- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 November 2014 16:07
- Hits: 1698
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะบวกขึ้นมาได้ดี แต่ยังน่ารอซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวก่อนดีกว่า...
กลยุทธ์ : ในช่วงสัปดาห์เศษที่ผ่านมา SET ดีดตัวขึ้นมาตอบรับข่าวบวกต่างๆ ไปพอควรแล้ว ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรที่อาจจะกดดันให้ตลาดกลับไปปรับตัวลงอีกครั้งได้ ขณะที่ เราคาดว่านักลงทุนบางส่วนอาจขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดตามผลประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ด้วย รวมทั้งยังต้องรอลุ้นทิศทางของค่าเงินบาทให้ดีหลังช่วงนี้ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำให้ FSS มองว่ายังไม่ต้องรีบร้อนซื้อไล่ราคามากนัก โดยแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อ เมิ่อ SET ปรับตัวลงก่อนดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : RS, VTE , THAI(short)
แนวโน้ม : ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 ต.ค.) SET พุ่งขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่หลายแห่งบวกขึ้นมากว่า 1% หลังมีข่าวว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์รวมเพิ่มอีก 10-20 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปในช่วงค่ำวันเดียวกันปิดเป็นบวกในระดับ 1-2% ได้ด้วย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ไม่ได้ขยับขึ้นแรงต่อเนื่อง และบางแห่งเริ่มมีจังหวะแกว่งพักตัวย้อนลงด้วย ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า และยอดซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก ดังนั้นถ้ายังไม่มีปัจจัยบวกเพิ่มเติม FSS คาดว่า SET มีสิทธิที่จะแกว่งตัวผันผวน และปรับพักตัวลงอีกครั้งได้ เราจึงยังไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคา โดยสามารถรอเลือกหุ้นเข้าซื้อในช่วงตลาดปรับพักตัวลงก่อนจะดีกว่า ซึ่งคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามผลประชุม ECB ในช่วงท้ายสัปดาห์นี้อีกครั้ง
แนวรับ 1580-1575 , 1570-1567 จุด แนวต้าน 1585-1587 , 1590-1592 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณหนาแน่นขึ้น US$1,807 ล้าน จาก US$92 ล้านสัปดาห์ก่อน ศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนยังไหลเข้าต่อเป็นวันที่ 5 ในปริมาณหนาแน่น โดยต่างชาติซื้อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$279.1 ล้าน ไต้หวัน US$272.2 ล้าน อินโดนีซีเชีย US$27 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$15.5 ล้าน และเวียดนาม US$5.2 ล้าน แต่ขายไทย US$2.6 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลเข้าแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) กลยุทธ์เดือนนี้ ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่บริเวณ 1,500 จุด +/- แต่ระยะสั้นตลาดหุ้นยังได้รับข่าวดีจาก BOJ ที่ขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์เพิ่มอีก 10-20 ล้านล้านเยนเป็น 80 ล้านล้านเยนต่อปี และยังเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของกองทุนบำเหน็จบำนาญเป็น 50% จากเดิม 24% ทำให้ค่าเงินในเอเชียมีแนวโน้มอ่อนค่าตามเงินเยน แต่ในสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามการประชุม กนง. และ ECB รวมทั้งการจ้างงานนองภาคเกษตรของสหรัฐ ช่วงปลายสัปดาห์มีสิทธิผันผวน หุ้นแนะนำเดือนนี้ CK, KAMART, KTB, QH, THREL
