WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-2 -2021May
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 
1,523.11   +0.39
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 16 ก.พ. 64 
นักลงทุน                        สุทธิ
สถาบัน                    -2,083.92
บัญชี บล.                     658.86
ต่างชาติ                    2,185.36
ในประเทศ                   -760.30
MARKET SUMMARY 
วานนี้ SET แกว่ง sideways โดย SET ปิดที่ 1,523.11 (+0.39 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.07 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,185 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,084 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 4,274 สัญญา)
STOCK PICK & TRADING IDEA 
STGT (ราคาเป้าหมาย 50 บาท) รายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส 4/63 ที่ 8.5 พัน ลบ. +93.6% QoQ โต 4 เท่าจากปีก่อน และดีกว่า Bloomberg consensus 6% และประกาศจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลืออีก 2.00 บาท คิดเป็น dividend yield 5.0%
INVESTMENT THEME 
แกว่งรอปัจจัยใหม่ : ภาพตลาดหุ้นในระยะสั้นอาจยังคงเห็นการแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากปัจจุบันตลาดกำลังอยู่ในช่วงการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่ม Real Sector จึงอาจส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรงบของหุ้นรายตัว ในขณะที่ภาพใหญ่ยังคงแนะเกาะติดสถานการณ์โลก เช่น 1) การกระจายวัคซีนว่ามีความช้า-เร็วเพียงใด โดยสำหรับไทยภาครัฐฯเผยว่าวัคซีนล๊อตแรกจะเข้าไทย ในช่วงปลายเดือน กุมภาพันธ์นี้, 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของ US คาดจะสามารถออกมาได้ไม่เกินกลางเดือน มีนาคม 64 3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ที่คาดจะค่อยๆทยอยออกมาเพิ่มเติมในช่วงถัดไป ส่วน Key Indicator ที่น่าจับตามองคือสัญญาณของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของ US 10 ปี ที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยวานนี้ปรับขึ้นมาปิดที่ 1.31% อาจเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฟื้นตัว เงินเฟ้อปรับขึ้น แต่ในทางกลับกันก็ต้องเริ่มระวังในระยะสั้น เนื่องจากอาจเป็นตัวสะท้อนว่าตลาดเริ่มมีความเชื่อมั่นมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ภาพการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นอาจเห็นการย่อสร้างฐานได้
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่ง Sideway แนวรับ 1,510 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรขยายตัวเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “STGT, ICHI”
EYES ON 
ปัจจัยต่างประเทศ :
-17 ก.พ. ยอดค้าปลีกของ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US, รายงานการประชุม FOMC รอบที่ผ่านมา, ดัชนี GDP 4Q63 ของ Eurozone
-18 ก.พ. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
ปัจจัยในประเทศ :
-การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 16-20 ก.พ.
-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET 
แนวรับ : 1520/1513
แนวต้าน : 1530/1560
BJC Heavy Industries (BJCHI)
4Q63 จะขาดทุนหนักต่อปีนี้จะดีขึ้น
HOLD
Share Price THB 1.68
12m Price Target THB 2.00 (+19%)
Previous Price Target THB 2.00
ประเด็นการลงทุน 
คาด 4Q63 จะขาดทุนหนักต่อ 80 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ผลการดำเนินงานปกติคาดกำไรเล็กน้อย 5 ล้านบาท  แนวโน้มปี 2564 มีแนวโน้มจะได้งานใหม่มากขึ้น การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบทำให้มีความหวังจะกลับมาได้งานโมดูลใหม่  คาดปี 2564 จะฟื้นตัวมีกำไร แต่ฐานจะยังต่ำ   BJCHI มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้เงินกู้ มีเงินสดในมือ 355 ล้านบาท  คาดปันผลได้แม้ขาดทุน  ประเมินราคา เป้าหมาย 2 บาท ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเล็กน้อย คงแนะนำ ถือ     
คาด 4Q63 จะขาดทุนหนักต่อ 80 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยน  
การรับรู้รายได้ 4Q63 คาดจะลดลงเหลือ 350 ล้านบาท (-16%QoQ, -23%YoY)  ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการ Koodaideri  เนื่องจาก โครงการสำคัญ Crisp ยังถูกชะลอการก่อสร้างออกไปไม่มีกำหนด  โดยอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะยังอยู่ในระดับต่ำ 9.9% ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ติดลบ -27.6% แต่ต่ำกว่าปีก่อน 19.1%  ทำให้สุทธิแล้วจะมีกำไรปกติเล็กน้อย 5 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 146 ล้านบาท และ ปีก่อนที่มีกำไร 49 ล้านบาท  แต่ไตรมาสนี้คาดจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 85 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า  รวมแล้วคาด 4Q63 จะขาดทุนสุทธิเท่ากับ 80 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 119 ล้านบาท และปีก่อนที่มีกำไร 26 ล้านบาท 
แนวโน้มปี 2564 จะฟื้นตัวมีกำไร แต่ฐานยังต่ำ 
โครงการสำคัญ Crisp ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของ Backlog 3.2 พันล้านบาท ยังถูกชะลอการก่อสร้างออกไปไม่มีกำหนด แต่ปีนี้จะได้เงินชดเชยเข้ามา  ในขณะที่โครงการ Koodaideri มูลค่าโครงการ 26.5 ล้านดอลลาร์ จะได้งานเพิ่มเป็นประมาณ 30 ล้านดอลลาร์  โดยใน 1Q64 มีแนวโน้มจะได้งานเพิ่ม 2 โครงการ คือ Santos เฟส3 มูลค่า 14 ล้านดอลลาร์ และ CIMTAS เฟส2 มูลค่าประมาณ 3-4 ล้านดอลลาร์  ซึ่งจะเริ่มรับรู้ใน 2Q64  นอกจากนี้การที่ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำให้เริ่มมีโครงการขนาดใหญ่ติดต่อเข้ามาเป็นงานโมดูล ประมาณ 210 ล้านดอลลาร์  โดยปัจจุบันมีงานที่กำลังประมูลประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท  เราคาดผลประกอบการปี 2564 จะฟื้นตัวดีขึ้นมีกำไรประมาณ 102 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 179 ล้านบาท แต่ยังเป็นกำไรที่ต่ำ 
คาดจะจายปันผลแม้ขาดทุน 
BJCHI มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้เงินกู้ ในขณะที่มีเงินสดในมือ 355 ล้านบาท  คาดจะจ่ายปันผลได้แม้ผลประกอบการจะขาดทุน  ประเมินราคาเป้าหมาย 2.0 บาท ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเล็กน้อย คงแนะนำ ถือ
ความเสี่ยง : ต้นทุนที่มากกว่าประมาณการ / การแข่งขันในงานประมูล 
Surachai Pramualcharoenkit
[email protected]
(66) 2658 6300 ext 1470

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!