- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 February 2021 23:29
- Hits: 15921
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-2-2021
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,511.03 -3.88
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 18 ก.พ. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -1,010.20
บัญชี บล. 382.60
ต่างชาติ -1,694.03
ในประเทศ 2,321.63
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว ยังคงมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ โดย SET ปิดที่ 1,511.03 (-3.88 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.6 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,694 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,010 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 4,586 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
GLOBAL (ราคาเป้าหมาย 21.8 บาท) คาดแนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งจาก SSSG ซึ่งคาดจะฟื้นเป็นบวกหลังจากติดลบ 5 ไตรมาสติดต่อกัน อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand และได้ผลบวกจากราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่วนกำไรปี 64 คาดเติบโต 27% และเป็นระดับกำไรสูงสุดใหม่
INVESTMENT THEME
ภาคแรงงานสหรัฐฯยังชะลอตัว : วานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 8.61 แสนราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 7.93 แสนราย และสวนกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 7.73 แสนราย สะท้อนว่าภาคแรงงานสหรัฐฯยังชะลอตัวลง ซึ่งคงต้องจับตาอย่างใกล้ในช่วงถัดไป โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามเช่น 1) มาตรการกระตุ้นของ US ที่คาดจะออกมาก่อนกลางเดือนมีนาคมนี้ เพื่อช่วยเยียวยาผลกระทบจากภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ 2) การทยอยฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง เพื่อลดการติดเชื้อในรายใหม่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ส่วนด้านปัจจัยในประเทศ ยังอยู่ในช่วงของการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนนี้ โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางตลาดในช่วงถัดไปว่าจะสามารถปลดล็อค Valuation ที่ตึงตัวในระดับปัจจุบันได้หรือไม่ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจในคืนนี้ที่น่าติดตาม เช่น PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน กพ.ของ US และ Eurozone, ยอดขายบ้านมือสองของ US
Investment Strategy : วันนี้คาด SET ย่อตัว แนวรับ 1,500 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรขยายตัวเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “GLOBAL, OR”
EYES ON
ปัจจัยต่างประเทศ :
-18 ก.พ. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
-19 ก.พ. PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน กพ.ของ US และ Eurozone, ยอดขายบ้านมือสอง US
ปัจจัยในประเทศ :
-การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 16-20 ก.พ.
-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET
แนวรับ : 1508/1500
แนวต้าน : 1520/1530
North East Rubber (NER)
ราคาสะท้อนทิศทางปีนี้ เกือบหมดแล้ว
HOLD
Share Price THB 5.10
12m Price Target THB 5.25 (+3%)
Previous Price Target THB 5.00
Results Review
ลดน้ำหนักเป็น “ถือ” ระหว่างรอประเด็นใหม่ ปีนี้รับปันผล 6.0% ไปก่อน
NER แสดงผลกำไรที่ยอดเยี่ยม และตอบแทนนักลงทุนด้วย Capital gain 50% แล้ว ดังที่ได้คาดการณ์ไว้ว่า กำไรปกติจะเติบโตเท่าตัวในปี 2563 และจะเติบโตต่ออีก +46.7% YoY ในปี 2564 จากการใช้กำลังการผลิตใหม่เต็มปี ดังนั้นในเชิงจิตวิทยาการลงทุน ความตื่นเต้นน่าสนใจ อาจไม่เท่าปี 2563 นัก ระหว่างติดตามพัฒนาการใหม่ของบริษัท และรับปันผล 6% นี้ เราลดคำแนะนำเป็น “ถือ” โดยราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นเล็กน้อย 5% เป็น 5.25 บาท/ หุ้น เพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้ 700 ลบ. ในปลายปี 2563
ปี 2563 เป็นไปตามคาด กำไรปกติเติบโต +108.9% YoY
NER รายงานกำไรสุทธิงวดปี 2563 ที่ 859 ลบ. ขยายตัว +59.3% YoY โดยเมื่อหักรายการพิเศษความเสียหายจากไฟไหม้คลังสินค้า 27 ลบ. และ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 59 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 945 ลบ. ต่ำกว่าคาด 1% และแสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ตามคาด +108.9% YoY ผลักดันจากกำลังการผลิตใหม่อีก +59% ระหว่างปี และอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมที่ฟื้นขึ้นเป็น 10.6% จากปีก่อน 8.6% จากทิศทางราคายางพาราที่เร่งตัวขึ้นใน 2H63 ทำให้ NER กำหนดราคาขายได้ดีกว่าปีก่อน นอกจากนั้น การประหยัดโดยขนาดทำให้ใน 2H63 เมื่อกำลังการผลิตใหม่มีการใช้งานเต็มที่อย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงเหลือเพียงเฉลี่ย 2.8% เทียบกับ 4.3% ในช่วง 1H63
