเป็น 85 บาท โดยเพิ่มคาด EPS ปี 64 ขึ้น 91% เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาปิโตรเคมีที่สูงขึ้น โดยแนวโน้มธุรกิจเคมีภัณฑ์เป็นบวกและส่วนต่างปิโตรเคมีโดยรวมจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีมากในปี 64 (2Q64 ยังฟื้นต่อแต่จะเริ่มชะลอบ้างใน 2H64)

   เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 85 บาท

CHAYO

คาดกำไรทั้งปี 64 เติบโตเด่นสู่ระดับ 250 ล้านบาท (+61%YoY) โดยในช่วง 2Q64 แนะติดตามการปิดดีลเพื่อขาย NPA ซึ่งจะทำให้เกิดกำไรก้อนใหญ่ที่อาจ surprise เราและตลาดช่วงปลายไตรมาส อีกทั้งการจัดตั้ง CHAYO JV คาดในช่วงกลางปีจะเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มกำไรให้ในช่วงถัดไป

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 17 บาท

INVESTMENT THEME

จับตา GDP ไทย

ตัวเลขเศรษฐกิจ US หลายตัวต่ำคาด : วันศุกร์ที่ผ่านมา US มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว เช่น ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งพบว่าล้วนออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ถือเป็นปัจจัยที่เข้ามาชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของ US ในระยะสั้น ผสานกับแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เผยว่า ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้ง และไม่ต้องใส่หน้ากากเมื่ออยู่ภายในอาคารของสถานที่ต่างๆ กระตุ้นแรงเก็งกำไรเพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้น US

วันนี้จับตา GDP ไทย : สำหรับสถานการณ์ในประเทศ ในระยะสั้นยังคงเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในระดับสูง และพบว่าหลายคลัสเตอร์ยังอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วงมาก เช่น ผู้ติดเชื้อในเรือนจำ แต่อย่างไรก็ดีด้านการฉีดวัคซีนก็พบว่าประชาชนมีการตื่นตัวมากยิ่งขึ้น ผสานกับมาตรการผ่อนคลายของภาครัฐฯ เช่น การอนุญาตให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) สามารถนั่งทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 25% และไม่เกิน 21:00 น. ส่วนการสั่งซื้อกลับบ้านยังได้ถึง 23:00 น. ถือเป็นปัจจัยที่อาจเข้ามาช่วยชดเชยสั้น ส่วนประเด็นสำคัญวันนี้แนะติดตามการรายงาน GDP ไตรมาส 1 ของไทย โดยตลาดคาดหดตัวราว -3.3%YoY จาก 4Q63 ที่หดตัว -4.2%YoY

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET แกว่ง Sideways หลังจากวันก่อนหน้า SET แกว่งผันผวนมาก โดย SET ปิดที่ 1,549.48 (+1.35) มูลค่าการซื้อขาย 9.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.44 แสนล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,259 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 394 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 15,456 สัญญา)

EYES ON

17 พ.ค. 1Q64 GDP ไทย (คาด -3.3%YoY), Empire Manufacturing

18 พ.ค. ยอดอนุญาตก่อสร้างUS, เริ่มสร้างบ้านใหม่ US, 1Q64 GDP ยูโรโซน

19 พ.ค. รายงานการประชุม FED รอบที่ผ่านมา, สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ, CPI ยูโรโซน

20 พ.ค. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US

PTT Global Chemical (PTTGC TB)

โมเมนตัมดีต่อเนื่องใน 2Q64

BUY

Share Price               THB 67.50

12 m Price Target     THB 85.00 (+26%)

Previous Price Target THB 75.00

ผลประกอบการดีทุกกลุ่มธุรกิจ

PTTGC รายงาน NPAT ไตรมาส 1Q64 ที่ 9.7 พันล้านบาท (+46% QoQ) พลิกกลับมาเป็นบวก YoY สอดคล้องกับประมาณการของเราและสูงกว่าตลาดคาด 9% โดย EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้น +48% QoQ, +122% YoY เป็น 1.4 หมื่นล้านบาท หนุนโดย Olefins (7.8 พันล้านบาท, +28% QoQ) และ Performance Chemicals (4.1 พันล้านบาท, +52% QoQ) ธุรกิจโรงกลั่นพลิกเป็นบวก โดยมีค่าการกลั่น 1Q64 ที่ 3.17 เหรียญสหรัฐ /บาร์เรล (+1.39 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล) กำไรขั้นต้นต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์เพิ่มขึ้น 63% QoQ เป็น 198 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยได้รับแรงหนุนจากสเปรด PX และ BZ ที่เพิ่มขึ้น 26% และ 49% QoQ อัตราการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น 11% เป็น 102% อะโรเมติกส์อยู่ที่ 98% ในขณะที่โอเลฟินส์เต็มกำลังการผลิต 104% ในไตรมาส 1Q64 นี้ PTTGC มีกำไรจากสต็อกที่ 2.2 พันล้านบาทจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น (32% QoQ) ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงสินค้าโภคภัณฑ์และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 200 ล้านบาทและ 1.1 พันล้านบาท

น้ำมันดิบหนุนโอเลฟินส์ ค่าการกลั่นฟื้นตัว

อัตรากำไร EBITDA ของธุรกิจ Olefin ไตรมาส 1Q64 เพิ่มขึ้น 3% เป็น 26% (ระดับล่าสุดที่เห็นในปี 61) จากราคา HDPE ที่เพิ่มขึ้น 14% เป็น 1,145 เหรียญสหรัฐ / ตัน ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นและการหยุดชะงักในสหรัฐฯ ทำให้ราคาสูงขึ้น แม้ว่าการหยุดชะงักจะคลี่คลายลง แต่ผู้บริหารคาดว่าราคา HDPE จะยังดีใน 2H64 ที่ 1,000-1,100 เหรียญสหรัฐต่อตันโดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น เราคาดว่าจะเห็นผลประกอบการที่แข็งแกร่งจาก Olefin ในช่วงที่เหลือของปี ในขณะที่การปรับปรุงการดำเนินการกลั่นจะหนุนการเติบโตใน 2H64 การฟื้นตัวของค่าการกลั่นไตรมาส 1/64 ของ PTTGC ดีที่สุดในบรรดาคู่แข่ง เนื่องจากไม่ได้รับภาระจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนน้ำมันดิบ ME (ส่วนผสมน้ำมันดิบ: 0% ME หันไปใช้ของสหรัฐฯ, แอฟริกาตะวันตก) ด้วยต้นทุนน้ำมันดิบ ME ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 2Q64 ค่าการกลั่นของ PTTGC จะแซงหน้าคู่แข่ง

หันมาเน้น Performance chemicals

EBITDA ของ Performance Chemical เพิ่มขึ้น 52% QoQ 1380% YoY เป็น 4.1 พันล้านบาท หนุนโดย PO / Polyols ใหม่ (560kta) ที่ออนไลน์ใน 1Q64 ซึ่งกำลังการผลิตใหม่ออกมาได้จังหวะทำอัตรากำไรดีมาก โดยสเปรดฟีนอลและ BPA เพิ่มขึ้นเป็น 467 เหรียญสหรัฐต่อตันและ 1428 เหรียญสหรัฐต่อตัน (+3% และ +41% QoQ) จากอุปทานที่ตึงตัวและความต้องการสารฆ่าเชื้อที่แข็งแกร่ง สเปรดคาดว่าจะกลับสู่ระดับปกติเป็น 400 เหรียญสหรัฐ / ตันและ 900 เหรียญสหรัฐ / ตันใน 2H64 กลยุทธ์ระยะยาวของ PTTGC คือ Performance chemicals เติบโตเป็น 25% (ปัจจุบัน 10%) ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีทั้งหมดผ่าน M&A ส่วนรายได้จากการขายหุ้น GPSC 13% ตามแผน (กระแสเงินสด 2.5 หมื่นล้านบาท) จะช่วยสนับสนุนทิศทางนี้ โฟกัสแบบกว้างคือโพลีเมอร์ประสิทธิภาพสูง (HPP) และสารเคลือบ / กาว เรามีมุมมองบวก เนื่องจากอัตรากำไร EBITDA ของ Performance chemicals อยู่ที่ 20% โดยมีความผันผวนที่จำกัด

คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่มคาดการณ์ EPS ปีงบ 64/65 ขึ้น 91%/23%

คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่ม TP จาก 75 บาทเป็น 85 บาท (P /B ปี 64 ที่ 1.2 เท่า) เราเพิ่มคาดการณ์กำไร EPS ปี 64 ขึ้น 91% เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาเคมีที่สูงขึ้น (ดูตารางด้านขวา) แนวโน้มธุรกิจเคมีภัณฑ์เป็นบวกและสเปรดโดยรวมจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีมากในปี 64 แม้ว่าจะลดลงบ้างใน 2H64 โดยโอเลฟินส์มีสัดส่วน 50-60% ของ EBITDA และน่าจะประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี PTTGC ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นจากน้ำมันดิบขาขึ้นและฐานะการเงินที่มั่นคง

Kaushal Ladha, CFA

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1392

Charoen Pokphand Foods (CPF)

ธุรกิจหลายประเทศหนุนการเติบโตต่อเนื่อง

BUY

Share Price               THB 28.50

12 m Price Target     THB 45.00 (+58%)

Previous Price Target THB 44.50

ประเด็นการลงทุน

กำไร 1Q64 ดีตามคาด แนวโน้มกำไร 2Q64 ชะลอลง QoQ จากการที่ราคาหมูปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งและเติบโต YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายการเลี้ยงหมูทั้งในไทย เวียดนาม และจีน อีกทั้งธุรกิจหมูในฟิลิปปินส์เติบโตดี แม้เรามีการปรับประมาณการเล็กน้อยตามกำไรของ CPALL ที่ชะลอตัว แต่คาดว่ากำไรของ CPF ปีนี้ยังเติบโตเป็น new high เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (SOTP) 45 บาท ประกอบด้วย CPF 28.4 บาท อิง PER 11.5 เท่า (-1SD ของ PE เฉลี่ย) และ CPALL 16.6 บาท จาก DCF (WACC 7.2%, LTG 4%)

กำไร 1Q64 เติบโตดีตามคาด

กำไรปกติ 1Q64 เท่ากับ 6,819 ล้านบาท (+7% QoQ, +6% YoY) ใกล้เคียงกับที่คาด การ Deconsolidate ธุรกิจอาหารสัตว์ในจีนทำให้ยอดขายลดลง 14% YoY แต่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 160 bps YoY เป็น 19.9% เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์ในจีนซึ่งมีอัตรากำไรต่ำ อีกทั้งราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น และบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง 24% YoY เนื่องจากกำไรของ CPALL ลดลงมาก และกำไรจากโลตัสยังค่อนข้างน้อย

แนวโน้มกำไร 2Q64 ยังแข็งแกร่งแม้ราคาหมูลดลง

ราคาหมูในไทย เวียดนาม และจีน ปรับตัวลดลงจากการที่มีปริมาณหมูเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริหารยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการยังเติบโตได้จากการที่บริษัทมีการขยายกำลังการเลี้ยงหมูทำให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้นชดเชยกับราคาที่ลดลงได้ ส่วนผลกระทบจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นถูกจำกัดด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และบริษัทคาดว่าราคากากถั่วเหลืองได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว นอกจากนั้น กำไรของธุรกิจที่ประเทศฟิลิปปินส์เติบโตสูงใน 1Q64 และมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง หลังจากการระบาดของ ASF ทำให้ขาดแคลนหมู ราคาหมูจึงปรับตัวสูงขึ้นกว่าเท่าตัว

เตรียมขายสินค้า Plant-based

ผู้บริหารมีความคาดหวังสูงสำหรับสินค้า Plant-based ที่จะเปิดตัวในปลายเดือนนี้ โดยมีทั้งสินค้า Ready to eat และสินค้าสำหรับ Food service วางขายในหลายประเทศ เช่น ไทย จีน ยุโรป และอเมริกา ด้วยการใช้เครือข่ายกระจายสินค้าที่ CPF มีอยู่แล้วที่อังกฤษ เยอรมัน และ Bellisio ที่อเมริกา ทั้งนี้ แม้ยอดขายอาจยังไม่มีนัยยะในระยะสั้น (เมื่อเทียบกับฐานยอดขายของ CPF ที่ค่อนข้างสูง) แต่บริษัทเชื่อว่ามีโอกาสเติบโตและสร้าง Wealth ในระยะยาว

