- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 October 2014 15:40
- Hits: 2208
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ “ ขึ้นมากมีแรงขายออกมาบ้าง”
SET ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย จากปัจจัยบวกเรื่องที่ทาง FED ยังยืนไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะสั้น แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากการที่ทาง FED ประกาศยุติการใช้มาตรการ QE และแรงขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SET ปิดที่ 1,565.35 จุด (+2.68 จุด) vol 4.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเป็นวันที่ 6 รวม 39.21 จุด
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) สหรัฐเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 3% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ยังอยู่ในระดับตัว สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตอย่างแข็งแรง
(+) หน่วยงาน Pension Fund ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าจะเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นจากมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตมากกว่าคาด
(+) FED ยังคงส่งสัญญาณการคงดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไป คงการคาดหมายว่า FED จะเริ่มดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า
(+) Fund Flow มี Net Buy เป็นวันที่ 2 ด้วยมูลค่าราว 1 ร้อยล้านบาท รวมซื้อสะสม 2 วันที่ระดับ 1.1 พันล้านบาท
(+) ธนาคารโลกปรับอันดับไทยประเทศน่าลงทุนขึ้นมาที่ 26 ของโลกจาก 189 ประเทศ เข่นเดียวกับมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นมาที่ 18 ส่วนสิงคโปร์ยังครองแชมป์
(-) สศค.ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปีนี้มาที่ 1.4% จากเดิมที่คาดไว้ที่ระดับ 2% จากการส่งออกที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
(-) ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงจากผลของการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันของ EIA ที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
(+/-) ผลการประชุม FOMC มีมติการยุติ QE ตามคาดหลังดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
(+/-) SPA เริ่มเข้าซื้อขายในตลาด Mai เป็นวันแรก
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
การรายงานผลประกอบการ 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียน
การรายงายตัวเลขดุลบัญชีการชำระเงินวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน “เศรษฐกิจโลกสดใส”
คาดหมายการเคลื่อนไหวปรับตัวเพิ่มขึ้น จากภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐสดใสมาต่อยอดความกังวลต่อประเด็นดอกเบี้ยของสหรัฐเริ่มที่จางลง เราคาดหวังโมเมนตัมของตลาดต่างประเทศจะเป็นปัจจัยหลักที่จะหนุนดัชนีวันนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยภายในประเทศที่จะหนุนมุมมองของเศรษฐกิจไทยยังจำกัด จึงแนะนำลงทุนในหุ้นรายตัวโดยเน้นกลุ่มที่ laggard ดัชนี ก่อสร้าง และ ส่งออก
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
SAMART ราคาปิด 33.00 บาท
คาดกำไรไตรมาส 4/57 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ จากผลของ Seasonal และรายได้เพิ่มจากการขาย Set top box
ปี 58 เติบโตเด่นจากนโยบาย Digital Economy เราคาดกำไรปี 58 ที่ระดับ 2,009 ล้านบาท (EPS 2 บาท)
JAS ราคาปิด 7.25 บาท ราคาเหมาะสม 8 บาท
ประกาศกำไรปกติ 3Q57 ออกมาแข็งแกร่งที่ 966 ลบ. (+4%QoQ,+19%YoY) โดย Net Adds ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ลุ้นประเด็นบวกจากการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5.5-7 หมื่นลบ. หลังประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนการตั้งกองทุน
วงเงินซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 1000 ลบ. คงเหลือวงเงินซื้อหุ้นคืนอีกราว 315 ลบ. ปัจจุบัน JAS ซื้อขายที่ระดับ PER ปี 57 ต่ำเพียง 13.5 เท่า
ทีมวิเคราะห์