WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 2-3-2021May

INVESTMENT STRATEGY

แกว่ง Sideways :

เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ประเมินแนวรับ 1,480 จุด และแนวต้าน 1,515 จุด เน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรขยายตัวเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “NRF, CPN”

NRF

คาดแนวโน้มผลประกอบการของ NRF จะเติบโตแข็งแกร่งในช่วง 64-66 จากธุรกิจ Megatrend อย่าง Plant-based และ E-commerce เกิดไวกว่าคาด และมี Upside risk จากธุรกิจกัญชงกับ Partner ที่มีศักยภาพ เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ขึ้น 8% และ 10% และปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ระดับ 11 บาท

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 11.0 บาท

CPN

แนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวจาก 1) Traffic ศูนย์การค้าฟื้นตัวมาที่ 65-75% ส่งผลให้ส่วนลดค่าเช่าคาดจะน้อยลงเป็นไม่เกิน 30% ใน 2Q64 และจะลดลงอีกใน 2H64 2) คาดบันทึกกำไรพิเศษ 1.5-2 พันล้านบาทจากการขายเซ็นทรัลมารีนาและลำปาง ให้ CPNREIT ในช่วง 1Q64 3) เปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่งในปีนี้

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 64.0 บาท

INVESTMENT THEME

แกว่ง Sideways

-ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวน์แรงเกือบ 2% หลังจากปรับฐานแรงจากความกังวลต่อความผันผวนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยล่าสุด 10 Years US Bond Yield แกว่งตัวอยู่บริเวณ 1.4%

-แรงขับเคลื่อนเพิ่มเติมต่อการฟื้นตัวของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมาจากการที่สหรัฐฯ ได้รายงานตัวเลข ISM ภาคการผลิต เดือนกุมภาพันธ์ ที่เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 60.8 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 58.7 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 58.9 จุด ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี สอดคล้องกับ ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนกุมภาพันธ์ ที่ 58.6 จุด จาก 58.5 จุด และดีกว่าคาดที่ 58.5 จุด เป็นตัวบ่งชี้ภาคการผลิตของสหรัฐฯยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง หนุนภาพระยะกลางช่วยขับเคลื่อนตลาดสินทรัพย์เสี่ยงแกว่งตัวขึ้น

-ผสานกับภาพระยะสั้นที่ตลาดยังมีความหวังเพิ่มเติมต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญของสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดได้ผ่านการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ คาดจะเป็นอีกปัจจัยที่น่าติดตาม และอาจจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนแรงเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น

SET

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

1,500.92                 +4.14

สรุปมูลค่าการซื้อขาย 1 มี.ค. 64

นักลงทุน                           สุทธิ

สถาบัน                         -176.51

บัญชี บล.                       -98.90

ต่างชาติ                     1,118.30

ในประเทศ                    -842.89

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ย่อก่อนฟื้นตัว สอดคล้องกับตลาดภูมิภาคที่รีบาวน์ โดย SET ปิดที่ 1,500.92 (+4.14 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.24 แสนล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,118 ลบ. (นักลงทุนสถาบันชสบ 177 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 12,543 สัญญา)

EYES ON

2 มี.ค. อัตราเงินเฟ้อ Eurozone (ก.พ.)

3 มี.ค. Caixin China PMI ภาคบริการ (ก.พ.), PMI ภาคบริการของ US, Eurozone (ก.พ.), การจ้างงานภาคเอกชน US (ก.พ.), สต๊อกน้ำมันดิบ US รายสัปดาห์

4 มี.ค. ประชุม OPEC, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย (ก.พ.), ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US (ม.ค.), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน US

5 มี.ค. อัตราเงินเฟ้อไทย (ก.พ.), การจ้างงานนอกภาคเกษตร US (ก.พ.), อัตราการว่างงาน US (ก.พ.)

Sino-Thai Engineering (STEC)

4Q63 กำไรดีจากรายการพิเศษ

T-BUY

Share Price                   THB 12.20

12m Price Target         THB 18.00

Previous Price Target THB 18.00

ผลประกอบการ 4Q63

4Q63 มีกำไรสุทธิที่ดีเท่ากับ 468 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน 100%QoQ ในขณะที่ลดลงจากปีก่อน 22% กำไรที่ดีเนื่องจากไตรมาสนี้มีรายการพิเศษกำไรจากการขายเงินลงทุน และ ตีค่าสินทรัพย์ 226 ล้านบาท ถ้าหากตัดรายการนี้จะมีกำไรปกติที่ไม่เด่น 242 ล้านบาท (+3%QoQ, -50%YoY) ยอดรับรู้รายได้ค่อนข้างทรงตัวที่ 8,888 ล้านบาท (+3%QoQ, -3%YoY) ส่วนใหญ่เป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ สีชมพู อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำเท่ากับ 5% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน และ ปีก่อน รวมปี 2563 มียอดรับรู้รายได้รวม 35,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%YoY มีกำไรสุทธิ 1,093 ล้านบาท ลดลง 26%YoY ถ้าหากหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติเพียง 867 ล้านบาท ลดลง 40%YoY      

