- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 May 2014 17:18
- Hits: 3103
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดนักลงทุนยังมีความหวังเชิงบวก ดังนั้นกรอบลงมีสิทธิไม่รุนแรง!!
กลยุทธ์ : เนื่องจากเราคาดว่าความคาดหวังเชิงบวกเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองจะช่วยหนุนตลาดได้ ดังนั้นจังหวะลบจึงแนะนำเลือกหุ้นซื้อ แต่ยังใช้วิธีค่อยๆ ทยอยเข้ารับไว้ก่อน เพื่อรอดูกระแสต่อต้านว่าจะลุกลามหรือไม่ และรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ด้วย
หุ้นเด่นทางเทคนิค : UV, TH, THAI(short)
แนวโน้ม : หลังจากช่วงต้นชั่วโมงการซื้อขายในวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงแรงจากข่าวการยึดอำนาจบริหารในไทย แต่หลังจากนั้นก็ยังมีแรงซื้อเก็งกำไรโอกาสที่ปัญหาการเมืองไทยจะคลี่คลายเข้ามาหนุน ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่ยังดูดี เนื่องจากตัวเลขข้อมูลการผลิตของจีนที่ออกมาดีเกินคาดช่วยกระตุ้นแรงซื้อ นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นในเขตยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นกว่าคาด และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน เม.ย.ของสหรัฐที่ขยับสูงขึ้นเกินคาด ส่งผลให้ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังดูดีต่อเนื่อง ขณะที่แม้ว่าการทำรัฐประหารจะยังส่งผลให้มีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในบ้านเรา แต่กระแสต่อต้านที่ยังไม่ถึงกับลุกลามรุนแรงมากนักในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา รวมทั้งความคาดหวังเชิงบวกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจของเราเริ่มมีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง ทำให้ FSS คาดว่าแม้ SET จะยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในด้านลบให้เห็นต่อได้ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอดูความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองอีกครั้ง แต่กรอบการลงน่าจะไม่รุนแรงมากนัก และยังมีลุ้นโอกาสที่ SET จะเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นในช่วงถัดไป
แนวรับ 1394-1390 , 1385-1375 จุด แนวต้าน 1400-1405 , 1410-1415 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ยกเว้นไทย โดยนักลทุนต่างชาติซื้อสุทธิ US$1,383 ล้าน ลดลงเล็กน้อยจาก US$1,910 ล้านในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่านมายังไหลเข้าทุกตลาดต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 ยกเว้นไทย โดยส่วนใหญ่ไหลเข้าตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$150.4 ล้าน ไต้หวัน US$150 ล้าน อินโดนีเซีย US$28.3 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$12.2 ล้าน และเวียดนาม US$0.8 ล้าน แต่ไหลออกจากไทย US$208.3 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยตามค่าเงินยูโร Flow น่าจะยังไหลเข้าแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) รอดูรายชื่อนายกฯและคณะรัฐมนตรีใหม่ น่าจะไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ปัจจัยที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดในระยะถัดไปคือหน้าตาของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และแนวทางการปฎิรูปประเทศ เราเชื่อว่ารายชื่อนายกฯและคณะรัฐมนตรีน่าจะเป็นที่ยอมรับในสังคมได้ในระดับหนึ่งและทำให้โอกาสที่จะเกิดการต่อต้านหรือความรุนแรงลดน้อยลง และคาดว่าการเลือกตั้งทั่วไปอาจยังไม่เกิดขึ้นภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี (หลังจากการปฎิวัติปี 2549 กินเวลา 1 ปี 3 เดือนจึงเกิดการเลือกตั้งทั่วไป)
