- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 September 2020 17:39
- Hits: 14906
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-9-2020
“ชุมนุมไม่รุนแรงแต่ยืดเยื้อ-ตปท.ไม่สดใส-วินโดว์เดรสซิ่ง”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ บวกเล็กน้อย ปิด +3.99 จุด ที่ 1288.39 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 50 พันลบ.ดัชนีฯรีบาวด์แคบๆเหมือนภูมิภาค แม้ปัจจัยต่างประเทศไม่สดใส เฟดกังวลเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่แน่นอน และไทยมีการนัดชุมนุมช่วงวันหยุด แต่มีข้อดีคือ ราคาน้ำมันปรับขึ้น แม้ระหว่างวันดาวโจนส์ Future และหุ้นยุโรปก็ปรับลง กลุ่มแบงก์หนุนจากสินเชื่อบุคคลดิจิตัล ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงขึ้นเป็น 265 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-ไซด์เวย์ทางบวก หลังชุมนุมไม่รุนแรง มีวินโดว์ เดรสซิ่ง แต่ต่างประเทศไม่สดใส ปัจจัยบวกคือ สถานการณ์ Tik Tok ดีขึ้น ทรัมป์ให้ออราเคิลและวอลมาร์ทร่วมได้ ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเพิ่ม น้ำมันปรับขึ้น 14 เซ็นต์ ดาวโจนส์ Future เช้านี้บวก ดัชนีกังวลลดลงเป็น 25.8 ด้านไทย-การชุมนุมไม่รุนแรงปิดงวด3Q อาจจะมีการทำวินโดว์ เดรสซิ่ง ด้านปัจจัยลบคือ มีแรงขายหุ้นเทคโนโลยี การเจรจางบเยียวยาในสภายังไม่คืบหน้า ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 2Q สหรัฐสูงสุดรอบ 12 ปีสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ ดาวโจนส์ -244 จุด ส่วนยุโรปให้ล็อกดาวน์รอบใหม่ และไทย-ประชุม กนง. 23 ก.ย. คาดคงดอกเบี้ย กลยุทธ์ระยะสั้น ความเสี่ยงยังมาก ควรเล่นรอบ ระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายช่วง 1270-1310 จุด ทยอยขายแนวต้าน 1300 ลดเสี่ยง หากหลุด 1280 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส ความเสี่ยงคือ หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้น จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี พลังงานปลอดภัย-PTT,GPSC พาณิชย์-CPALL,MC มีโอกาสฟื้นตัวดี รับเหมาเด่น-CK,NWR วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์พื้นฐานแกร่ง-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,ORI,MTC,PTL,TU ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS ที่อยู่อาศัยขนาดปานกลาง ปันผลมาก- LALIN,NOBLE, SC,SENA หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,HREIT,AIMIRT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผลปลายปีและผล Stress Test ต.ค.63 แนวรับคือ 1260-1250 จุด และ แนวต้าน 1300-1310 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1280 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ ช่วงนี้ปัจจัยการเมืองร้อนแรงขึ้น หลักทรัพย์กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงผันผวน เช่น รับเหมาก่อสร้าง และ นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น พลังงาน-แนวโน้ม 4Q63 ราคาน้ำมันมีโอกาสอ่อนลง จากการติดเชื้อรอบ 2 ทั่วโลก ค่าการกลั่นไม่สดใสนัก หลักทรัพย์ปลอดภัยคือ PTT และGPSC และยุโรปล็อกดาวน์รอบใหม่ อาจกระทบหลักทรัพย์มีธุรกิจโรงแรมในยุโรปคือ MINT และ U
# Stock Pick Today : NOBLE ปันผลโดดเด่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านยอดขาย 2Q63 ฟื้นตัว 105% y-o-y ส่วนใหญ่มาจากการขายในประเทศ ยอดขายที่จีนค่อยๆฟื้นตัวจากสถานการณ์ที่ดีขึ้น หลังผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบ 2 คลี่คลาย หากยึดตาม Covenant ที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนห้ามเกิน 2.5 เท่า เราคาดว่าปันผลงวดสิ้นปีนี้ จะจ่ายได้อีก 0.76บาท ยิลด์จะเป็น 5.5% ส่วนปี 64 จ่ายปันผลเต็มปีอีก 1.88 บาท ยิลด์ 13.6%คาดว่าจะสูงสุดในตลาดฯ ให้ราคาพื้นฐานเป็น 14.90 บาท
กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนๆจะเป็น(เพียง)บวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน”เล็กน้อย (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก” (มี“Oversold + Divergence ในกราฟรายนาที”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1300 (หรือ 1310 – 1320) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1280” (แนวรับย่อย “1260 – 1250” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มพลังงาน - น้ำหนักการลงทุน Neutral
