- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 October 2014 17:06
- Hits: 1425
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Outlook
SET อยู่ในแนวโน้ม Rebound ทดสอบแนวค้าน 1,550 จุด...ติดตามการประชุม FOMC กลางสัปดาห์: SET ปรับสูงขึ้นแรงนำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง BBL, KBANK, และ SCB ปิดที่ 1,539.91 จุด หรือ +0.47% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.2 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 2,763 ล้านบาท...สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสั้นอยู่ในแนวโน้ม Rebound ต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,550 จุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มแข็งแกร่งหลัง NVDR ยกเลิกระงับการซื้อหุ้น BBL ผ่าน NVDR ขณะที่หุ้นขนาดกลางมีจังหวะ “เก็งกำไร” กลุ่มหุ้นพลังงานทางเลือก อย่าง IFEC, DEMCO, GUNKUL และ EA ต่อเนื่อง โดยเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีเขิงนโยบายการการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกของรัฐบาล ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้
“ซื้อ” KBANK ต่อ...ขณะที่ “เก็งกำไร” กลุ่มหุ้นพลังงานทางเลือก: กลยุทธ์หลักแนะนำ “ซื้อ” KBANK BBL CK STEC SPALI LPN QH SIRI SAMART BEAUTY SAPPE BGH ต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มหุ้นพลังงานทางเลือกมีจังหวะ “ฟื้นตัว” และคาดการณ์กำไรออกมาดี y-y อย่าง EA (ต้าน 25.25), SPCG (ต้าน 27), DEMCO และ GUNKUL (ต้าน 24.5)
Tactical Portfolio (1-3 months)
TNS แนะนำ AOT, BEAUTY, BTS, CK, KBANK, SAMART, SAPPE, SPALI, STEC และ TUF เป็นหุ้นใน Tactical Portfolio ต่อเนื่อง
Tactical Portfolio: Tactical Portfolio ให้อัตราผลตอบแทน +1.27% w-w (20 ต.ค.-24
ต.ค.14) สูงกว่า SET ที่ให้อัตราผลตอบแทน +0.73% w-w อยู่ 0.54% โดยหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุดใน Tactical Portfolio ได้แก่ AOT, SAPPE, KBANK และ SPALI (ดูกราฟด้านขวา) โดย ให้อัตราผลตอบแทนสูง 3.8-7.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ SAMART, STEC ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต โดยเรายังมองการปรับลดลงของ SAMART มาที่แนวรับ 32 บาท เป็นจังหวะเข้าสะสมต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มรับเหมาฯ ก่อสร้างแม้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงตามจังหวะอ่อนตัวของ SET เป็นโอกาสในการซื้อสำหรับการลงทุนระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า...ทั้งนี้ตั้งแต่จัดทำ Tactical Portfolio เมื่อวันที่ 13 ม.ค.14 ให้อัตราผลตอบแทน 53.42% ขณะที่ SET ให้อัตราผลตอบแทน 21.84% หรือให้อัตราผลตอบแทนดีกว่า SET อยู่ 25.92%
Technical
แนวโน้มขึ้นสู่ 1555 จุด: ดัชนี SET ไม่หลุดแนวรับย่อย 1520 จุด มีโอกาสขึ้นต่อในระยะสัปดาห์ ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ คาดว่าสัปดาห์นี้ดัชนี SET จะผ่าน 1540 จุดขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1555 จุด เป็นจุดขายทำกำไร แต่ยังคงเงื่อนไขลบป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่หลุดต่ำกว่า 1520 จุด
หุ้นที่แนะนำซื้อ : E กำลังเคลื่อนไหวในแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง ทำยอดสูงสุดใหม่ระยะ 1 เดือนทะลุผ่าน 1.30 บาท เป็นจังหวะซื้อเพิ่มมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ระดับ 1.45 บาท SPVI (2.16) ซิกแซกขึ้นทำยอดสูงสุดใหม่ระยะสั้น กำลังจะทดสอบยอดเดิมที่บริเวณ 2.20 บาท มีโอกาสทำยอดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ด้วยเป้าหมาย 2.30 บาท AOTเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขึ้นมีโอกาสขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้าน 240 บาท คาดว่าจะผ่านได้มีเป้าหมายขึ้นทำยอดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 250 บาท
TFEX Recommendation
SET50 Futures: แนะนำ “เปิด”/“ถือ” สถานะ Long สัญญา S50Z14 อีกครั้งหลังปรับสูงขึ้นเหนือแนวต้าน 1,018 จุด โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,032 จุด ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 1,016 จุด
Gold Futures: แนะนำ “Trading” ในกรอบ 18,900-19,400 บาท สัญญา GFV14 รอยืนยันทิศทางระยะสัปดาห์ไปก่อน ล่าสุดราคาทองคำ +0.2% ปิดที่ US$1,231.8/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนติดตามการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้
Oil Futures: แนะนำ “ถือ” สถานะ Long สัญญา BRX14 ต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 2900 ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 2700 อย่างไรก็ตามล่าสุดราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.8% ปิดที่ US$86.13/bbl
Thai Strategy Team
นพดล พิริยวุฒิ
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล