- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 January 2021 13:31
- Hits: 12662
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-1-2021
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,498.13 -14.70
สรุปมูลค่าการซื้อขาย
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -1,988.86
บัญ๙ บล. -24.25
ต่างชาติ -4,864.59
ในประเทศ 6,877.70
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว ตอบรับ IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 64 ลงสู่ +2.7% จากคาดเดือนที่ +4.6% โดยSET ปิดที่ 1,498.13 (-14.70 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.8 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,865 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,989ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 2,873 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
JMART (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25 บาท) คาดแนวโน้มกำไร 4Q63 โดดเด่น ตอบรับทั้งธุรกิจมือถือที่ได้อานิสงส์บวกจาก 5G , ช๊อปดีมีคืน ผสานกับการเติบโตอย่างโดดเด่นของบริษัทลูก ทั้ง JMT, SINGER ที่คาดกำไรแข็งแกร่ง เป็นแรงหนุนให้กับ JMART
INVESTMENT THEME
FED ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ : วานนี้ผลการประชุม FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.25% ตามคาด และคงวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ 1.2 แสนล้านเหรียญต่อเดือน แบ่งเป็นวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลฯ 8 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน และวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (Mortgage backed securities) 4 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน โดยมุมมองของนายเจอโรม โพเวล ประธาน FED มีความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะขึ้นอยู่การเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ส่วน FED ยังไม่มีมาตรการอื่นมาช่วยเศรษฐกิจเพิ่มเติม ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ (DJIA) ตอบรับเชิงลบปรับตัวลง -663 จุด (-2.05%) เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้แนะติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงจับตาแรงขายของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติซึ่งช่วงที่ผ่านมาขายสุทธิต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกัน ส่วนด้านประเด็นต่างประเทศ คืนนี้ติดตามการรายงานตัวเลข US GDP ไตรมาส 4Q63 โดยตลาดคาดที่ +4.2%QoQ
Investment Strategy : วันนี้คาด SET ย่อตัว แนวรับ 1,480 จุด และแนวต้าน 1,500 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “JMART, TASCO”
EYES ON
ปัจจัยต่างประเทศ :
-28 ม.ค. 4Q63 US GDP, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดขายบ้านใหม่ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค Eurozone
-29 ม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น US จาก ม.มิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ :
29 ม.ค. รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนจาก BOT
การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET
แนวรับ : 1490/1480
แนวต้าน : 1515 / 1530
Berli Jucker (BJC)
คาด 4Q63 ชะลอ แต่จะฟื้นตัวใน 1Q64
BUY
Share Price THB 34.50
12m Price Target THB 44.00 (+28%)
Previous TARGET THB 46.00
TP Revision
ประเด็นการลงทุน
เราปรับลดประมาณการลงสะท้อนยอดขายฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยกำไร 4Q63 คาดว่าลดลง 43% YoY อย่างไรก็ดี กำไรจะกลับมาเติบโต YoY ได้ตั้งแต่ 1Q64 เป็นต้นไป เนื่องจากยอดขายฟื้นตัวในทุกกลุ่มธุรกิจ อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจาก Economies of scale และลดต้นทุน BJC ซื้อขายที่ -1SD ของ Average PE และยังมีอัพไซด์ 28% เทียบกับราคาเป้าหมายใหม่ (DCF) ที่ 44 บาท (เดิม 46 บาท) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
ปรับลดประมาณการ
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-2564 ลง 11% และ 3% ตามลำดับ สะท้อนถึงยอดขายที่ชะลอและ SSSG ฟื้นตัวช้ากว่าคาดจากการอุปโภคบริโภคที่ชะลอตัว ทำให้ปี 2563 คาดว่ากำไรปกติลดลง 41% อย่างไรก็ดี เราคาดว่ากำไรปี 2564 จะฟื้นตัวขึ้น 33% จากฐานต่ำ โดยกำไรมีแนวโน้มจะกลับมาเติบโต YoY ได้ตั้งแต่ 1Q64 เป็นต้นไป
คาดกำไร 4Q63 เพิ่ม 33% QoQ แต่ยังลดลง 43% YoY
คาดกำไรเพิ่มขึ้น 33% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่ลดลง 43% YoY เป็น 1,402 ล้านบาท ยอดขายของเกือบทุกกลุ่มธุรกิจลดลง YoY ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เวชภัณฑ์และเทคนิค รวมทั้งบิ๊กซี ซึ่งคาดว่า SSSG ติดลบมากขึ้นเป็น -19% จาก -17.8% ใน 3Q63 และ -6.3% ใน 4Q62 จากการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัวและนักท่องเที่ยวลดลง อย่างไรก็ดี ยอดขายบรรจุภัณฑ์ขวดและกระป๋องคาดว่าเพิ่มขึ้น QoQ และทรงตัว YoY จากการผลิตสินค้าให้ลูกค้าใหม่มากขึ้น ส่งผลให้ได้ประโยชน์จาก Economies of scale นอกจากนั้น การลดพนักงานจากการปรับโครงสร้างองค์กร คาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ BJC ฟื้นตัวมาใกล้เคียงกับ 4Q62 ที่ 20% ส่วนค่าใช้จ่ายมีการควบคุมได้ดีและค่าใช้จ่ายพนักงานลดลง เราคาดว่าเงินปันผล 2H63 เท่ากับ 0.70 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปี 2%
ปี 2564 ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ
จากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ บิ๊กซีไม่ได้ปิดสาขา แต่มีการปิดบางโซนสินค้าสำหรับสาขาที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดมาก เราคาดว่าปี 2564 ยอดขายทุกกลุ่มธุรกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากฐานต่ำ มาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่คาดจะออกมามากขึ้น ประกอบกับอัตรากำไรของ BJC คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น อีกทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรและลดพนักงานเมื่อปี 2563 ช่วยประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายประมาณ 1 พันล้านบาทต่อปี ส่วนรายได้ค่าเช่ามีแนวโน้มฟื้นตัวจากการให้ส่วนลดค่าเช่าน้อยลง
ความเสี่ยง: โควิด-19 ระบาดรอบ 2 ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web