- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 October 2014 15:35
- Hits: 2045
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเป็นวันที่ 6 อีก 2.68 จุด มาอยู่ที่ 1,565.35 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 41,1791 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเป็นกลางในความเห็นของเรา แม้ว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 132 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 5,967 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เพียง 1,275 ล้านบาท
การซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์นี้ เราคาดว่า SET INDEX จะแกว่งแคบ หลังปิดบวก 39 จุดตลอด 6 วันทำการที่ผ่านมา หรือราว 50% ของการปรับฐานในรอบล่าสุด แม้ว่าวานนี้ DJIA จะปิดบวกเด่น จากตัวเลข GDP ใน 3Q57 เติบโตมากกว่าคาดก็ตาม แต่เนื่องด้วยวันศุกร์ และกระแสเงินทุนต่างชาติไม่ชัดเจน คาดว่า SET INDEX จะแกว่งแคบ แนวต้าน 1,570 จุด ยังไม่น่าปิดยืนเหนือได้ในวันนี้
ปัจจัยสำคัญในวันนี้ติดตาม การประชุม BoJ ซึ่ง Bloomberg consensus คาดว่า BoJ จะคงนโยบายการเงินเช่นเดิม ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. โดยเฉพาะภาคการบริโภคภายในประเทศจะฟื้นตัวได้หรือไม่ หลังภาคการส่งออก / การท่องเที่ยวส่งสัญญาณบวกแล้ว รวมถึงผลการเยือนกัมพูชาของนายกฯ วันนี้เป็นวันสุดท้าย จะมีความชัดเจนต่อแผนการรับซื้อไฟฟ้า และพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย หรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนรอทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขายในช่วงสั้นนี้” หลังจากขายทำกำไรไปในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” ITD / VGI
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: ITD/ VGI
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด
SET INDEX วันนี้มีโอกาสปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุน รอกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวก – ลบ สลับกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศนั้นๆ หลังการประชุมเฟดยุติ QE ตามคาด
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เปิดบวกขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,565-1,570 จุด ผลักดันโดย ADVANC / AOT/ SCC / PTTEP ซึ่ง 2 ตัวหลัง งบ 3Q57 ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม บริเวณกรอบดังกล่าว เกิดแรงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธนาคาร ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 6 เพียง 2.68 จุด มาอยู่ที่ 1,565.35 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 41,179 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่ม HOME +2.49%, กลุ่มเกษตร +1.93% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +1.50% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.71%, กลุ่มอสังหาฯ +0.10% และกลุ่มพลังงาน +0.69%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.19 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่น ส่วน Kospi เปิดย่อตัวลงเล็กน้อย เหมือนวันก่อนหน้า แม้ว่า DJIA จะบวกเด่นและกลับมายืนเหนือ 17,000 จุดอีกครั้งก็ตาม
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็ฯ “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 4 เมื่อ SET INDEX วานนี้ยังไม่สามารถปิดยืนเหนือ 1,570 จุดได้ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และในวันนี้ก็เช่นกัน SET INDEX ยังมีน้ำหนักไม่มากพอที่จะปิดยืนเหนือแนวดังกล่าว แต่มีโอกาสที่ SET INDEX จะปิดย่อตัวลงเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ แนวรับ 1,560 จุด +/- จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในความเห็นของเรา
อย่างไรก็ตาม ภาพรวม SET INDEX มีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,580-1,600 จุด อาจเห็นในสัปดาห์หน้า เนื่องจาก
•การประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย. ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในเยอรมัน และภาพรวมในอียู ส่งสัญญาณสูญเสียโมเมนตัม การเติบโต อย่างเห็นได้ชัด อาจทำให้ ECB ต้องตัดสินใจเพิ่มมาตรการเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและนอก กลุ่มอียู
•เม็ดเงินทุนต่างชาติ ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังสิ้นสุดโรดโชว์ที่ สหรัฐฯ ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ จับตาหุ้นหลัก / Big Cap ของตลาดหุ้นไทย น่าจะเป็นเป้าหมายของการลงทุน
•เม็ดเงินใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่รอการปิดการขาย
