- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 February 2021 23:54
- Hits: 5980
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 11-2-2021
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,516.94 -1.33
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 10 ก.พ. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -2,027.16
บัญชี บล. 434.18
ต่างชาติ 1,182.24
ในประเทศ 410.74
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งสร้างฐาน โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า โดย SET ปิดที่ 1,516.94 (-1.33 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,182 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,027 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 9,019 สัญญา)
STOCK POCK & TRADING IDEA
PTTEP (ราคาเป้าหมาย 120 บาท) ราคาน้ำมันดิบโลกในระยะสั้นได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบ US รายสัปดาห์ที่ลดลงมากถึง -6.6 ล้านบาร์เรล ดีกว่าคาดที่ +1.7 แสนบาร์เรล ผสานกับการรายงานผลการเจาะหลุมประเมิน Lang Lebah-2 ในโครงการซาราวักเอสเค 410 บี ซึ่งพบแหล่งก๊าซที่ดีกว่าประเมินเบื้องต้นและเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่สุดของ PTTEP
INVESTMENT THEME
เงินเฟ้อ US ต่ำคาด / ลุ้นมาตรการกระตุ้นในช่วงถัดไป : วานนี้สหรัฐฯรายงาน ดัชนี CPI เดือนมกราคม +0.3%MoM สอดคล้องกับที่ตลาดคาด แต่ Core CPI ทำได้เพียงทรงตัว (+0.0%) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว +0.2%MoM บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังขยายตัวได้ไม่เต็มที่นัก กดดัน sentiment การลงทุนในระยะสั้น แต่อย่างไรคาดผลกระทบดังกล่าวจำกัด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ออกมาอย่างเร่งด่วน โดยเชื่อว่าสหรัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้น 1.9 ล้านล้านเหรียญ แบบ Fast Track โดยใช้แนวทางในการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า Budget reconciliation ซึ่งจะทำให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา สามารถให้การรับรองในแผนดังกล่าว โดยใช้คะแนนเสียงเพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น แทนที่จะต้องใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ของทั้งหมด ซึ่งคาดว่าการพิจารณาจะเสร็จสิ้นก่อน 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 ของสหรัฐฯจะหมดลง ผสานกับถ้อยแถลงวานนี้ของนายเจอโรม โพเวล ก็เน้นย้ำว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อเนื่องจนกว่าภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาฟื้นตัวเต็มที่ ถือเป็นอีกปัจจัยหนุน ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ มีหุ้น IPO เข้าใหม่ คือ OR ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่มีกระแสตอบรับที่ดีจากทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายบุคคล
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways แนวรับ 1,508 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “PTTEP, KTC”
EYES ON
ปัจจัยต่างประเทศ :
-11 ก.พ. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
-12 ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่น US จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ :
-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET
แนวรับ : 1508/1500
แนวต้าน : 1528/1560
Dynasty Ceramic (DCC)
กำไร4Q63ยังโตYoY เริ่มปันผล100%
BUY
Share Price THB 2.40
12m Price Target THB 3.18 (+33%)
Previous Price Target THB 3.18
ผลประกอบการ 4Q63
DCC ประกาศผลประกอบการ 4Q63 มีกำไรสุทธิที่อยู่ในเกณฑ์ดีเท่ากับ 362 ล้านบาท มากกว่าที่เราคาดไว้จะมีกำไร 350 ล้านบาทเล็กน้อย โดยกำไรชะลอตัวจากไตรมาสก่อน 12%QoQ แต่ยังเติบโตสูงจากปีก่อน 52%YoY แม้ว่ายอดขาย 4Q63 จะชะลอตัวลงเหลือ 1,885 ล้านบาท (-9%QoQ, -1%YoY) เนื่องจากภาวะฝนตกซุกในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในเกณฑ์ดี 41.8% เทียบกับ 43% ในไตรมาสก่อน และ 37.1% ในปีก่อน จากต้นทุนก๊าซที่ปรับลดลงจากปีก่อน และ การออกกระเบื้องขนาดใหญ่ที่มีมาร์จิ้นดี ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงเหลือ 358 ล้านบาท (-9%QoQ, -11%YoY) จากต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลงจากการที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมัน B10 รวมปี 2563 มีกำไรสูงถึง 1,585 ล้านบาท โต 63% ทำสถิติสูงสุดใหม่
แนวโน้มผลประกอบการ
