- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 September 2020 12:02
- Hits: 17331
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-9-2020
“มาตรการเยียวยาสหรัฐดีขึ้น แต่ความเสี่ยงยังมาก”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ ลงแรง ปิด -16.55 จุด ที่ 1247.46 จุด มูลค่าซื้อขาย 56 พันลบ. แกว่งลงคล้ายภูมิภาค หลังกนง.มองปีหน้าฟื้นตัวต่ำลงเหลือ+3.6% จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวช้ายังผลให้ AOT ปรับลงแรง อีกทั้งตัวเลข PMI สหรัฐฯ ก.ย.ต่ำสุดรอบ 2 เดือน บาทอ่อน ทำให้มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ และวานนี้มีการชุมนุมด้วยเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงขึ้นเป็น 270 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-มีโอกาสรีบาวด์ จากมาตรการเยียวยาสหรัฐคืบหน้า ยอดขายบ้านใหม่สูง แต่การเมืองไทยร้อนแรงขึ้น ปัจจัยบวกคือ มีความหวังจากเดโมแครตจะเสนอเงินเยียวยา 2.2 ล้านเหรียญ โหวตในสภาสัปดาห์หน้า ยอดขายบ้านใหม่ ส.ค. +4.8% สูงสุดตั้งแต่ปี 49 ดาวโจนส์ +52 จุด น้ำมัน WTI +38 Cent ติดตามตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนวันนี้ ส่วนเช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ Future ปรับเพิ่มขึ้น ด้านปัจจัยลบคือ ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มเป็น 870,000 ตำแหน่งสูงกว่าคาดทรัมป์อาจส่งผ่านการบริหารไม่ราบรื่นเมื่อแพ้เลือกตั้ง บาทอ่อนค่าเป็นลบกับนักลงทุนต่างประเทศ สำหรับความเห็น กนง.เรื่องปีหน้านักท่องเที่ยวต่างชาติน้อย ส่งผลลบกับกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว และการเมืองไทยตึงเครียดมากขึ้นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ล่าสุดสภาลงมติตั้งกรรมาธิการก่อน 1 เดือน แต่ฝายค้านไม่รับและมีม็อบมาสังเกตุการณ์ กลยุทธ์ระยะสั้น ความเสี่ยงยังมาก ควรเล่นรอบ ระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายช่วง 1240-1270 จุด หากหลุด 1245 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส ความเสี่ยงคือ หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้น จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี พลังงานปลอดภัย-PTT,GPSCพาณิชย์-CPALL,COM7,MC มีโอกาสฟื้นตัวดี รับเหมาเด่น-CK,NWR วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์พื้นฐานแกร่ง-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPHหุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,ORI,MTC,PTL,TU ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ที่อยู่อาศัยขนาดปานกลาง ปันผลมาก- LALIN,NOBLE, SC,SENA หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,HREIT,AIMIRT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรองECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผลปลายปีและผล Stress Test ต.ค.63 แนวรับคือ 1240-1230 จุด และ แนวต้าน 1260-1270 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ ผลกระทบการเข้ามา IPO หุ้น SPCG ซึ่งระดมทุนถึง 4.5 หมื่นล้านบาท กองทุนไทยฯมีโอกาสขายหุ้นเพื่อเตรียมเงินมาจองหุ้นราวเดือน ต.ค. และเนื่องจากมี Market Cap.ใหญ่มีโอกาสได้เข้า Fast Track ใน SET 50 ทำให้หุ้นลำดับท้ายๆ ถูกเบียดออกได้รับผลลบ เช่น TCAP, ERW
# Stock Pick Today TU บาทอ่อนดีกับส่งออก ธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นในปี 64F ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 64F ต่ำเพียง 12 เท่า, P/BV 1.2 เท่า และคาดการณ์ DividendYield ปี 64F ไว้ที่ 4% ล่าสุดลงทุนใน Red Lobsters เพิ่มขึ้น คาดดีลแล้วเสร็จในเดือนก.ย.63 นี้ โดยเชื่อมั่นในศักยภาพของ Red Lobster ในระยะยาว โดยคาดว่าจะทำกำไรได้ดีขึ้น แม้ระยะสั้นถูกกระทบจากโควิด-19 แต่ก็ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 คาดว่า 2H63 จะขาดทุนน้อยลงจาก 2Q63 ให้ราคาพื้นฐาน TU ที่ 17.10 บาท
กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่การลงต่อเนื่องมามาก (มีแนวรับย่อย1250+/- และสภาวะ Oversold + Divergenceในกราฟรายนาที”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1260 – 1270 (หรือ 1280) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1245” (แนวรับย่อย “1240 / 1230 – 1220” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Update : AEONTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 130.00)
In The News : สมาคมธนาคารไทยยืนยันธ.พ.ทำตามกฎหมาย
Turnover List Watch : คาด SMT, SICT, YGG ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: เดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเงินเยียวยา 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ โหวตสัปดาห์หน้า
# สื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกำลังพิจารณามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 วงเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าจะมีการโหวตในสัปดาห์หน้าขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยืนยันว่า เธอพร้อมที่จะเจรจากับทำเนียบขาว
+ สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ ส.ค.เพิ่มขึ้น 4.8% สูงสุดตั้งแต่ ก.ย.49
# ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.8% สู่ระดับ1.011 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2549 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ายอดขายจะดิ่งลง 1% สู่ระดับ 895,000 ยูนิต
- สหรัฐ: ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 870,000 ราย สูงกว่าคาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 870,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 840,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 866,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