(+) มุมมองต่อเศรษฐกิจระยะยาวดีขึ้น แม้การเลือกตั้งจะยังไม่เกิดขึ้นและรัฐบาลใหม่จะมุ่งเน้นการปฎิรูปมากกว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ไม่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจแย่ลงกว่าปัจจุบัน ในทางตรงกันข้าม การมีรัฐบาลใหม่แม้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจก็ตาม น่าจะสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและนักลงทุนได้บ้าง ธุรกิจท่องเที่ยว สายการบิน สนามการบิน รับเหมาก่อสร้าง น่าจะได้รับผลกระทบเพียงระยะสั้น แต่ในระยะยาว เรายังชอบกลุ่มโรงแรม สนามบิน โรงพยาบาล ค้าปลีก สื่อสาร อาหาร และแบงก์
(0) Fund flow จากต่างชาติอาจไม่กดดันตลาด แม้ศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติจะขายทั้ง 3 ตลาด (ขายหุ้น 6.8 พันล้านบาท short ฟิวเจอร์ส 2.77 พันสัญญา และขายพันธบัตร 7.3 พันล้านบาท) กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ แต่คาดว่าแรงขายของต่างชาติจะชะลอลง เพราะช่วงที่ผ่านมาต่างชาติไม่ได้ซื้อหุ้นไทยอยู่แล้ว โดยตั้งแต่ต้นปี ยอดสุทธิยังเป็นขาย 2.76 หมื่นล้านบาท ในทางตรงข้าม ต่างชาติอาจกลับมาสะสมหุ้นไทยหากไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งนี้ หลังจาก 19 ก.ย. 2549 ต่างชาติกลับมาซื้อติดต่อกัน 3 เดือนก่อนจะขายในเดือน ธ.ค. ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลหยุดยาวพอดี
(0) Fitch คงอันดับเรทติ้งของประเทศไทย โดยระบุว่าการปฎิวัติไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรทติ้งในเชิงลบ (ปัจจุบันอยู่ที่ A-) แต่อาจปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ลงจาก 2.5% (ไม่ใช่ข่าวลบอีกแล้ว) เพราะเศรษฐกิจที่แย่กว่าคาดมากใน 1Q14
(+) AMATA แม้ 5 เดือนแรกจะขายที่ดินได้เพียง 178 ไร่ ซึ่งต่ำมาก แต่บริษัทมีลูกค้ารายใหญ่ 2-3 รายที่เลื่อนการเซ็นสัญญามาตั้งแต่ปีก่อนเพราะไม่มั่นใจในการลงทุน เราคาดว่าเมื่อการเมืองนิ่ง ยอดขายที่ดินจะกลับสู่ปกติในช่วงปลายปีนี้ เราปรับกำไรปกติปี 2014-15 ขึ้น 6% และ 4% เป็น 1.4 พันล้านบาท (-10% Y-Y) ในปีนี้ และ 1.3 พันล้านบาท (-7% Y-Y) ในปีหน้า จากการปรับเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจาก Gheco-One และปรับ PE เป็น 14 เท่าจาก 12 เท่า ทำให้เป้าหมายเพิ่มเป็น 17.80 บาท จาก 14.50 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ
(-) สินเชื่อ เม.ย. ซบเซา แนวโน้มสินเชื่อ 1H14 ชะลอตัวกว่าที่คาด สินเชื่อเดือนเม.ย. แทบไม่โต โดยขยับขึ้นเพียง 0.06% M-M ทำให้งวด 4M14 +0.58% YTD ในระยะสั้นไม่มีประเด็นบวก ยกเว้น SCB ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผลกำไร 2Q14 ดีกว่ากลุ่ม จากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุน แนะนำ ซื้อ SCB ราคาเหมาะสม 204 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังขยับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 อีก 63.19 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในเดือน เม.ย. ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดขยับตัวขึ้นได้เล็กน้อยเช่นกันภายใต้การซื้อขายที่ยังคงผันผวน โดยตลาดปรับขึ้นจำกัดเนื่องจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีออกมาต่ำกว่าที่คาด
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวขึ้นในแดนบวกได้เช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น โดยประเด็นทางการเมืองเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยแต่ภาพรวมยังแกว่งตัวออกทางข้าง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.50-32.64 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับตัวขึ้น 0.61 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 104.35 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน เม.ย. ที่ดีกว่าคาด ขณะที่ความตึงเครียดในลิเบียยังเป็นปัจจัยกดดันอุปทาน
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับลง 3.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,291.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น รวมถึงนักลงทุนมีการปิดสถานะสัญญาช่วงปลายสัปดาห์
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852