DCC ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ลวดลายสวยงาม ทดแทนการนำเข้า ซึ่งมีกำไรดี เช่น กระเบื้องปูพื้นขนาด 60x120 ซม. และ 80x80 ซม. ได้รับการตอบรับอย่างดี เติบโตสูง เราคาดยอดขายปี 2564 จะเติบโตได้เล็กน้อย 3% ปีนี้แม้ว่าต้นทุนก๊าซจะปรับสูงขึ้น แต่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสามารถรักษาระดับได้ประมาณ 42% นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลงเนื่องจากเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน B10 สำหรับศูนย์รวมวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างหลากหลาย ปี 2563 มีพื้นที่ให้เช่ารวม 80,000 ตรม. มีรายได้ค่าเช่าประมาณ 60 ล้านบาท คาดปี 2564 จะเพิ่มเป็น 85-100 ล้านบาท เราประเมินยอดขายในปี 2564 เท่ากับ 8,754 ล้านบาท โต 3.0% และ คาดจะมีกำไรเท่ากับ 1,630 ล้านบาท เติบโต 3% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อ
คำแนะนำการลงทุน
DCC ประกาศจ่ายเงินปันผลกำไร 4Q63 เท่ากับ 0.044 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 100% ของกำไร รวมจ่ายปันผลกำไรปี 2563 ประมาณ 0.17 บาท จึงมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 6.9% ปี 2564 วอร์แรนท์จะครบกำหนดเดือน พ.ค. คาดจะมีการใช้สิทธิส่วนที่เหลืออีก 940 ล้านหุ้น จะได้เงินเข้ามา 1,081 ล้านบาท เราคาดปี 2564 จะเพิ่มปันผลเป็น 100% ของกำไร ดังนั้น เราคาดปี 2564 จะมีเงินปันผล 0.18 บาท คงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 3.18 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปีของ Dividend Yield – 1SD = 5%
ความเสี่ยง
Covid-19 กระทบภาพรวม / ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่ง
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
TPI Polene Power PCL (TPIPP)
4Q63ชะลอตัว คาดหวังได้รฟฟ.เพิ่ม
BUY
Share Price THB 4.40
12m Price Target THB 5.00 (+14%)
Previous Price Target THB 5.00
ผลประกอบการ 4Q63
TPIPP ประกาศผลประกอบการ 4Q63 มีกำไรสุทธิที่ชะลอตัวลงเหลือ 1,161 ล้านบาท (-4%QoQ, -9%YoY) ถ้าหากตัดกำไรอัตราแลกเปลี่ยนและเงินประกัน 41 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 1,120 ล้านบาท (-8%QoQ, -11%YoY) ใกล้เคียงกับที่เราคาดหมายไว้เท่ากับ 1,100 ล้านบาท กำไรที่ชะลอตัวเนื่องจากมีการซ่อมบำรุงเตาในต้นเดือน พ.ย. ทำให้มูลค่ายอดขายชะลอตัวลงเหลือ 2,779 ล้านบาท (-8%QoQ, -3%YoY) อัตรากำไรขึ้นต้นดีขึ้นเป็น 48.0% เทียบกับ 46% ในไตรมาสก่อน และ 47.6% ในปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 152 ล้านบาท (+40%QoQ, +14%YoY) และ ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท (+3%QoQ, +433%YoY) จากการออกหุ้นกู้มากขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มปี 2564 คาดจะได้แรงหนุนจากการติดตั้ง Boiler เพิ่ม 3 ตัว คือ B13-B15 และ เริ่มรับรู้โครงการขาย RDF ให้ TPIPL เพื่อใช้ผสมกับถ่านหิน จะช่วยเพิ่มรายได้ 350-450 ล้านบาท/ปี และ โรงไฟฟ้าที่ขายไฟให้ TPIPL มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดยอดขาย 12,364 ล้านบาท โต 11% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,735 ล้านบาท โต 5% สำหรับแนวโน้มในระยะที่ยาวขึ้น ล่าสุด TPIPP ชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะที่สงขลา กำลังการผลิต 8MW เราประเมินจะช่วยเพิ่มรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท/ปี EBITDA ประมาณ 300 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 150 ล้านบาท คาดจะเริ่ม COD ปี 2566 นอกจากนี้ TPIPP กำลังเข้าประมูล และ เตรียมประมูล โรงไฟฟ้าขยะอื่นๆ อีก รวม 11 โครงการ รวม 135MW จะเข้ามาชดเชย โรงไฟฟ้าขยะชุดแรก 18MW+55MW ที่ได้ adder 3.5 บาท จะทยอยหมดสัญญาในปี 2565
คำแนะนำการลงทุน
เราคาด TPIPP จะจ่ายปันผลกำไรครึ่งปีหลัง 0.15 บาท โดยจ่ายกำไรครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.12 บาท รวมเป็นปันผลจ่ายกำไรปี 2563 เท่ากับ 0.27 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.1% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ต่ำ 7.8 เท่า คงแนะนำ ซื้อลงทุน เราประเมินราคาเป้าหมาย ด้วยวิธี DCF (WACC = 8.4%) ได้เท่ากับ 5 บาท
ความเสี่ยง
คดีเอกชน 222 คน ฟ้องร้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กับพวกรวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง เกี่ยวกับการทำ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหิน 150MW ของ TPIPP (ดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบ) / อายุ adder 7 ปี จำนวน 73MW จะหมดปี 2565 และ จำนวน 90MW จะหมด ปี 2568 หลังจากหมด adder TPIPP ยังสามารถขายไฟให้ กฟผ. ได้ต่อเนื่องที่ราคาฐาน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web