- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 October 2014 16:02
- Hits: 1739
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET จะพักฐานรอปัจจัยด้านผลประกอบการ
ผลประกอบการ 3Q57 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ
ธุรกิจปูนซิเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และกระดาษ กดดันผลประกอบการ 3Q57
บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 3Q57 เท่ากับ 7.85 พันล้านบาท (-20%YoY และ -8%QoQ) สูงกว่าคาดการณ์ 8% และมีเพียงธุรกิจปิโตรเคมีที่แสดงผลประกอบการเติบโตทั้ง YoY และ QoQในขณะที่ธุรกิจปูนซิเมนต์, วัสดุก่อสร้าง และ กระดาษ ลดลงทั้ง YoY และ QoQ นอกจากนี้ไม่มีเงินปันผลในระดับสูงบันทึกใน 3Q57 แตกต่างจากใน 2Q57 ที่ได้รับจากโตโยต้า (ประเทศไทย)และไม่มีรายการพิเศษสูงอย่างมีนัยสำคัญใน 3Q57 ในขณะที่บริษัทบันทึกกำไรพิเศษ 1.53พันล้านบาทจากการปรับเพิ่มมูลค่าการลงทุนในบริษัทร่วมในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (เครื่องสุขภัณฑ์)ให้เป็นมูลค่าตลาดและกำไรพิเศษ 174 ล้านบาทจากการขายเงินลงทุนใน บจ. โตโต้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ให้แก่กลุ่ม TOTO ใน 3Q56 รายละเอียดผลประกอบการ 3Q57 ของแต่ละธุรกิจหลักเป็นดังนี้
1. ธุรกิจปูนซิเมนต์และธุรกิจวัสดุก่อสร้าง (สัดส่วน 36% ของรายได้รวม) แสดงกำไรสุทธิ 3พันล้านบาท (-43%YoY และ -11%QoQ) ลดลง QoQ เนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาลที่ปริมาณขายในประเทศลดลงจากต้นปีสู่ปลายปีซึ่งส่งผลให้ปริมาณขายปูนซิเมนต์ของทั้งอุตสาหกรรมลดลงใน 3Q57 และปริมาณขายกระเบื้องปูพื้นและผนังลดลงเช่นกัน 3%QoQส่วนสาเหตุที่ลดลง YoY เกิดจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวส่งผลต่อปริมาณขายปูนซิเมนต์ในประเทศลดลง 3%YoY และปริมาณขายวัสดุก่อสร้างโดยรวมลดลง 8%YoY (รวมถึงปริมาณขายกระเบื้องปูพื้นและผนังที่ลดลง 4%YoY)
2. ธุรกิจปิโตรเคมี (สัดส่วน 51% ของรายได้รวม) แสดงกำไรสุทธิ 4.19 พันล้านบาท(+10%YoY และ +85%QoQ) แม้ว่าปริมาณขายปิโตรเคมีลดลง 3% ทั้งในแง่ YoY และQoQ มาอยู่ที่ 4.47 แสนตัน แต่ปัจจัยหลักผลักดันอัตราเติบโตของธุรกิจนี้ใน 3Q57 มาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้ง HDPE-Naphtha (+22%YoY และ+12%QoQ) และ Polypropylene-Naphtha (+20%YoY และ +13%QoQ) เป็นผลจากราคา Naphtha ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการ Restocking ของผู้ประกอบการเพื่อผลิตและส่งมอบสินค้าให้ทันในช่วงปลายปี3. ธุรกิจกระดาษ (สัดส่วน 13% ของรายได้รวม) แสดงกำไรสุทธิ 715 ล้านบาท (-10%YoYและ -19%QoQ) ลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานกระดาษระหว่างไตรมาสกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจใน 3Q57 แม้ว่าปริมาณขายโดยรวม (ขายในประเทศและส่งออก) ของทั้งกลุ่มกระดาษบรรจุหีบห่อ (+5%YoY และ +2%QoQ) และกลุ่มกระดาษ Fibrous (+11%YoY และ +11%QoQ) เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ก็ตาม
คงประมาณการผลประกอบการปี 57
แนวโน้มผลประกอบการที่ลดลง YoY จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องใน 4Q57 ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงLow-Season ของธุรกิจหลักของบริษัทโดยเฉพาะกลุ่มปูนซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ยังคงได้รับปัจจัยลบจากการชะลอของโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมปริมาณขายปูนซิเมนต์ทั้งปี 57 ทรงตัว YoY และผลลบของราคา Naphtha ที่ลดลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะส่งผลให้เกิดผลขาดทุนของสต๊อกปิโตรเคมีอีกครั้งใน 4Q57 ประมาณ 400-500 ล้านบาท ดังนั้นเราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 57 ลดลง 12%YoY มาอยู่ที่ 32 พันล้านบาท
คงคำแนะนำ “ซื้อ” การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศผลักดันธุรกิจหลักของบริษัท
SCC มีจุดเด่นในด้านการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียนทั้งรูปแบบM&A และ Greenfield โดยกำหนดงบลงทุนในรอบ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2558-62) ไว้ที่ 2-2.5 แสนล้านบาทหรือเฉลี่ย 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปีลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทและเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากรายใหญ่อื่นๆในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่พึ่งพิงตลาดในประเทศเป็นหลักนอกจากนี้แนวโน้มของ Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักที่อยู่ในระดับสูงดังเช่นปัจจุบันได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซนจะเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มเติบโตของผลประกอบการในปี 58 ประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น SCC สำหรับปี 58 เท่ากับ 500 บาท อิงจากวิธี DCF (WACC 10.5% และ Terminal Growth Rate 3%) คิดเป็น Implied P/E ที่ 15.2 เท่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี คงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดการณ์อัตราตอบแทนเงินปันผล 3.3%ต่อปี