ความเสี่ยง: ราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโลกชะลอ โรคระบาด

Suttatip Peerasub

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1430

TMT Steel (TMT)

1Q64 ทำสถิติ 2Q64สูงต่อ แต่ 2H64 จะลง

HOLD

Share Price               THB 12.60

12 m Price Target     THB 13.00 (+3%)

Previous Price Target THB 8.80

ผลประกอบการ 1Q64

TMT ประกาศผลประกอบการ 1Q64 มีกำไรที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ 423 ล้านบาท (+144%QoQ, +243%YoY) มากกว่าเราคาดไว้เมื่อวันที่ 8 มี.ค. เท่ากับ 285 ล้านบาท แรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้นแรงเป็น 24,788 บาท/ตัน (+22%QoQ, +28%YoY) ตามการปรับขึ้นของราคาเหล็กในจีน และ ไทย ส่วนวอลุ่มขายก็เติบโตสองหลัก 205,980 ตัน (+12%QoQ, +12%YoY) รวมแล้วมูลค่ายอดขายเท่ากับ 5,106 ล้านบาท (+37%QoQ, +44%YoY) การปรับขึ้นของราคาเหล็กทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 14.4% จาก 9.8% ในไตรมาสก่อน และ 8.9% ในปีก่อน      

แนวโน้มผลประกอบการ

จากข้อมูลของสถาบันเหล็ก ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนครึ่งหลังของเดือน เม.ย. ปรับขึ้นเป็น 32,000 บาท/ตัน และ ราคาเฉลี่ยเดือน เม.ย. เท่ากับ 30,500 บาท/ตัน เทียบกับราคาเฉลี่ยใน 1Q64 เท่ากับ 25,533 บาท/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 19% ถ้าหากราคาเหล็กยังยืนได้ระดับนี้จะทำให้กำไร 2Q64 จะยังสูงต่อในระดับ 400 ล้านบาท แต่เรากังวลผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ถ้าหากเหล็กราคาทรง TMT จะมีกำไรปกติไตรมาสละประมาณ 120-180 ล้านบาท จะไม่เด่นเหมือนครึ่งปีแรก แต่ถ้าหากเหล็กเปลี่ยนทิศทางปรับลดลง กำไรจะลดลงเหลือเพียงไตรมาสละ 40-80 ล้านบาท รวมแล้วเราปรับประมาณการเพิ่มขึ้นบนสมมติฐานราคาเหล็กขึ้นครึ่งปีแรก และ ทรงในครึ่งปีหลัง ประเมินกำไรในปี 2564 จะเท่ากับ 1,136 ล้านบาท โต 111% แต่ปี 2565 คาดกำไรจะลดลงเหลือ 832 ล้านบาท ลดลง 27% โดยอุตสาหกรรมเหล็กทั้งไทย และต่างประเทศ เป็นอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินจำนวนมาก จากข้อมูลของ World Steel Association ปรากฏว่าใน 1Q64 ปริมาณผลิตเหล็กโลกเท่ากับ 486 ล้านตัน โต 10% โดยเฉพาะจีนผลิตเหล็ก 271 ล้านตัน โต 15.6%

คำแนะนำการลงทุน

ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ที่ค่อนข้างต่ำ 9.7 เท่า ปันผลตอบแทน 8.4% แต่จะแพงในปี 2565 คือ P/E 13.2 เท่า และ เงินปันผลตอบแทน 6.1% เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 เท่ากับ 13 บาท บนฐานค่าเฉลีย 10 ปี Forward P/E 10 เท่า เพิ่มขึ้นจากเดิม 8.8 บาท จากประมาณการที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนราคาเป้าหมายในปี 2565 จะลดลงเหลือ 9.5 บาท เรากังวลผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะไม่เด่นเหมือนครึ่งปีแรก เราลดเกรดคำแนะนำลงเหลือ ถือ จากเดิม TRADING BUY

ความเสี่ยง

ราคาเหล็กผันผวน / อุตสาหกรรมเหล็กล้นตลาด / สัดส่วนหนี้ต่อทุนที่สูง

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!