(-) TOP ขาดทุนมากกว่าเราและตลาดคาดมาก โดยขาดทุนสุทธิ 2,175 ล้านบาท จากขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 4,290 ล้านบาท และใช้กำลังกลั่นลดลงเพราะหยุดซ่อมบำรุง 1 เดือน โรงกลั่นจึงขาดทุน 2,500 ล้านบาท ธุรกิจอะโรเมติกส์ขาดทุนต่อเป็นไตรมาสที่ 3 เราปรับกำไรปีนี้ลงอีก 30% เหลือ 3,464 ล้านบาท -67% Y-Y และปรับกำไรปี 2015 ลง 17% เหลือ 6,314 ล้านบาท +82% Y-Y ต่ำกว่าศักยภาพที่เคยมีกำไรปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท ปรับเป้าปี 2015 เป็น 46.75 จาก 47 บาท ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(-) THAI แนวโน้มผลประกอบการ 3Q14 จะขาดทุนต่อเนื่อง 4-5 พันล้านบาท แต่มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนทำให้มีกำไรสุทธิประมาณ 1 พันล้านบาท แนวโน้ม 4Q14 ยังไม่ดีแม้เป็น High season เพราะยังติดกฎอัยการศึก ลูกค้าต่างชาติจึงยังไม่กลับมา แม้การเดินทาง Outbound จะดีมากแต่บริษัทใช้อัตราเต็มกำลังแล้ว แผนปรับโครงสร้างธุรกิจคาดแล้วเสร็จเดือนหน้า แต่การปฏิบัติให้เห็นผลต้องใช้เวลานาน ขณะที่ปัจจุบันกระแสเงินสดลดลง หนี้ต่อทุนพุ่งสูงถึง 5 เท่า ยังคงแนะนำขาย เป้าหมายปี 2015 ที่ 12 บาท
(-) VGI กำไรสุทธิ 2Q15 (ก.ค.-ก.ย. 2014) +3% Q-Q, -19% Y-Y ต่ำกว่าคาดเพราะรายได้อื่นและกำไรจากบ.ย่อย (MACO) ต่ำกว่าคาด เรายังคงประมาณการเดิมเพราะกำไรในครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก และเป็นไปได้ที่จะซื้อกิจการเพิ่ม แต่กำไรมี downside หาก Lotus ไม่ต่อสัญญาบริหารพื้นที่โฆษณาที่จะหมดอายุ ธ.ค.นี้และ ก.พ. ปีหน้า ยังแนะนำขาย ราคาหุ้นคิดเป็น PE ปี 2015 ถึง 32 เท่า และเกินเป้าหมายปี 2016 ที่ 12 บาท
(-) HEMRAJ แนวโน้มกำไรปกติ 3Q14 จะลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะ มี Backlog รอโอนสิ้น 2Q14 เพียง 1 พันล้านบาททยอยโอนช่วง 3-18 เดือนข้างหน้า และส่วนแบ่งกำไรจาก Gheco-one มีแนวโน้มลดลงเพราะรายได้ขายไฟฟ้ากลับสู่ปกติหลังได้รับค่าไฟฟ้าสูงเป็นพิเศษใน 2Q14 กรณีข่าวที่ HEMRAJ เป็นเป้าในการซื้อกิจการของ WHA ทาง HEMRAJ ให้ข้อมูลกับเราว่าหากมีการซื้อขายจริง น่าจะเป็นการเจรจาซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 4 บาท ปรับคำแนะนำจากถือ เป็นขาย ราคาหุ้นถูกเก็งกำไรจากข่าวถูกซื้อกิจการมากไป ขณะที่ผลดำเนินงาน 2H14 ชะลอ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอีกเกือบ 200 จุดซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์โดยได้รับแรงหนุนหลังจาก BoJ สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดโดยขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกได้ค่อนข้างแรงเช่นกันจากประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของ BoJ รวมถึง BoE ที่เพิ่มความเข้มงวดในการเพิ่มเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบโดยประเด็นที่ตลาดจับตาคือรายงานตัวเลข PMI ของจีนในเช้าวันนี้
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.51-32.64 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 0.58 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 80.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงาน OPEC จะยังไม่เร่งรีบปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันตามราคาที่ร่วงลง นอกจากนี้ตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค.ของจีนปรับตัวลดลงซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 27.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,171.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นหลัง BoJ ได้ประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 พ.ย. - ไทย: เงินเฟ้อ (ต.ค.), BA เข้าตลาด (ราคา IPO 25 บาท)
- จีน: Non-manufacturing PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
4 พ.ย. - อินเดีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Muharram
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
- ยูโรโซน: European Commission Economic Forecasts
5 พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม (คาดคงดอกเบี้ย)
- จีน: HSBC China Composite PMI (ต.ค.)
- อินโดนีเซีย: 1Q14 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
6 พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.), BRR เข้าตลาด (ราคา 6.80บาท)
- อินเดีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Gurunanak Jayanti
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852