- สหรัฐ: ทรัมป์อาจส่งมอบอำนาจบริหารแบบไม่ราบรื่น หากแพ้เลือกตั้ง
# มีความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้คำมั่นสัญญาว่า การส่งมอบอำนาจบริหารจะเป็นไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังคงคัดค้านการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ เนื่องจากมองว่าอาจนำไปสู่การทุจริตครั้งใหญ่ ในขณะที่พรรคเดโมแครตกลับสนับสนุนการลงคะแนนเสียงในลักษณะดังกล่าว
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 52.31 จุด รับความหวังมาตรการเยียวยา,หุ้นเทคโนฯพุ่ง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และความหวังที่ว่าสภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะให้คำมั่นสัญญาว่าการส่งมอบอำนาจบริหารจะเป็นไปอย่างราบรื่นหากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก 38 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ได้สกัดแรงบวกของราคาน้ำมัน
- • ทองคำ: ปิดบวก $8.5 นักลงทุนช้อนซื้อหลังราคาร่วงหนักก่อนหน้านี้
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่สูงเกินคาดในสหรัฐ ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- • ติดตามการประกาศตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.วันนี้
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- เงินบาทกลับมาอ่อนค่า หลังดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดีกับส่งออก แต่ไม่ดีกับ SET
# เงินบาทล่าสุดอ่อนค่าลงราว 31.61 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ หากเทียบกับสิ้น 2Q63 ที่ 30.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าอ่อนค่าลง 1.9%
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านบวก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT ด้านหลักทรัพย์ได้ประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ JMART เป็นต้น เกิดขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้ต่างประเทศของพวกโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเมื่อดอลลาร์แข็ง ทองคำในตลาดโลกจะปรับลดลง และบาทอ่อนจะไม่ดีกับ SET ในแง่นักลงทุนต่างประเทศ เพราะเมื่อจะแลกกลับไปเงินต่างประเทศต้องใช้เงินบาทมากขึ้น
-กนง. คาดปี 64 เศรษฐกิจไทยชะลอลง ผลจากนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวช้า หุ้น AOT และท่องเที่ยวกระทบ
# ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 63 มีแนวโน้มหดตัวน้อยลงจากประมาณการเดิมเล็กน้อย ส่วนในปี 2564 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ขยายตัวชะลอลงกว่าประมาณการเดิม ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้าเป็นสำคัญเสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
# ผลกระทบ: วานนี้หลักทรัพย์กลุ่มเดินทาง ท่องเที่ยว สนามบิน สายการบิน โรงแรม ปรับลงกันถ้วนหน้า สะท้อนมุมมองกนง.ที่คาดว่าแม้ถึงปี 64 แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังฟื้นตัวช้า ฝ่ายวิจัยฯยังมีมุมมองที่เป็นลบกับหลักทรัพย์ กลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยวต่อไป
-การเมืองไทย: รัฐสภาลงมติตั้งกมธ.ศึกษาแก้ รธน.1 เดือนก่อนรับหลักการ/ฝ่ายค้านเมินร่วม
# ที่ประชมรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับก่อนนำไปสู่การพิจารณารับหลักการ ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 432 เสียง ไม่เห็นด้วย 255 เสียง งดออกเสียง 28 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง หลังจากพักการประชุมไป 10 นาทีก่อนจะกลับมาลงมติ และตัวแทนวิปรัฐบาลยืนยันสนับสนุนการตั้งกรรมาธิการฯ ทำให้ไม่มีการลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯในวันนี้
-การเมืองไทย: ม็อบปลดแอกยื่น 3 ข้อเสนอขู่นัดชุมนุมใหญ่ยืดเยื้อหากไร้ตอบสนอง-ส.ว.คว่ำร่าง
# แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมจากประชาชนประกาศ 3 ข้อเรียกร้อง แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เปิดทางตั้งสภาร่างรัฐธรมนูญพร้อมแก้ไขมาตรา 269-272 แก้ไขที่มาและลดอำนาจ ส.ว.,ให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้ง 100% และ เปิดโอกาสให้แก้รัฐธรรมนูญได้ทุกหมวด ไม่เว้นแม้แต่มาตราที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษตริย์ โดยหากไม่ได้รับการตอบสนองภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้จะกลับมานัดชุมนุมใหญ่อย่างยืดเยื้อในเดือน ต.ค.
-เศรษฐกิจไทย: รองนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นเศรษฐกิจไทยมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้า
# รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้าก่อนจะฟื้นตัวในปี 66 บนสมมติฐานการมีวัคซีนต้านโควิด-19 และไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ซึ่งก็จะนับว่าเร็วกว่าเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่ใช้เวลาถึง 5 ปี
+ ธอส. เตรียมออกสินเชื่อ Two-GEN ยาวนานสูงสุดถึง 70 ปี
# ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) ในวันที่ 22 ต.ค.63 เพื่อพิจารณาการออกสินเชื่อ Two-GEN หรือผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2 generation หรือยาวนานสูงสุดถึง70 ปี วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยกู้ได้ภายในเดือน พ.ย.63
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web