Turnover List Watch : WORK ติด Cash Balance ตามคาด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: สถานการณ์ Tik Tok ดีขึ้น หลังทรัมป์อนุมัติให้ออราเคิล,วอลมาร์ททำข้อตกลงกับไบต์แดนซ์
# บริษัทไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ได้ออกมาแสดงความหวังว่า ข้อตกลงที่ไบต์แดนซ์ทำร่วมกับบริษัทออราเคิล คอร์ป และวอลมาร์ท "จะช่วยแก้ปัญหาความวิตกกังวลของรัฐบาลสหรัฐ และทำให้ทิศทางของกิจการติ๊กต็อกในสหรัฐชัดเจนขึ้น" สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ไบต์แดนซ์ได้เผยแพร่แถลงการณ์ในช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ หรือเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอนุมัติข้อตกลงดังกล่าว
- สหรัฐ: มีแรงขายหุ้นเทคโนโลยี และความขัดแย้งสหรัฐ-จึน
# นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงในวันศุกร์ว่าทางกระทรวงจะระงับการทำธุรกรรมใดๆ ของภาคธุรกิจสหรัฐที่เกี่ยวกับวีแชท (WeChat) และติ๊กต็อก (TikTok) ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. รัฐบาลสหรัฐจะบล็อกการดาวน์โหลด WeChatและTikTok ซึ่งหมายความว่า แอปเปิลและกูเกิลจะต้องลบแอป WeChat และ TikTok ออกจากแอปสโตร์
- สหรัฐ: ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐ
# นักลงทุนยังคงวิตก เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐซึ่งมีความสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 และจะช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
- โควิด-19: ยุโรปมีมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่
# นักลงทุนยังคงจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ โดยประเทศในแถบยุโรปตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซได้ประกาศมาตรการควบคุมครั้งใหม่ในวันศุกร์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในเมืองใหญ่ และมีรายงานว่าอังกฤษกำลังพิจารณาที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง
+ สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
# ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.9 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 75.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค., Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค.และ 3.1% ในเดือนมิ.ย.
- สหรัฐ: ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2 พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 52.9% สู่ระดับ 1.705 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังจากขาดดุล 1.115 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
- สหรัฐ: ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ แม้ไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากนานาชาติ
# ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็น "การกดดันขั้นสูงสุด" ต่ออิหร่าน โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศระบุว่า สหรัฐได้ตัดสินใจทำเช่นนี้ เนื่องจากอิหร่านไม่สามารถรักษาสัญญาตามข้อตกลงนิวเคลียร์ได้ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ไม่สามารถต่ออายุการห้ามซื้อขายอาวุธต่ออิหร่านได้เช่นกัน
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 244.56 จุด แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฉุดตลาด
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อ 18 ก.ย. และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังรอบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ, ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ และนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างซบเซา
+ น้ำมัน: WTI ปิดบวก 14 เซนต์ หลังโอเปกพลัสยันลดการผลิตตามข้อตกลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ 18 ก.ย. หลังจากที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต แต่ที่ประชุมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งมติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนส.ค. ไปจนถึงสิ้นปี 2563