แนวโน้มผลประกอบการ

STEC มี Backlog ปัจจุบันประมาณ 7.8 หมื่นล้านบาท (รวมโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 6.2 พันล้านบาท) อนาคตจะได้งานเพิ่มคือ สนามบินอู่ตะเภาเฟสแรกจะมีงานก่อสร้างโยธาประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท งาน O&M มอเตอร์เวย์อีก 5-6 พันล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายไปเมืองทองมีงานก่อสร้างอีก 2.5 พันล้านบาท และ โครงการหมอซิตแลนด์ 9 พันล้านบาท จะทำให้ STEC มี Backlog มากกว่าแสนล้านบาท คาดปี 2564 กำไรปกติจะดีขึ้นเป็น 1,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28%YoY จากจะรับรู้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้า GULF ที่ปลวกแดง 9.2 พันล้านบาท และ โรงไฟฟ้าหินกอง 8.8 พันล้านบาท ซึ่งงานโรงไฟฟ้าเป็นงานที่มีกำไรดี และ ยังจบโครงการอาคารรัฐบาล ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น

คำแนะนำการลงทุน

ราคาหุ้น STEC ปัจจุบันซื้อ P/BV 1.2 เท่า ต่ำกว่า Forward P/BV-2SD ระยะ 10ปีที่ 1.5X ในขณะที่มีเงินสดในมือและเงินลงทุนในกองทุนเปิดสูง 6.5 พันล้านบาท เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 18 บาท อิงค่าเฉลี่ย10ปี Forward P/E = 25x คงแนะนำ TRADING BUY ช่วงอ่อนตัว

ความเสี่ยง

ปัญหาการก่อสร้าง / ต้นทุนวัสดุและแรงงาน / คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับ STEC และ กรรมการผู้จัดการ เราจึงตัดคดีถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดออกจากปัจจัยเสี่ยง

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

  1. Karnchang (CK)

4Q63 ขาดทุน รอโครงการใหม่

T-BUY

Share Price                     THB 15.50

12m Price Target           THB 22.00 (+42%)

Previous Price Target   THB 22.00

ผลประกอบการ 4Q63

CK ประกาศผลประกอบการ 4Q63 ขาดทุน 114 ล้านบาท เทียบกับกำไรในไตรมาสก่อน 774 ล้านบาท และ ปีก่อน 256 ล้านบาท ขาดทุนมากกว่าเราคาดจะขาดทุน 50 ล้านบาท ผลประกอบการถูกกดดันจาก ยอดรับรู้รายได้อยู่ในระดับต่ำ 3,620 ล้านบาท (-5%QoQ, -31%YoY) เนื่องจาก Backlog ที่ต่ำ และ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับต่ำ 7.6% เทียบกับ 7.7% ในไตรมาสก่อน และ 9% ในปีก่อน ไตรมาสนี้จะไม่มีเงินปันผลรับทำให้รายได้อื่นลดลงเหลือ 243 ล้านบาท (-47%QoQ, -24%YoY) นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BEM และ CKP ลดลงเหลือ 249 ล้านบาท (-54%QoQ, -15%YoY) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารกลับเพิ่มขึ้น 531 ล้านบาท (+17%QoQ, +98%YoY)  

แนวโน้มผลประกอบการ

Backlog ปัจจุบันของ CK ต่ำเพียงประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท ในขณะที่งานประมูลใหม่มีความล่าช้า กดดันผลประกอบการธุรกิจรับเหมาไม่เด่น ทางด้านส่วนแบ่งกำไรจาก BEM และ CKP ปี 2564 คาดจะดีขึ้น ซึ่ง BEM ปีก่อนประสบปัญหา Covid-19 ในไตรมาส 2Q63 ส่วน CKP โครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม2 มีการเก็บน้ำไว้ผลิตไฟฟ้าในปีนี้ เราคาดยอดรับรู้รายได้ปีนี้ 19,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% และ คาดจะมีกำไรที่ดีขึ้น 1,080 ล้านบาท โต 76% โดยกำไรที่ดีขึ้นมาจากส่วนแบ่งกำไรจาก BEM และ CKP ที่สูงขึ้น เราคาดหวังโครงการขนาดใหญ่จะหนุน Backlog ให้ CK เข้าสู่ New S-Curve ในอนาคต คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์ มีนบุรี 1.27 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 1 แสนล้านบาท และ โรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 1.35 แสนล้านบาท

คำแนะนำการลงทุน

ราคาหุ้น CK ปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่ถูก คือ P/BV 1.0 เท่า ต่ำกว่า Forward P/BV-2SD ระยะ 10 ปี ที่ 1.13X ในขณะที่ CK มีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW มีมูลค่าถึง 5.8 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 34 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติมโตในระยะยาว และ ช่วยเพิ่มงานให้ CK รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผล ประเมินเป้าหมาย โดยวิธี Sum of the Part เท่ากับ 22 บาท คงแนะนำ TRADING BUY

ความเสี่ยง

อุปสรรคในการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

NR Instant Produce (NRF)

ว่าที่ Super Stock

BUY

Share Price                     THB 7.60

12m Price Target           THB 8.30 (+9%)

Previous Price Target   THB 8.30

ประเด็นการลงทุน

คาดกำไรปกติ 4Q63 บริษัททำ All Time High ที่ 82 ลบ.(+486%YoY, +11%QoQ) จากทั้งธุรกิจ Ethnic food และ Plant-based food ที่ยังมี Organic growth แข็งแกร่ง และคาดโมเมนตัมกำไรจะทำ ATH ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาสใน 1Q64-2Q64 ด้วยมี Inorganic growth หนุนจากดีลการซื้อและร่วมทุนในบริษัทที่ได้ทำสัญญาไว้แล้ว อีกทั้งมีแผนลงทุนเพิ่มในโรงงาน Plant-based ทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่องในช่วง 2H64-1H65 ซึ่งจะเป็น Growth driver ให้โตต่อในปี 65-66 ทำให้บริษัทมีภาพการเติบโตระยะสั้น-กลาง-ยาวที่ชัดเจน คาดกำไรโตเฉลี่ยต่อปี 44% CAGR ใน 3 ปีข้างหน้า ขณะเทรด PEG เพียง 0.7 เท่า แนะนำ ซื้อราคาเป้าหมาย 8.30 บาท

คาดกำไร 4Q63 โตเด่น มี Organic growth แข็งแกร่ง

คาดกำไร 4Q63 โตเด่นหนุนโดย (1)อานิสงส์โควิด-19 คนอยู่บ้านทำอาหารทานเองและดูแลสุขภาพมากขึ้นเป็นตัวเร่งให้ตลาด Ethnic&Plant based food โตดีกว่าคาด และเมื่อผลของตัวเร่งหมดลง คาดยอดขายจะไม่ได้กลับไปสู่ก่อนเกิดโควิด-19 แต่จะเป็นฐานใหม่ที่ลูกค้าบางส่วนกลับมาเกิดการซื้อซ้ำ และ (2)บริษัทได้ปิดดีลกับลูกค้ารายใหม่อีก 2 เจ้า ช่วยเพิ่มช่องทางขาย หนุนให้มี Organic growth แกร่งต่อเนื่อง คาดยอดขายโตได้ต่อ 15% ในปี 64

ปิดดีลเสริม Inorganic growth กำไรมี Upside ตลอดทาง

คาดโมเมนตัมกำไรจะสามารถทำ ATH ได้อีกอย่างน้อย 2 ไตรมาสใน 1Q-2Q64 จาก (1)ดีลซื้อ City food เพิ่มฐานยอดขายทันที 30% รับเต็มไตรมาสใน 1Q64 (2)ดีลร่วมทุนกับ Boosted ซื้อบริษัท Start-up ได้กำไรส่วนเพิ่มทันทีราว 10% รับเต็มไตรมาสใน 2Q64 (3)ลงทุนเพิ่ม 25% ในดีลร่วมทุนโรงงาน Plant and Bean ที่ UK ช่วงกลางปี คาดเริ่มเห็นกำไรใน 4Q64 และ (4)การขยายโรงงาน Plant-based ในประเทศช่วง 2H64-1H65 รับออเดอร์ในภูมิภาค โดย (3)และ(4) จะเป็น Growth driver หลักในช่วงปี 65-66 ทำให้โมเมนตัมกำไรบริษัทมีการเติบโตค่อนข้างชัดเจนทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว

Valuation

แนะนำ ซื้อราคาเป้าหมาย 8.30 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 8%, G.3%) โดยราคาปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนความสามารถการเติบโตของบริษัท ที่คาดจะโตเฉลี่ยต่อปี 44% แบบ CAGR ใน 3 ปีข้างหน้า และเทรดอยู่ที่เพียง PEG 0.7 เท่า ทั้งยังมี Upside risk ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจากบริษัทได้เริ่มพัฒนาสินค้า Plant-based แบรนด์ของตัวเองร่วมกับ Partner ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต และ โอกาสขยายช่องทางการขายสู่ตลาด E-commerce ที่ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการของเราและตลาด ประกอบกับธุรกิจขับเคลื่อนด้วย R&D มี Barrier to Entry ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการเกาะไปกับเทรนด์สุขภาพที่เติบโตในระยะยาว

