- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 September 2020 12:06
- Hits: 16674
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-9-2020
Market Wrap-Up
- • SET ปิดวันที่ 18 ก.ย.63 ปิด +3.99 จุด อยู่ที่ 1,288.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,975 ลบ.ต่างชาติขาย 1,183 ลบ. สถาบันขาย 491 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 588 ลบ. ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 827 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น BBL,PTT,SCB,KBANK,BDMS และมียอดขายหุ้น CRC,JMT,MEGA,CBG,PTTEP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 379 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ JAS,BANPU,BBL โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 5,006 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 136,850 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,189 ลบ.
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด -0.88%, S&P500 -1.12%, Nasdaq -1.07% ถูกแรงขายจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศห้ามดาวน์โหลดแอป TikTok , Wechat ระหว่างรอประเมินดีลการซื้อกิจการ ส่วนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจนั้น ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ ส.ค. +1.2% ชะลอตัวจาก ก.ค. +2.0% และยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด Q2/63 อยู่ที่ 1.705 แสน ล.ดอลลาร์ +52.9% สูงสุดในรอบ 12 ปี ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด -0.66% หุ้นกลุ่มเดินทางสันทนาการ ธนาคาร ผู้ผลิตรถยนต์ ปรับลดลง หลังรายงานผู้ติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เกิดความกังวลอาจต้องกลับไปใช้มาตรการล็อคดาวน์
Market View
- • ตลาดหุ้นสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกแรงขาย Nasdaq ปิด -0.60% WoW ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 จากประเด็นสหรัฐอาจเตรียมแบนแอป TikTok, Wechat ในวันที่ 27 ก.ย. หากดีลการขายหุ้น TikTok ของ Bytedance ให้กับ Oracle, Walmart ไม่เป็นไปตามเกณฑ์การคุมครองความปลอดภัยข้อมูล ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยินยอมข้อตกลงดังกล่าว โดย TikTok ต้องสำนักงานใหญ่ในสหรัฐและจ้างงานสหรัฐเพิ่ม 25,000 ราย ขณะที่ศาลสหรัฐได้สั่งชะลอการแบน Wechat สำหรับการประชุม Fed ยังไม่มีมาตรการเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์ โดยยังรอสภาคองเกรสอนุมัติงบด้านการคลังเพื่อเยียวยาผลกระทบไวรัส ซึ่งคาดจะมีความคืบหน้า 7-10 วันทำการ ภาพรวมดัชนีหุ้นสหรัฐยังขาดปัจจัยบวกหนุน ส่วนดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงจากความกังวลการระบาดไวรัสรอบ 2 ในเดนมาร์ก กรีซ สเปน ฝรั่งเศส และอังกฤษ โดยยังต้องรอผลการทดลองวัคซีนของบริษัทยาต่าง ๆ ในช่วง Q4 นี้ สำหรับดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว ต่างชาติขาย 3.64 พัน ลบ. สถาบันขาย 610 ลบ. ตลาดได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อวงเงิน 7.5 หมื่น ลบ. ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการคนละครึ่ง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต.ค. นี้ ในรูปแบบ Long Stay ส่วนปัจจัยกดดันตลาด คือ การชุมนุมทางการเมือง ซึ่งไม่มีเหตุความวุ่นวายส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้โอกาสฟื้นตัว สัปดาห์นี้ วันพุธ ติดตามการประชุม กนง. คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.50 % และ ก.พาณิชย์จะรายงานส่งออกไทย ส.ค. คาด -13% & ก.ค. -11.37% วันพฤหัส สภา ฯ จะพิจารณารับหลักการร่างแก้ไข รธน.
