“เงินเยียวยาดีขึ้น-ตัวเลขสินค้าคงทนสูง-ติดตามการเมือง”

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --

# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ ปรับลงต่อ ปิด -2.52 จุด ที่ 1244.94 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 46 พันลบ. แย่กว่าภูมิภาค ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ แม้มาตรการเยียวยาสหรัฐคืบหน้ามากขึ้นจากข้อเสนอเดโมแครต ยอดขายบ้านใหม่สูงแต่การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นและการจะกลับมาใช้เกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ ช็อตเซลล์ 1 ต.ค.63 ใกล้จบ 3Q63หมดสัญญาฟิวเจอร์สและมีวินโดว์ฯหรือไม่ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-สถาบัน YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 271 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-มีโอกาสรีบาวด์ จากมาตรการเยียวยาสหรัฐคืบหน้า ตัวเลขสินค้าคงทนดี แต่การเมืองไทยผันผวนขึ้น ปัจจัยบวกคือ เดโมแครตคาดมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น โหวตสัปดาห์นี้ ตัวเลขสินค้าคงทน ส.ค.เพิ่ม 0.4% IMF อาจปรับตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น หลังมิ.ย.สูงกว่าคาด J&J คืบหน้าวัคซีน ดาวโจนส์ +358 จุด เช้านี้เพื่อนบ้านและดาวโจนส์ล่วงหน้าเพิ่ม ดัชนีกังวลลดลงเป็น 26.4 จุด และโมเบียสเห็นตลาดไทยยังมีเสน่ห์ รอเปิดประเทศและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ด้านปัจจัยลบคือ บาทอ่อนค่าเป็นลบกับนักลงทุนต่างประเทศ น้ำมัน WTI ปรับลง วันนี้พิจารณาต่อ พรก.ฉุกเฉิน ด้านการเมืองไทย พรรคเพื่อไทยมีการลาออกจากคุณหญิงสุดารัตน์ในตำแหน่งหัวหน้ายุทธศาสตร์ฯ และกรรมการหลายท่าน ส่อเค้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น ความเสี่ยงยังมาก ควรเล่นรอบ ระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายช่วง 1240-1270 จุด หากหลุด1244 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส ความเสี่ยงคือ หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูงและการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้น จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี แนวรับคือ 1240-1230 จุด และ แนวต้าน 1260-1270 จุด ด้านผลกระทบการเข้ามา IPO หุ้น SPCG ซึ่งระดมทุนถึง 4.5 หมื่นล้านบาท กองทุนไทยฯมีโอกาสขายหุ้นเพื่อเตรียมเงินมาจองหุ้นราวเดือน ต.ค. และเนื่องจากมี Market Cap.ใหญ่มีโอกาสได้เข้า Fast Track ใน SET 50 ทำให้หุ้นลำดับท้ายๆ ถูกเบียดออกได้รับผลลบ เช่น TCAP, ERW ปัจจัยน่าติดตามคือ หุ้นกลุ่มพลังงานใกล้ปิดไตรมาส 3/63 แล้ว ราคาน้ำมันดิบใกล้เคียงกับสิ้น 2/63 กำไร/ขาดทุนสต็อกจึงมีโอกาสไม่สูง แต่การกลับมาระบาดโควิด-19 รอบสองหนักที่ยุโรปและสหรัฐ ก็จะกดดันราคาน้ำมันได้ เพราะการเดินทางจะน้อยลงอีกครั้ง ด้านหุ้นกลุ่มสายการบินยังไม่ได้รับซอฟท์โลน จำเป็นต้องใช้ก่อนเข้าไฮซีซัน ขณะที่การเปิดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าไทยได้ครั้งแรก ด้วยวีซ่าแบบพิเศษ (STV) จะเริ่ม 1ต.ค.63 นี้แล้ว รับครั้งแรก 1,200 คน ทำให้หุ้นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยวอาจกลับมาเก็งกำไรอีกรอบ

