- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 May 2021 14:53
- Hits: 4006
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 6-5-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 6 พฤษภาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
วัคซีน...ความหวังฟื้นเศรษฐกิจ
วันนี้คาด SET แกว่ง Sidewaysในกรอบ แนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,565 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรดี โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SCGP, JMART”
SCGP
คาดผลประกอบการช่วงที่เหลือของปียังจะได้เด่นจากจากการขยายกำลังการผลิต 4 โครงการ ที่ทยอยเสร็จ โดยจะรับรู้ในปีนี้ 3,000 ล้านบาท จากเต็มปี 10,000 ล้านบาท และ กลางปีจะมี M&Ps บริษัท Duy Tan ซึ่งมียอดขายประมาณ 6 พันล้านบาทต่อปี เข้ามาเสริมอีก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 58
JMART
คาดกำไรสุทธิ 1Q64 ที่ 425 ลบ. +305%YoY จากการเติบโตของบริษัทลูกที่แข็งแกร่ง (JMT, SINGER) และธุรกิจมือถือที่ฟื้นตัวดี ผสานการเริ่มปล่อยสินเชื่อมือถือของ KBJ อีกทั้งยังจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการตีมูลค่า KBJ หลังลดสัดส่วนถือหุ้นให้ KB หลังหักภาษีราว 140 ลบ.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 44.5
INVESTMENT THEME
วัคซีน...ความหวังฟื้นเศรษฐกิจ
การฉีดวัคซีนสำคัญสุดต่อการฟื้นเศรษฐกิจ : วานนี้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% โดยประเมินภาพเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่ 3 ส่งผลต่อการใช้จ่ายในประเทศหดตัว และนักท่องเที่ยวฟื้นช้า โดยสิ่งสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ดี คือ การจัดหาและการกระจายวัคซีนให้เพียงพอและทันการณ์ ส่วนด้านการเงินมีมาตรการที่สำคัญ คือ การกระจายสภาพคล่องไปยังธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ โดยภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินการขยายตัวเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกยังค่อนข้างเหนื่อย โดยเราประเมิน GDP 1Q64 ที่ -3.0%YoY จาก -4.2%YoY ใน 4Q63 และเชื่อว่าดอกเบี้ยไทยจะอยู่ในระดับต่ำไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี
รัฐปล่อยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม : ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว หนุนให้รัฐฯรีบออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมหลายมาตรการดังนี้ 1) โครงการเราชนะ กลุ่มเป้าหมาย 32.9 ล้านคน เพิ่มสัปดาห์ละ 1,000 บาท 2 สัปดาห์ 2) ม.33 เรารักกัน กลุ่มเป้าหมาย 9.29 ล้านคน คน เพิ่มสัปดาห์ละ 1,000 บาท 2 สัปดาห์ 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเดือนละ 200 บาท 6 เดือน (กค.-ธค.) 4) คนละครึ่งเฟส 3 วงเงิน 3000 บาทต่อคน 5) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สนับสนุน E-Voucher ให้กับประชาชนจับจ่ายสินค้าและอาหาร แก่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท โดยสรุปถือว่าช่วยชดเชยกำลังซื้อที่หดหายจากผลกระทบ COVID-19 เป็นผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อแรง จากความกังวลการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศ โดย SET ปิดที่ 1,549.22 (-33.91) มูลค่าการซื้อขาย 1.27 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 10,476 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 637 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 73,789 สัญญา)
EYES ON
06 พ.ค. ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯรายสัปดาห์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
07 พ.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ, อัตราการว่างงานสหรัฐฯ, ดัชนี Caixin PMI ภาคบริการของจีน
Bangkok Cml. Asset Mgmt. (BAM)
ลุ้นกันตั้งแต่ต้น
HOLD [Prior:T-Buy]
Share Price THB 20.30
12m Price Target THB 22.70 (+16%)
Previous Price Target THB 22.70
ประเด็นการลงทุน
ราคาหุ้นระยะสั้นยังขาดปัจจัยใหม่สนับสนุน ทั้งแนวโน้มกำไร 1Q64 ที่อ่อนตัวสวนกลุ่มตามอุปสงค์ของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกผลกระทบจากการระบาดระลอกที่สามมากกว่าคาดไว้เดิม จึงมีโอกาสที่จะถูกกดดันด้วยโมเมนตัมการปรับลดประมาณการของตลาด ก่อนที่ต้องไปรอลุ้นภาพฟื้นตัวในช่วงปลายปี ทั้งนี้บริษัทอาจใช้เวลาอีก 1-2 ปีเพื่อที่จะกลับมาจ่ายเงินปันผลในระดับที่ตลาดคาดหวัง (1 บ./หุ้น) ได้ ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ
คาดกำไรสุทธิ 1Q64 เท่ากับ 290 ลบ. -59%QoQ , -59%YoY
คาดยอดเก็บเงินสดเท่ากับ 3,200 ลบ. -20%QoQ,+1%YoY ธุรกิจ NPL มียอดเก็บเงินสด -20%QoQ,-35%YoY จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ลูกหนี้เข้าปรับโครงสร้างลดลง รวมถึงผ่อนผันการจ่ายชำระออกไป ซึ่งบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เน้นการขาย NPA ขนาดเล็ก-กลางมากขึ้นเข้ามาชดเชยได้เพียงบางส่วน ทำให้รายได้ดำเนินงาน -25%QoQ,-20%YoY ขณะต้นทุนดำเนินงานและดอกเบี้ยใกล้เคียงยังอยู่ระดับเดิม ทำให้ Cost/Income เร่งขึ้นเป็น 31% และทำให้อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ลดลงเหลือ 13% จากระดับก่อนหน้าที่ 24-25%
ประมาณการกำไรและปันผลมี Downside risk จากเป้าหมาย
กำไร 1Q64 จะคิดเป็นเพียง 10% ของประมาณการกำไรปี 2564 เท่ากับ 3,016 ลบ. +64%YoY ซึ่งเราเห็นความเป็นไปได้ที่กำไรจะออกมาต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ราว 10-20% จากแนวโน้ม 2Q64 ที่กำไรสุทธิอาจชะลอตัวเทียบ QoQ จากผลกระทบของการระบาด COVID-19 ระลอกสามเข้ามาเต็มไตรมาส กระทบผู้ซื้อทรัพย์ทั้งรายเล็ก-ใหญ่อาจชะลอการปิดดีลออกไปเพื่อดูสถานการณ์ออกไปจนถึงปลายปี สอดคล้องกับภาพกำไรสุทธิอาจส่งผลต่อเงินสดปันผลที่อาจน้อยกว่าที่เราประเมินไว้เดิม 0.80 บ./หุ้น
ปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ ราคาเหมาะสม 22.70 บาท
ราคาหุ้นปัจจุบัน -10%YTD ลงมาสะท้อน Div.yield ปี 2564 ราว 4% เท่ากับค่าเฉลี่ยของ SET +1SD ทำให้โอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงอีกนั้นจำกัด เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ โดยคงราคาเป้าหมาย เท่ากับ 22.70 บาท/หุ้น อิง DDM (L/T DPS 1 บ./หุ้น , Yield 4.4%) เทียบเท่า 3-Yr Historical SET Div.yield +2SD โดยมีความเสี่ยง คือ ยอดเก็บเงินสดที่ไม่เป็นไปตามเป้า , การปรับขึ้นของต้นทุนทางการเงิน (ทุกอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง 0.25% ส่งผลต่อกำไรสุทธิ 5%) , ประเด็นด้านสภาพคล่อง
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web