ลดน้ำหนักเป็น “ถือ” ราคาหุ้นขึ้นมา 50% สะท้อนปี 2564 แล้ว
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 50% นับตั้งแต่คำแนะนำ ซื้อ เมื่อ 9 ต.ค. 63 ซึ่งเป็นการตอบรับกำลังการผลิตใหม่ และแนวโน้มกำไรที่จะเร่งตัวขึ้นใน 2H63 และ เต็มปี 2564 ไปแล้ว ขณะที่ new s-curve (แผ่นรองนอนวัว) การสั่งเครื่องจักรล่าช้าออกไปเพราะ COVID-19 ทำให้ประมาณการรายได้ในปี 2565 อาจตลาดเคลื่อนได้ ขณะที่ปี 2563 ประเด็นการเติบโตหลักๆจะมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีของกำลังการผลิตใหม่ ซึ่งตลาดรับรู้ไปแล้ว นอกจากนี้ เราได้ปรับปรุงราคาเหมาะสมขึ้น 5% เป็น 5.25 บาท/ หุ้น อิง P/E 7.0 เท่าตามเดิม เนื่องจากต้นทุนทางการเงินลดลง 120bps จากสมมติฐานเดิม ซึ่งเป็นผลมาจากการออกหุ้นกู้ 700 ลบ. เมื่อปลายปี 2563 ซึ่งเรามองว่ามีนัยสำคัญอย่างมากกับบริษัทที่ใช้เงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากเช่น NER อย่างไรก็ดีคาดการณ์ปันผล 0.32 บาท คิดเป็น dividend yield 6.0% ก็ถือว่าน่าสนใจ ระหว่างรอพัฒนาการใหม่ๆนี้
ความเสี่ยง
ความผันผวนของราคายางพารา และ ประเด็นการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งอาจทำให้ตลาด re-export สินค้าจีนเข้าสู่สหรัฐได้รับผลกระทบได้, ความเสี่ยงจาก dilution effect หลังจากที่คณะกรรมการขออนุมัติ ขยายมติเพิ่มทุนแบบ General Mandate ทิ้งไว้ 10% (ประชุมผู้ถือหุ้น 8 เม.ย. 2564)
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
Bumrungrad Hospital (BH TB)
คาดฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง 64
BUY
Share Price THB 126.00
12m Price Target THB 150.00 (+19%)
Previous Price Target THB 150.00
คงคำแนะนำ ซื้อ และคง TP ที่ 150 บาท
เราคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 150 บาท BH รายงานรายได้ปี 2563 ลดลง 33% YoY เป็น 1.23 หมื่นล้านบาท เนื่องจากไม่มีผู้ป่วยต่างชาติ (70% ของรายได้ปกติ) ผลจากการปิดประเทศตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 นอกจากนี้ กำไรหลักลดลง 69% เหลือ 1.2 พันล้านบาทจากอัตรากำไร EBITDA ที่ลดลงอย่างมากเหลือ 21% ในปี 63 จาก 32% ในปี 62 เนื่องจากต้นทุนคงที่ที่สูงในธุรกิจโรงพยาบาล แม้จะมีกำไรที่อ่อนตัวในปี 63 แต่เราเชื่อว่านักลงทุนกำลังมองข้ามประเด็นนี้และคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 64 เป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าจะมีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลายซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาได้ง่ายโดยไม่ต้องกักตัว
อัตรากำไร EBITDA ไตรมาส 4/63 ทรงตัว QoQ จากรายการพิเศษ
ในไตรมาส 4/63 รายได้เพิ่มขึ้น 1% QoQ และลดลง 30% YoY เป็น 2.9 พันล้านบาท การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นผลมาจากไข้หวัด (Respiratory Syncytial Virus- RSV) ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กเล็กตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/63 แม้รายได้จะเติบโต แต่กำไรหลักลดลง 16% QoQ และ 80% YoY เป็น 180 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่าย 15 ล้านบาทที่จ่ายให้กับพนักงานเพียงครั้งเดียวเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ BH
คาดกำไรหลักเพิ่มขึ้นแตะ 2.37 พันล้านบาทในปี 64
เราคาดว่าการปิดเมืองจะยังคงมีอยู่ในครึ่งแรกของปี 64 และด้วยเหตุนี้ความสามารถในการทำกำไรอาจจะไม่ดีและการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลัง 64 ขณะที่ทั้งปี 64 เราคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโต 27% แตะระดับ 1.57 หมื่นล้านบาท และด้วยรายได้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อัตรากำไร EBITDA จะเพิ่มขึ้นเป็น 28.8% จาก 20.9% ในปี 63 นอกจากนี้ เรายังคาดการณ์กำไรหลักจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.37 พันล้านบาทในปี 64 เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำที่ 1.2 พันล้านบาทในปี 63 ส่วนใหญ่มาจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลัง 64
ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายบน P/E ปี 65 ที่ 29 เท่า
เราคำนวณราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF, WACC 6.31%, G 2% ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่เราศึกษา BH ได้รับผลกระทบจาก Covid มากที่สุดเนื่องจากมีผู้ป่วยต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง และด้วยแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมการระบาดของ Covid 19 ได้ในครึ่งปีหลัง 64 EPS น่าจะเติบโตแรงที่สุด ความเสี่ยงที่สำคัญคือการฉีดวัคซีนในประเทศไทยช้ากว่าที่คาดไว้
Yuwanee Prommaporn
(66) 2658 5000 ext 1393
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web