Suttatip Peerasub

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1430

Thanalop Preedamanoch

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1511

Bangkok Exp & Metro (BEM)

ตัวเลข ม.ค. เฉลยว่า ปีนี้ฟื้นได้สบาย

BUY

Share Price                  THB   7.95

12m Price Target         THB 12.90 (+62%)

Previous Price Target THB 13.00

กำไรปกติปี 63 ที่ 2 พัน ลบ. -29.9% YoY ต่ำกว่าตลาดคาด 5%

BEM มีกำไรสุทธิงวดปี 2563 ที่ 2.051 พัน ลบ. หดตัว -62.3% YoY โดยหากไม่นับรวมกำไรพิเศษเกี่ยวกับเงินลงทุน 2.5 พัน ลบ. ในปีก่อน กำไรปกติจะหดตัว -29.9% YoY ต่ำกว่าตลาดคาดเพียง 5% โดยสาเหตุหลักมาจากผลกระทบการแพร่ระบาด COVID-19 ที่กดดันรถใช้ทางด่วน ทำจุดต่ำสุดในเดือน เม.ย. ที่ 5.9 แสนคัน/ วัน และ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพียง 7.8 หมื่นเที่ยว/ วัน ขณะที่การฟื้นตัวแม้จะทำได้เร็วบนทางด่วน แต่ในภาพรวมปี 2563 จำนวนรถหดตัวไป -15.2% YoY มากกว่าคาดของเราที่ -11.0% ผู้โดยสารรถไฟฟ้าหด -22.0% YoY มากกว่าคาดของเราที่ -16.0% อย่างไรก็ดี สัมปทานทางด่วนที่ได้รับการต่อขยายปรับปรุงใหม่เมื่อปลายไตรมาส 1/63 ทำให้ต้นทุนตัดจำหน่ายลดลงถึง -65% เหลือเพียง 1.4 พัน ลบ. เมื่อรวมปันผลรับจาก TTW ราว 482 ลบ. ทำให้ภาพรวม BEM ยังคงรักษาสถานะกำไรได้ไม่ยากเย็น

ปันผลสูงตามสัญญา ปี 63 Payout 77% ปี 64 คาดทำได้ต่อ

BEM ประกาศจ่ายปันผล 0.10 บาท/ หุ้น ขึ้น XD วันที่ 7 พ.ค. คิดเป็น Dividend payout ถึง 76.9% ยกระดับจากปีก่อนที่ 41.7% แม้ว่าผลกำไรจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ก็ตาม ผู้บริหารเผยในการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ว่า ต้องการดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนในยามลำบาก และ ต้องการรักษาเป้าหมายการเป็นบริษัท Growth & Dividend stock ไว้ โดยในปี 2564 ในเบื้องต้น ผบห.มองว่าอยากจะรักษาอัตราการจ่ายปันผลในระดับสูงนี้ต่อ ซึ่งจากแผนเงินลงทุนที่ไม่มากปีนี้หลักร้อยล้านบาท กอปรกับจำนวนผู้ใช้บริการฟื้นต่อเนื่อง เราเชื่อว่าแนวทางนี้น่าจะเป็นไปได้ต่อเนื่องในปีนี้

จุดแย่ปีนี้ ไม่หนักเท่าปีก่อน คาดกำไรฟื้น +45.4%

ผู้บริหารเผยว่าจำนวนผู้ใช้บริการในเดือน ก.พ. ฟื้นจาก ม.ค. อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ม.ค. รถบนทางด่วน 8 แสนคัน/ วัน ผู้ใช้รถไฟฟ้า 1.5 แสนเที่ยว/ วัน ซึ่งจะเห็นว่า สูงกว่าจุดแย่สุดในปี 2563 คือเดือน เม.ย. ถึง 36% และ 92% ตามลำดับ สะท้อนว่าผลกระทบการแพร่ระบาดรอบ2 นั้นไม่รุนแรงเท่าครั้งแรกอย่างชัดเจน ดังนั้นการฟื้นตัวของกำไรจึงคาดหวังได้ เราคาดกำไรปีนี้ 2.9 พัน ลบ. +45.4% YoY บนสมมติฐานตามเดิม รถบนทางด่วนฟื้น +10% YoY และ ผู้ใช้รถไฟฟ้าฟื้น +30% ได้ราคาเหมาะสม DCF ปรับปรุงลงเล็กน้อย 1% เป็น 12.90 บาท/ หุ้น จากฐานผู้ใช้บริการปี 2563 ที่ต่ำกว่าคาด

ความเสี่ยง

การฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า ที่อาจล่าช้ากว่าคาด และผลดำเนินงานของ TTW ที่จะส่งผลต่อเงินปันผลรับ

Jaroonpan Wattanawong

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1404

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!