# Stock Pick Today KBANK ราคาหุ้น Undervalue คาดว่าการประกาศผล Stress Test ของ ธปท. ต.ค.63 จะเป็นหนึ่งในธนาคารที่ผ่านเกณฑ์ได้อย่างแข็งแกร่ง และกลับมาจ่ายปันผลสิ้นปี 63 ได้มีอัตราผลตอบแทนปันผลที่สูง 4.6% แม้ก่อนหน้าได้ปรับประมาณการปีนี้และปี 64 ลงสะท้อนสมมติฐานการตั้งสำรอง ECL ที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้กำไรสุทธิปี63F/64F -49%/+22% ให้ราคาพื้นฐาน 107 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 64F ที่ 0.6 เท่า (-2.5SD ของค่าเฉลี่ยระยะยาว) หุ้นลงมากไป

กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่การลงต่อเนื่องมามาก (มีสภาวะ Oversold + Divergenceในกราฟรายนาที”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1260 (หรือ 1270 – 1280) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1244” (แนวรับย่อย “1240 / 1230 – 1220” จุด)}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Inside Story

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

Company Update : BCH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)

Key takeaway : III (คำแนะนำ N.A.)

In The News : PF (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 0.34)

ข่าวเด่นวันนี้

Turnover List Watch : SMT, SICT, YGG ติด Cash Balance

Key Drivers TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ

+/• สหรัฐ: เดโมแครตเตรียมเสนอเงินเยียวยา 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ โหวตสัปดาห์นี้ แต่ผลไม่แน่นอน

# บรรดานักลงทุนจะยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยส.ส.พรรคเดโมแครตได้เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือวงเงิน 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าไม่มีแนวโน้มที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจะสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้

# นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่เธอและนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะสามารถบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

+ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับขึ้น ขานรับยอดสั่งซื้อสินค้าประเภททุนพุ่งขึ้นในเดือนส.ค.

# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะเพิ่มขึ้น 1.5%

# อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าประเภททุนที่ไม่รวมเครื่องบินและสินค้าด้านอาวุธ และบ่งชี้ถึงแผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจนั้น พุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5%หลังจากพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค.

+ วัคซีน: จอห์นสันฯเผยผลทดลองวัคซีนเพียงเข็มเดียวสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโควิดได้

# medRxiv ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการแพทย์ได้เผยแพร่ผลการทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน (J&J) ในวันศุกร์บ่งชี้ว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของ J&J เพียงเข็มเดียว ก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการต้านทานเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในการทดลองระยะแรกและระยะที่สอง ทั้งนี้ J&J คาดว่าจะทราบผลการทดลองเฟส 3ดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้า

+ IMF: ส่งซิกเพิ่มประมาณการเติบโต เศรษฐกิจโลกดีกว่าคาดการณ์เดือนมิถุนาฯ

# ไอเอ็มเอฟชี้ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมืดมนน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน พร้อมส่งสัญญาณจะเพิ่มประมาณการเติบโตในเดือนหน้า ขณะเดียวกันสัญญาณการค้าโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ เช่นกัน แต่ย้ำ เศรษฐกิจโลกยังไม่พ้นขวากหนาม แนวโน้มมีความท้าทายมาก โดยตลาดเกิดใหม่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ "ล่อแหลม" เพราะไวรัสโคโรนา

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 358.52 จุด แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีหนุนตลาด

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ 25 ก.ย. หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ช่วยหนุนตลาด แต่ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ยังคงติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในการออกมาตรการช่วยเหลือครั้งใหม่จากรัฐบาลสหรัฐ, ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและยุโรป

- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 6 เซนต์ วิตกแนวโน้มอุปสงค์ลด-อุปทานเพิ่ม

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อ 25 ก.ย. เนื่องจากนักลงทุนวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น และหลายประเทศดำเนินมาตรการควบคุมการเดินทางอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน

• ทองคำ: ปิดลบ 10.6 ดอลลาร์ เหตุดอลล์แข็งค่าสกัดแรงซื้อ

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อ 25 ก.ย. โดยถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้สัญญาทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