Daily Strategy
- • ความกังวลต่อสถานการณ์ชุมนุม โดยวางแนวรับ 1,280 จุด แนวต้าน 1,300 จุด แนะนำซื้อ SAWAD,MTC, KTC (+ดอกเบี้ยต่ำและอุปสงค์ใช้เงินในการอุปโภคบริโภค)
- • CFRESH* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย NA บาท) มีทิศทางผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นโดย หากไม่นับรายการกำไร/ขาดทุนจาก FX แล้วQ2/63 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ -10.45ลบ.(ปรับตัวขึ้นจากQ2/62 ที่ -40.88ลบ.) ทางบริษัทแจ้งSETเมื่อวันที่ 26ส.ค.63 ว่ามีการจัดตั้งบ.ย่อยที่ประเทศอังกฤษ 44FOOD LIMITED เพื่อประกอบธุรกิจ E-Commerce สำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร คาดว่าจะเป็นผลบวกระยาวต่อ CFRESH โดยจะสามารถขยายตลาดของสินค้า CFRESH ได้(โดยสหภาพยุโรปเป็นตลาดสำคัญของ CFRESH คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าการจำหน่ายราว 60-70%) ขณะที่ราคากุ้งแวนนาไมแบบ70ตัว/กก.(วัตถุดิบ)เดือนส.ค.63 ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ระดับ 140 บาท/กก. นอกจากนี้กำลังผลิตของCFRESH ยังสามารถรองรับorderได้อีกจำนวนมาก(อ้างอิงจากปี62 มีการใช้กำลังผลิตเพียง 37.81% โดยมีกำลังผลิตเต็มที่ 30,000 ตัน/ปี)
- • NWR* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus 0.65 บาท) มองประเด็นบวกจากการคาดว่าผมประกอบการปี 63-64 จะกลับมา Turnaround หลังจากผลประกอบการ 1H63 ออกมามีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 203 ล้านบาท เป็นผลจากการทยอยรับรู้รายได้งานก่อสร้างโครงการที่ก่อนหน้าเกิดความล่าช้าและรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีต Precast มากขึ้นให้กับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สำหรับปัจจัยหนุนใน 2H63 และต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปี ข้างหน้ามาจาก Backlog ในมือ ณ สิ้นไตรมาส 2Q63 ที่สูงถึง 3.8 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้ได้รับงานใหม่อย่างต่อเนื่องไปแล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท จากเป้าจบปีรับงานใหม่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งผู้บริหารคาดรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PBV ต่ำ 0.43x มองการฟื้นตัวของผลประกอบการตามการรับรู้รายได้ที่สม่ำเสมอและควบคุมค่าใช้จ่ายหนุนมาร์จิ้นดีขึ้น อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงจากรับ D/E ที่ค่อนข้างสูงและยังมีขาดทุนสะสมอยู่ 281 ล้านบาท
Daily Key Factors
Oil Update (0) WTI Futures ต.ค. ปิด $+0.14 อยู่ที่ $41.11 /บาร์เรล Brent Futures พ.ย. ปิด -$0.15 อยู่ที่ $43.15 /บาร์เรล การประชุม JMMC ของกลุ่มโอเปกพลัสคงลดกำลังการผลิตที่ 7.7 ล.บาร์เรล/วัน ถึง ธ.ค. 63 โดยอาจจัดการประชุมรอบพิเศษใน ต.ค. นี้ หากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดลง ขณะที่ Goldman Sachs ปรับเพิ่มคาดการณ์น้ำมันดิบ Brent สิ้นปีนี้ที่ 49 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วง Q3 ปีหน้า
Gold Update (+) Gold Futures ธ.ค.ปิด +12.20 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,962.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและยังมีความไม่แน่นอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การเลือกตั้งสหรัฐ และข้อขัดแย้งสหรัฐ-จีน ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่า -0.05 % อยู่ที่ 92.9273
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -454 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -117.2 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -259.3 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -77.5 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 31.01 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(+) ดัชนี BDI ปิด +2 จุด อยู่ที่ 1,296
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.697% , 2 ปี อยู่ที่ 0.141
(0) ค่าเงินหยวน off-shore ทรงตัวอยู่ที่ 6.7675/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 33,344 ราย รวมอยู่ที่ 7,004,768 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 294 ราย รวมอยู่ที่ 204,118 ราย / อินเดียติดเชื้อเพิ่มขึ้น 87,382 ราย รวมอยู่ที่ 5,485,612 ราย ( Worldometers )
(-) สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ในกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที่4 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
23 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 6/2563
28 ก.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดสัมมนาวิชาการประจำปี(BOT Symposium 2020)
30 ก.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ต่างประเทศ
21 ก.ย. CN อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคาร PBoC
US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
22 ก.ย. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales)
US คำแถลงการณ์ของพาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
23 ก.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
24 ก.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านใหม่ ( ส.ค.)
25 ก.ย. US ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2020: WICE*, JKN*, BGC*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web