oUBOAM 3+3 #9 ทริกเกอร์ฟันด์ ออกขาย IPO วันที่ 29-31 ต.ค. วงเงิน 3.0 พันล้านบาท
oMFC กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นยุโรป สิ้นสุดการขาย IPO วันที่ 4 พ.ย. วงเงิน 2.0 พันล้านบาท
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ “นักลงทุนรอทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง หากราคาหุ้นเป้าหมาย เกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพราะภาพ SET INDEX พักฐานเพียงช่วงสั้นๆ เพื่อขึ้นต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของไทย: ธปท.จะรายงานในช่วงบ่ายวันนี้ ประเด็นที่เราให้น้ำหนักได้แก่
•การบริโภคภายในประเทศ เดือนก.ย.ฟื้นตัวได้หรือไม่ หลัง รัฐบาลพยายามอัดฉีด และออกมาตรการช่วยเหลือในระดับรากหญ้า เริ่มตั้งแต่การจ่ายเงินจำนำข้าว ตามมาด้วยการช่วยเหลือชาวนา 1,000 บาท/ไร่ แต่ไม่เกิน 15,000 บาท/ครอบครัว เพราะเป็นเครื่องจักรที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้
•การลงทุนภาคเอกชน ฟื้นตัวได้หรือไม่ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ต่อนโยบายและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง
•ภาคการส่งออกที่ตัวเลขเบื้องต้นฟื้นตัว จะเป็นอย่างไร รวมถึงการนำเข้าที่ฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ ธปท.มีมุมมองอย่างไร
2.ติดตามการเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรี: วันที่ 30-31 ต.ค.นี้ นายกฯ เยือนกัมพูชา เพื่อหารือประเด็นด้านเศรษฐกิจและสังคมการท่องเที่ยว ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจหากมีการเจรจาหารือได้แก่
•การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่าง ไทย และ กัมพูชา จะมีข้อตกลงอย่างไร เพื่อเปิดทางนำไปสู่การเปิดสัมปทานปิโตรเลียม
•การเจรจาซื้อไฟฟ้าจากกัมพูชา หากกัมพูชาตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ จากถ่านหิน/ พลังงานขยะ
3.ติดตามการประชุม BoJ วันนี้: Bloomberg consensus ประเมิน BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเป้าหมายของปริมาณเงิน ณ สิ้นปี เท่ากับการประชุมครั้งก่อน ภายใต้ภาพรวมเศรษฐกิจในญี่ปุ่นยังมีความเปราะบางอยู่ไม่น้อย
4.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักกับการประชุม ECB
•การประชุมธนาคารกลางที่สำคัญ
i.กนง.: วันที่ 5 พ.ย. ทั้งเราและ Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ii.ECB: วันที่ 6 พ.ย. Bloomberg consensus คาด ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.05% พร้อมให้รายละเอียดของวงเงินและกรอบเวลาของการเข้าซื้อ Covered bond (เริ่มซื้อวันที่ 20 ต.ค.) และ ABS (เริ่มภายในสิ้นปีนี้)
iii.BoE: วันที่ 6 พ.ย. Bloomberg consensus คาด BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% พร้อมวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ GBP3.75 แสนล้าน เช่นเดิม หลังตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษ เริ่มชะลอตัว
•ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลข HSBC PMI ภาคการผลิต – บริการของจีน, ตัวเลข GDP ใน 3Q57 ของอินโดนีเซีย, อัตราการว่างานและอัตราเงินเฟ้อในอียู, ภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯ
•ติดตามการประกาศงบการเงิน 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.06 13.75 16.04 13.73
PSE 20.14 17.40 19.93 17.22
JSE 16.50 14.08 16.54 14.13
KOSPI 12.48 10.47 12.46 10.38
TAIEX 14.06 12.89 14.11 12.93
Straits Time 14.19 13.09 14.17 13.08
SHCOMP 9.63 8.58 9.54 8.49
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.ITD : ราคาปิด 5.75 บาท ราคาเหมาะสม 7.00 บาท
a)วานนี้เราได้เข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร ITD และยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสในการได้งานประมูลขนาดใหญ่ต่อเนื่องในอนาคตและจะเป็นปัจจัยบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้น ITD
b)ขณะที่โครงการทวายคาดว่าจะได้สิทธิสัมปทาน 75 ปี เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมพื้นที่ 35 ตร.กม. รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ท่าเรือ, โรงไฟฟ้า, ระบบขนส่ง และระบบโทรคมนาคม
c)คาดว่ารัฐบาลเมียนมาร์จะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ ITD ในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ย. ที่กรุงเนปิดอว์
d)ราคาหุ้นยัง Laggard หุ้นกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ โดย YTD หุ้น ITD +48% น้อยกว่า STEC +96% และ CK +80.2%
e)มี Upside Risk จากโครงการการลงทุนในเหมือนโปรแตส ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำ EIA ขั้นสุดท้าย และคาดว่าจะออกใบอนุญาตทำเหมืองได้ในต้นปี 2558 โดยโครงการดังกล่าวมี IRR สูงถึง 35% มูลค่าโครงการ US1,197 ล้าน และหากนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้จะเพิ่มมูลค่าทางบัญชีของ ITD ให้เพิ่มขึ้นอีก 15.00 บาท
2.VGI : ราคาปิด 12.90 บาท ราคาเหมาะสม 20.80 บาท
a)VGI จะรายงานงบ 2Q57/58 ในวันนี้ โดยคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโต +53% qoq เป็น 295 ล้านบาท และเป็นสัญญาณบวกว่าผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วจาก 2 ไตรมาสก่อนหน้าที่กำไรชะลอตัวลงจากผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาว เนื่องจาก VGI เป็นผู้นำสื่อโฆษณาแบบครบวงจร ได้แก่ สื่อรถไฟฟ้า, สื่อในห้าง และป้ายโฆษณานอกบ้าน นอกจากนั้น การเกิดรถไฟฟ้าสายใหม่อีกเป็นจำนวนมากในอนาคตจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับ VGI ในฐานะบริษัทลูกของ BTS และเป็น Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
c)คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558/2559 เติบโต 29.9% yoy เป็น 1,872 ล้านบาท และกำไรเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (CAGR) สูงถึงปีละ 29% ผลักดันให้ ROE เพิ่มขึ้นจาก 64% ในปี 2557/2558 เป็น 73% ในปี 2559/2560 และเป็นหุ้นที่มี ROE สูงที่สุดในกลุ่ม Media
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ ยอดรายได้ – รายจ่ายส่วนบุคคล, ดัชนี Consumer sentiment
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$200 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$587 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 208.3 320.7 10,924.8 9,188.0
KOSPI -36.6 76.8 5,814.2 4,875.1
JSE 21.1 158.6 3,939.4 -1,806.4
PSE -2.4 -4.5 767.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 5.3 5.2 167.1 263.2
SET INDEX 4.1 30.2 -582.5 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +132 +980
SET50 Index Futures (สัญญา) +5967 +14,607
SSF (สัญญา) +187 -42
Metal Futures (สัญญา) -1,223 +464
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +1,275 +3,749
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เล็กน้อย 132 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,112 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเพียงเล็กน้อย เหลือ 20,659 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 5,967 สัญญา รวม 5 วันทำการ Long สุทธิ 29,682 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ ต่อเนื่อง กดดันให้ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 2.37 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 3.09 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เพียง 1,275 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 8,223 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ลดลงอย่างต่อเนื่อง อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.45bps ปิดที่ 3.261%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 405 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 541 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 97.80 10.65% 235.09
SCB 78.26 7.51% 175.48
TRUE 34.30 4.37% 11.32
PTTGC 31.41 3.96% 62.12
AOT 23.91 6.27% 241.72
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 2 เน้น ICT และกลุ่มพลังาน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 794 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,789 ล้านบาท โดยแรงขายกลุ่มธนาคาร เริ่มชะลอ ขณะที่ยังคงสะสมกลุ่ม ICT และกลุ่มพลังงาน อย่างต่อเนื่อง ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 77 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 249 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม Home ขายสุทธิ 59 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสูงสุด 490 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 221 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 791 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 131 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 93 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTTEP 263.81 16.56 AJD -56.75 4.84
PTT 174.94 28.41 PTTGC -44.56 12.56
ADVANC 166.88 14.48 INTUCH -43.09 18.70
CPN 149.39 24.26 EVER -38.57 2.17
SCC 114.33 17.44 BEC -34.35 33.68
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong