WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-1-2021May

กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

SET

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

1,468.51 -29.62

สรุปมูลค่าการซื้อขาย 29 ม.ค. 64

นักลงทุน             สุทธิ

สถาบัน         -2,317.00

บัญชี บล.       -2,804.01

ต่างชาติ         -2,249.38

ในประเทศ     7,370.40

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาคหลังจากการประชุม FED ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ จึงเห็นแรง Sell on fact โดย SET ปิดที่ 1,468.51 (-29.62 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,249 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,317 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 8,433 สัญญา)

STOCK PICKS & TRADING IDEA

SPALI (ราคาเป้าหมาย 23.4 บาท) คาดปี 2564 กำไรเติบโต +39%YoY เด่นสุดในกลุ่มอสังหาฯ โดยบริษัทประเมินยอด Presale +9%YoY, ยอดโอนจะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท (+33%YoY) และเปิดโครงการใหม่ 3.4 หมื่นล้านบาท (+40%YoY)

INVESTMENT THEME

ฟื้นตัวสั้น แต่ยังต้องระวัง : วานนี้สหรัฐฯ รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่น่าสนใจหลายตัว เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ พบว่าปรับตัวลดลงสู่ระดับ 8.47 แสนตำแหน่ง จากสัปดาห์ก่อนที่ 9.0 แสนตำแหน่ง เป็นการลดลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 8.75 แสนตำแหน่ง สะท้อนถึงภาคแรงงานสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนทางด้านตัวเลข 4Q63 US GDP ที่ +4.0%QoQ แม้ว่าจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ +4.2%QoQ แต่ก็บ่งชี้ว่าสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีแนวโน้มกลับมาขยายตัว ด้วยความคาดหวังต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหนุนให้ Dow Jones วานนี้ดีดตัวกลับมาราว +300 จุด (+0.99%) คาดจะช่วยส่ง sentiment เชิงบวกต่อการรีบาวน์ของตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แต่อย่างไรก็ดียังคงต้องระมัดระวังเนื่องจากภาพตลาดในระยะสั้นยังเผชิญกับแรงขายทำกำไรของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จึงอาจรอให้แรงขายชะลอลงก่อน ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ แนะติดตามการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ คาดจะมีมติผ่อนคลายบางกิจการ เช่น ร้านอาหาร, โรงเรียน เป็นต้น นอกจากนี้ยังคงแนะติดตามการรายงานงบของบริษัทจดทะเบียน และภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นสำคัญ

Investment Strategy : วันนี้คาด SET รีบาวน์สั้น แนวรับ 1,460 จุด และแนวต้าน 1,490 จุด เน้นหุ้นขนาดกลางที่กำไรดีปันผลเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SPALI, EPG”

EYES ON

ปัจจัยต่างประเทศ

- 29 ม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น US จาก ม.มิชิแกน

ปัจจัยในประเทศ :

-29 ม.ค. รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนจาก BOT

-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

SET

แนวรับ : 1460 / 1430

แนวต้าน : 1480 / 1492

Siam Cement (SCC)

4Q63 กำไรปกติเด่น เข้าสู่เฟสเติบโต

BUY

Share Price           THB 381.00

12m Price Target     THB 430.00 (+13%)

Previous Price Target THB 430.00

ประเด็นการลงทุน

4Q63 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 8,047 ล้านบาท (-17%QoQ, +13%YoY) ต่ำกว่าเราคาดจะมีกำไร 9,000 ล้านบาท ถ้าบวกกลับการตั้งสำรองด้วยค่า จะมีกำไรปกติที่เด่น 9,614 ล้านบาท มากกว่าคาด การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานผู้บริหารให้มุมมองอย่างระมัด เราคงประมาณการกำไรปี 2564 จะเติบโต 8.6% สู่ระดับ 37,075 ล้านบาท ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม70% ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิสและโซลูชั่น ไปรีเทล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า จ่ายปันผลกำไรครึ่งปีหลัง 8.5 บาท รวมจ่าย 14 บาท คิดเป็นอัตราปันผลตอบแทน 3.7% คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 430 บาท บนฐาน Forward P/E+0.5SD = 13.9 เท่า  

กำไรสุทธิ 8,047 ลบ. ต่ำกว่าคาด แต่กำไรปกติเด่น 9,614 ลบ.