+ ตลาดหุ้นไทย: "โมเบียส" มองหุ้นไทยยังมีเสน่ห์รอจังหวะเปิดประเทศท่องเที่ยวกลับมาหนุนเศรษฐกิจ

# นายมาร์ค โมเบียส ผู้ก่อตั้งบริษัท โมเบียส แคปิตัล พาร์ทเนอร์ส กล่าวในงานสัมมนา"Battle Strategy แผนรบสยบวิกฤติ"ในหัวข้อเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยว่า ในช่วงโควิด มองว่ากลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริการด้านสุขภาพ (เฮลธ์แคร์) ของไทยไปได้ดี บริษัทเทคโนโลยีชั้นสูง หรือแม้แต่ค้าปลีก ก็น่าสนใจ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานที่ยังเป็นกลุ่มหลักในตลาดหุ้นไทยงยังมีความน่ากังวล

-การเมืองไทย: ติดตามสถานการณ์หลังกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยลาออกตามหญิงหน่อย

# หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประกาศลาออกจากการเป็นประธานยุทธ์ศาสตร์ ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยลาออกจากตำแหน่งตามไปด้วย แต่จะยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

• การเมืองไทย: SUPER POLL เผยประชาชนไม่สนับสนุนม็อบ 19 กันยา

# นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ม็อบ 19กันยายน กับ การซ้ำเติม กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 21 - 25 กันยายน ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.9 ระบุ ม็อบ 19 กันยายนที่ผ่านมา ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ในขณะที่ร้อยละ 10.1 ระบุไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

• วันนี้ 28 ก.ย.63 พิจารณาขยายเวลาใช้ พรก.ฉุกเฉินต่อหรือไม่

# ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 28 ก.ย.จะมีการพิจารณาว่าจะขยายเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ออกไปอีก 1 เดือนหรือไม่

-เศรษฐกิจไทย: สภาพัฒน์จับตาปัญหาหนี้ครัวเรือนใกล้ชิด ปัจจุบัน 80% ของจีดีพี

# สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์จับตาปัญหาหนี้ครัวเรือนใกล้ชิด โดยปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 80% ของจีดีพี ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นหนี้ระยะยาวถึง 34% เช่น สินเชื่อบ้าน รองลงมาเป็นสินเชื่ออุปโภคบริโภค 27% โดยในส่วนของสินเชื่ออุปโภคบริโภค หรือสินเชื่อส่วนบุคคลนี้ภาครัฐจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีส่วนทำให้เกิดปัญหาในอนาคต

-อสังหาริมทรัพย์: อัตราการขายที่อยู่อาศัยปี 63 ปรับลงมากจากปีก่อน

# ศูนย์วิจัยศุภาลัย เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับภาวะตลาดที่อยู่อาศัยกับอัตราการเพิ่มของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยว่า อัตราการขายในปี 63 ลดลงมาอย่างรุนแรงจาก 31% ในปี 62 เหลือเพียงสูงกว่า 20% เล็กน้อยเท่านั้น

# ผลกระทบ: การลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ต้องใช้กลยุทธ์ เลือกเฉพาะบางตัว (Selective Buy) เพราะสภาพแวดล้อมยังท้าทายอยู่มาก ที่แนะนำคือ AP,LH,ORI และปันผลสูงคือ LALIN, NOBLE, SC และ SENA

+/- เงินบาทอ่อนค่า หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดีกับส่งออก แต่ไม่ดีกับ SET

# เงินบาทล่าสุดอ่อนค่าลงราว 31.62 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หากเทียบกับสิ้น 2Q63 ที่ 30.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าอ่อนค่าลง 1.9%

# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านบวก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT ด้านหลักทรัพย์ได้ประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ JMART เป็นต้น เกิดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ต่างประเทศของพวกโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเมื่อดอลลาร์แข็ง ทองคำในตลาดโลกจะปรับลดลง และบาทอ่อนจะไม่ดีกับ SET ในแง่นักลงทุนต่างประเทศ เพราะเมื่อจะแลกกลับไปเงินต่างประเทศต้องใช้เงินบาทมากขึ้น

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]