WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

SET ดีดขึ้นมาพอควรแล้วต้องระวังกลับไปปรับลงใหม่ จึงเน้นขายบวก!!

 กลยุทธ์ : SET รีบาวด์ขึ้นมาในช่วง 2 สัปดาห์นี้ด้วยระยะทางพอควรแล้ว ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนเข้ามาหนุนตลาด ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะกลับไปปรับพักฐานลงต่อได้อีกในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นขายช่วงบวก แล้วถือเงินสดไว้ก่อน เพื่อรอจังหวะซื้อใหม่เมื่อดัชนีไหลลงต่ำ ซึ่งเราคาดว่า SET มีสิทธิหลุดต่ำกว่า 1500 จุดได้


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : MC, LDC , GFPT(buy back)
  แนวโน้ม : SET ยังขยับขึ้นได้ดีโดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนพอควร ขณะที่เช้านี้ยังมีปัจจัยบวกจากการขยับขึ้นแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี และผลประกอบการของบริษัทเอกชนหลายแห่งในยุโรปก็ยังออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นบวกขึ้นได้ดีเช่นกัน อย่างไรก็ตามตลาดเอเชียไม่ได้บวกแรงมากนัก เพราะตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐกลับปรับตัวลดลงอย่างผิดคาด ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามผลการประชุมเฟดในคืนวันนี้(29 ต.ค.) รวมถึงรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) อีกครั้ง ขณะที่ค่าเงินบาทก็เริ่มกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศก็ยังมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นบ้านเราในระดับค่อนข้างมากอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังมีกรอบการบวกที่ค่อนข้างจำกัด และยังมีสิทธิที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันให้ดัชนีกลับไปปรับตัวย้อนลงได้ใหม่ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นจังหวะตลาดบวกขึ้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรไว้ก่อนดีกว่า
  แนวรับ 1553-1550 , 1545-1540 จุด แนวต้าน 1558-1562 , 1570-1574 จุด
  Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยส่วนใหญ่นักลงทุนชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$422.2 ล้าน และเวียดนาม US$1.6 ล้าน แต่ขายเกาหลีใต้ US$114.3 ล้าน ไทย US$71.6 ล้าน อินโดนีเซีย US$52.7 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$0.4 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางรอผลประชุมเฟดคืนนี้

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (0) คาด Fed สิ้นสุด QE3 อย่างเป็นทางการสิ้นเดือนนี้ จากขนาดการซื้อสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ US$1.5 หมื่นล้าน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว แต่สิ่งตลาดสนใจมากกว่าคือทิศทางอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีโอกาสที่ Fed จะส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปก่อนเพราะเศรษฐกิจในยูโรโซนและจีนที่ชะลอเริ่มเป็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากเป็นเช่นนี้ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ติดตาม GDP 3Q14 ของสหรัฐฯที่จะประกาศคืนนี้ (ตลาดคาดชะลอลงเป็น 3% จากไตรมาสก่อนที่ 4.6%) และการประชุม ECB 6 พ.ย. ที่อาจมีมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม ตลาดหุ้นใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าอาจยังผันผวนแต่ปีหน้ามองสดใส
  (+) ส่งออกของไทยเดือน ก.ย. ฟื้นตัว +3.2% Y-Y, +5.1% M-M ที่ดีไปกว่านั้นคือการนำเข้าฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน +15.3% Y-Y และเป็นมูลค่าที่สูงสุดในรอบ 16 เดือนคือ US$2.17 หมื่นล้าน สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมากได้แก่สินค้าทุนและวัตถุดิบ เป็นสัญญาณที่ดีสะท้อนถึงการเริ่มฟื้นตัวของการผลิตและกำลังซื้อในประเทศในระยะถัดไป
  (0) SCC จะรายงานผลประกอบการเที่ยงนี้ ไตรมาสนี้ไม่ใช่ไตรมาสที่ดีของ SCC เราคาดกำไรสุทธิลดลง 15% Q-Q และ 26% Y-Y และมีแนวโน้มปรับกำไรปีนี้ลงหลังประกาศงบฯ แต่คงกำไรปี 2015 ที่คาด 39,584 หมื่นล้านบาท +8% Y-Y จากธุรกิจซีเมนต์และกระดาษที่จะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่จึงคงไว้ 495 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงมาก่อนหน้านี้สะท้อน 3Q14 ที่แย่ไปแล้ว ปัจจุบันซื้อขายที่ PE 13 เท่าในปี 2015 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14-15 เท่า จึงยังคงแนะนำซื้อ
  (0) IRPC เราคาดกำไรสุทธิ 133 ล้านบาทใน 3Q14 แต่หากตัดรายการพิเศษออก ผลการดำเนินงานปกติจะพลิกเป็นขาดทุนถึง 2,395 ล้านบาท จากขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบกว่า 2 พันล้านบาท แม้ธุรกิจปิโตรเคมีจะมี Margin ดีขึ้นแต่ไม่สามารถชดเชยได้ แนวโน้ม 4Q14 จะยังอ่อนแอ และแนวโน้มค่าการกลั่นปีหน้าจะชะลอตัวจากกำลังกลั่นใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น 60% เราจะทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายอีกครั้งหลังประกาศงบฯ 4 พ.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีสิ้น 2Q14 ที่ 3.70 บาท/หุ้น ถือว่าไม่แพง น่าจะยังอยู่ในระดับที่สะสมได้
  (0) SIM เราคาดกำไรสุทธิ 3Q14 ลดลง 45% Q-Q และ 27% Y-Y จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า แต่แนวโน้มจะดีขึ้นใน 4Q14 เพราะมีการขายเครื่อง Big lot ให้แก่ DTAC 5 แสนเครื่อง และเริ่มมีรายได้จากการขาย Set-top-box และเสาอากาศ อย่างไรก็ตาม เราปรับประมาณการกำไรปี 2014-15 ลง 10% และ 9% เป็นเติบโต 9% Y-Y ในปีนี้และเติบโต 18% Y-Y ในปีหน้า และปรับลดราคาเป้าหมายปี 2015 ลงเป็น 4.14 บาทจากเดิม 4.90 บาท แต่ยังคงแนะนำซื้อ

  ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องหลังนักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
  ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกได้เช่นกันหลังจากร่วงลงในวันจันทร์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการของหลายบริษัทที่สดใส อย่างไรก็ตามตลาดยังจับตาดูผลการประชุม FED ในคืนวันนี้
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้เช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือผลการประชุม FED ในวันนี้
  ค่าเงินบาทขยับอ่อนค่าลงอีกครั้งโดยแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.36-32.48 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.42 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 81.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงก่อนจะทราบผลการประชุม FED ในวันนี้ นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งเกินคาด
  ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ขยับขึ้น 0.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,229.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนจับตาดูผลการประชุม FED ในคืนวันนี้ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศยุติ QE
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

28-29 ต.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
30 ต.ค. - ไทย: TSE เทรดวันแรก (ราคา IPO 3.90 บาท)
- สหรัฐ: 3Q14 GDP
31 ต.ค. - ไทย: ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน ก.ย., SPA เทรดวันแรก (ราคาIPO 1.70 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- ไต้หวัน: 3Q14 GDP
1 พ.ย. - จีน: Manufacturing PMI (ต.ค.)
3 พ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.), BA เทรดวันแรก (ราคา IPO 25 บาท)
- จีน: Non-manufacturing PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
5 พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม
- จีน: HSBC China Composite PMI (ต.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept.   Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!