SCC ประกาศผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 4Q63 เท่ากับ 8,047 ล้านบาท (-17%QoQ, +13%YoY) ต่ำกว่าเราคาดจะมีกำไร 9,000 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสนี้มีการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในเมียนมาและอินโดนีเซีย 1,567 ล้านบาท ถ้าบวกกลับ จะมีกำไรปกติ 9,614 ล้านบาท มากกว่าคาด รวมปี 2563 กำไรเติบโตได้ดี 34,144 ล้านบาท +7% โดยกำไรเติบโตทั้งสามธุรกิจ แม้ว่าจะเผชิญกับปัจจัยลบ Covid-19 ระบาด

กำไรธุรกิจปิโตรเคมีเด่นสุด แม้ปิดซ่อมบำรุง 38วัน

กำไรปิโตรฯเคมีเด่นมาก 5,837 ล้านบาท (+6%QoQ, +108%YoY) เพราะ สเปรดปิโตรฯเคมีพุ่งสูงขึ้น คือ HDPE-Naphtha = $592/ตัน (+13%QoQ, +97%YoY) PP-Naphtha = $736/ตัน (+27%QoQ, +43%YoY) และ รวมถึงวอลุ่มขายไม่ลดลงมากนัก 384,000 ตัน (-13%QoQ, -16%YoY) หรือลดลงเพียง 66,000 ตัน เทียบกับผู้บริหารได้ไกด์ไลน์ไว้จะลดลง 120,000-130,000 ตัน แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน MOC 38วัน ซึ่งเร็วกว่าแผน 45วัน ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในปิโตรเคมีก็ดีขึ้นเป็น 2,230 ล้านบาท (+36%QoQ, +24%YoY)

ธุรกิจCBMพลิกมาขาดทุน ส่วนแพคเกจจิ้งโตต่อนื่อง

ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) พลิกมาขาดทุน 194 ล้านบาท เนื่องจากมีการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ในเมียนมาและอินโดนีเซีย 1,316 ล้านบาท ถ้าหากบวกกลับจะมีกำไรปกติที่ทรุดลงเหลือ 1,122 ล้านบาท (-41%QoQ, -14%YoY) ถูกกระทบจากภาวะหดตัวของความต้องการปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ธุรกิจแพจเกจจิ้ง กำไรเติบโตต่อเนื่อง 1,486 ล้านบาท (+11%QoQ, +24%YoY) จากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และ กลยุทธ์โซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร และ การบูรณาการภายในห่วงโซ่คุณค่า

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

Thai Stanley El. (STANLY)

กำไร 3Q63/64 ฟื้นตัวดีขึ้นต่อ

HOLD

Share Price           THB 170.00

12m Price Target     THB 182.00 (+7%)

Previous Price Target THB 175.00

ผลประกอบการ 3Q63/64

STANLY ประกาศผลประกอบการ 3Q63/64 (งวด ต.ค.-ธ.ค. 2563) ฟื้นตัวมีกำไรดีขึ้นต่อเท่ากับ 430 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน 69%QoQ แต่ยังลดลงจากปีก่อน 7%   ได้แรงหนุนจาก โดยยอดผลิตรถยนต์ในไตรมาส 4Q63 ฟื้นตัวดีขึ้นต่อ 464,784 คัน (+30%, +5%YoY) ทำให้ยอดขาย STANLY ดีขึ้น 3,646 ล้านบาท (+44%QoQ, -2%YoY) อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 17.5% จาก 11.9% ในไตรมาสก่อน แต่ต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย 17.9% และ มีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี 221 ล้านบาท (+26%QoQ, -6%YoY)    

แนวโน้มผลประกอบการ

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q63/64 (งวด ม.ค. มี.ค. 2564) เราคาดจะชะลอตัวลงจาก 3Q63/64 เนื่องจากมีปัญหาขาดชิ้นส่วนบางรายการของผู้ผลิตรถยนต์ทำให้ผลิตไม่ได้เต็มที่ แต่แนวโน้มปี 2564 เราปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์เป็น 1.7 ล้านคัน โต 19% จากคาดการณ์เดิม 1.55 ล้านคัน แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน ทำให้เราปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการของ STANLY เราคาดยอดขายปี 2563/64 (เม.ย.63 - มี.ค. 2564) เท่ากับ 11,196 ล้านบาท ลดลง 26% และ มีกำไร 874 ล้านบาท ลดลง 56% ส่วนปี 2564/65 (เม.ย.64 - มี.ค. 2565) คาดยอดขายจะฟื้นตัวต่อ 12,900 ล้านบาท โต 15% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,328 ล้านบาท โต 52% โดยผลประกอบการของ STANLY ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ที่มีกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท

คำแนะนำการลงทุน

STANLY มีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นสูงถึง 4.4 พันล้านบาท แม้ว่าในรอบเกือบสองปีจะใช้เงินลงทุนไปแล้ว 4.7 พันล้านบาท ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 236 บาท เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 10.5 เท่า จะได้เท่ากับ 182 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 175 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาปัจจุบันเหลืออัพไซด์จากราคาเป้าหมายเราไม่มาก 7% เราลดเกรดคำแนะนำลงเหลือ ถือ จากเดิม ซื้อ