- • ทองคำ: ปิดบวก 12.2 ดอลล์ กังวลเศรษฐกิจหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ 18 ก.ย. เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนราคาทองด้วย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+/- สถานการณ์การชุมนุม: ระยะสั้นไม่รุนแรง แต่ระยะยาวมีโอกาสยืดเยื้อ
# จากม็อบ “19 ก.ย.ทวงอำนาจคืนราษฎร” มีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่มากนักราว 2-5 หมื่นคน ดำเนินกิจกรรมการปราศัย ยื่นเสนอข้อเรียกร้อง และปักหมุดคณะราษฎร แต่ในภาพรวมไม่มีอะไรรุนแรง ไม่มีการปะทะ เพียงแต่มีการใช้กำลังเปิดประตูเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
# ผลกระทบ: ติดตามท่าทีการประชุมสภาในวันที่ 23-24 ก.ย.63 ว่าจะมีประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีก็จะทำให้ท่าทีของม็อบสงบลงบ้าง เพราะได้ตอบสนองข้อเรียกร้องบางประการ แต่ก็มีโอกาสจะยืดเยื้อ เพราะข้อเรียกร้องมีหลายประการ และเป็นประเด็นอ่อนไหว ทั้งนี้จะมีการนัดชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 14 ต.ค.63
- • ประชุม กนง. 23 ก.ย.63 คาดคงอัตราดอกเบี้ยต่อ เพื่อประคองเศรษฐกิจ
# ฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดว่าในการประชุมจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และจะมีการเผยแพร่รายงานนโยบายการเงินในวันที่ 7 ต.ค.63 แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องติดตามว่าจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงอีกหรือไม่ จากครั้งล่าสุดคือ 5 ส.ค.63 ที่ผ่านมา สรุปว่ามีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0.50% ต่อปี เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ทั้งนี้ กนง.คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ปกติ
-ธุรกิจโรงแรมในยุโรป: หลายเมืองใหญ่ในยุโรปประกาศคุมเข้มรอบใหม่สกัดโควิดระบาดรอบสอง
# สื่อต่างประเทศรายงานว่า หลายเมืองใหญ่ในยุโรปประกาศมาตรการคุมเข้มรอบใหม่หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นทั้งนี้ ประเทศในยุโรปตั้งแต่เดนมาร์กไปจนถึงกรีซประกาศมาตรการควบคุมครั้งใหม่เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายเมืองใหญ่ และมีรายงานว่า อังกฤษกำลังพิจารณาที่จะประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งใหม่ด้วย (อินโฟเควสท์)
# ผลกระทบ: เป็นลบกับหลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจโรงแรมที่ประเทศยุโรป เช่น MINT ที่มีกิจการกลุ่ม NH Hotel ซึ่งไปซื้อมาโดย กลุ่ม NH Hotel ผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำของยุโรป อเมริกา และแอฟริกา กว่า 30 ประเทศ มีโรงแรมจำนวน 385แห่ง ห้องพักอีกประมาณ 60,000 ห้อง แนะนำ ถือ สำหรับ MINT ราคาพื้นฐาน 21.00 บาท อีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ คือ U หรือ U City ก็มีกิจการโรงแรมที่ โปร์แลนด์ สโลวาเกีย สวิสเซอร์แลนด์ และเยอรมัน บริษัทคาดว่ากว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเท่าก่อนเกิดโรคโควิด-19 จะเป็นปี 2565 เลยทีเดียว
+ KTC, TQM รุกตลาด ขยายธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ
# KTC: ผุดทีม "เคทีซี พี่เบิ้ม" ลุยตลาดภูธรผ่านช่องทางสาขาแบงก์กรุงไทย หวังยอดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถปีหน้าแตะ 1พันล้าน ขณะ สิ้นปีนี้มีลุ้นแตะ 200 ล้าน พร้อมลุยศึกษาสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลต่อยอดธุรกิจในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ)ฝ่ายวิจัยฯ ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ KTC
# TQM: ผนึกความร่วมมือ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส รุกไมโครอินชัวรันส์ เปิดขายประกันหลักร้อยพร้อมชำระเบี้ย ผ่านตู้ออนไลน์บุญเติม 130,000 จุดทั่วประเทศ พร้อมต่อจิ๊กซอว์หนุนภาพรวมทั้งปี 2563 ของ TQM โตตามเป้า 15,000 ล้านบาท ตั้งเป้า 1 ล้านกรมธรรม์ต่อปี
# ผลกระทบ: เป็นบวก ช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายกรมธรรม์ คำแนะนำปัจจุบันคือ ถือ ราคาพื้นฐาน 120 บาทอย่างไรก็ตามหากดีลซื้อกิจการมีความชัดเจนในอนาคต ก็มีโอกาสจะปรับประมาณการและราคาพื้นฐานขึ้นได้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web