ความเสี่ยง

การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั่วโลกยังไม่ผ่อนคลาย / แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

MK Restaurant (M)

บาดแผล ไกลหัวใจ

BUY

Share Price                   THB 50.00

12m Price Target         THB 62.00 (+28%)

Previous Price Target THB 65.00

ประเด็นการลงทุน

คาดบริษัทมีกำไร 4Q63 ที่ 320ลบ.(-51%YoY, -31%QoQ) จากผลกระทบ 2nd Waveทำรายได้ -2%QoQ, GPM -30bps QoQ สวนทางกับค่าเช่าที่เป็นขาขึ้น SG&A/Sales +320bps กดดันอัตรากำไรลดลง รวมถึงการยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นใน MTD ปี 64 คาดเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นระยะสั้น อย่างไรก็ดี พื้นฐานระยะยาวบริษัทไม่ได้เปลี่ยนไป การมีสถานะทางการเงิน และ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง คาดจะทำให้บริษัทสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ไม่ยาก โดยเราปรับประมาณการกำไรปี 63-65 ลงสะท้อนภาพการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาด และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 62 บาท จาก 65บาท แต่ยังคงคำแนะนำ ซื้อจากพื้นฐานบริษัทไม่ได้เปลี่ยน เป็นโอกาสสำหรับการลงทุนระยะยาว  

โควิดทำพิษ ฉุดกำไรระยะสั้น น่าผิดหวัง

คาดกำไร 4Q63-1Q64 ที่อ่อนแอจะกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น จากแนวโน้มยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) และต้นทุนค่าเช่าที่วิ่งสวนทางกัน เป็นปัจจัยกดดันอัตรากำไร จากคาดบริษัทมี SSSG ที่ -15%, -21% และ -40% ใน 3Q63, 4Q63 และ 3 สัปดาห์แรกของปีตามลำดับ สวนทางกับต้นทุนค่าเช่าที่ได้รับส่วนลดน้อยลงเรื่อยๆที่ -30%, -15% และ -10-15% ใน 3Q63, 4Q63 และ 3 สัปดาห์แรกของปีตามลำดับ แต่คาด Sentiment การบริโภคจะเริ่มกลับมาอีกครั้งในช่วง 2-3Q64 ด้วย Outlook การทยอยเปิดเมือง และวัคซีนเริ่มเดินหน้าฉีด

พื้นฐานระยะยาวไม่ได้เปลี่ยน

2nd Wave ไม่ได้ทำให้พื้นฐานระยะยาวบริษัทเปลี่ยน เพียงแต่ทำให้ภาพการฟื้นตัว     ดีเลย์ออกไป และยังเป็นสถานการณ์ที่บริษัทเปิดร้านแบบมีกำไร ไม่ขาดทุนเหมือน 2Q63 อีกทั้งคาดบริษัทจะสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ไม่ยากจาก (1)สภาพคล่องที่แข็งแกร่งมาก ใน Worst case สามารถทนการปิดร้านได้มากกว่า 1 ปี (2)มีแบรนด์ที่โดดเด่นกว่ากลุ่ม เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น จะกลับมาได้ไวกว่ากลุ่มอย่างที่เราได้เห็นตัวอย่างไปแล้วใน 3Q63 และ (3)สถานการณ์ที่ยืดเยื้อ จะทำให้คู่แข่งที่สายป่านไม่ยาวพอลดลงในระยะสั้น และเป็นโอกาสการได้ M&A ร้านอาหารอื่นในราคาถูก

Valuation

คงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 62 บาท (ปรับลงจาก 65 บาท) ด้วยวิธี DCF (WACC 9%, G.2%) โดยเราปรับกำไรลง 25%, 19% และ 9% ในปี 63-65 ตามลำดับ และปรับคาดปันผลปี 63 จาก 1.78 เหลือ 1.3 บาท (Div. Yield 2.6% ที่ราคาปัจจุบัน) เพื่อสะท้อนภาพกำไรที่ฟื้นช้ากว่าคาด โดยนักลงทุนระยะสั้นอาจรอดูสัญญาณฟื้นตัวของ SSSG ขณะที่นักลงทุนระยะยาวมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นในราคา Discount จังหวะที่โดนผลกระทบระยะสั้น แต่มีศักยภาพในการกลับมา และพื้นฐานระยะยาวไม่ได้เปลี่ยน

Thanalop Preedamanoch

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1511

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!