- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 September 2020 23:52
- Hits: 1245
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-9-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ปรับตัวลง โดยมีแรงขายหลักในกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบโลกลดลงแรง โดยสิ้นวัน SET ปิดที่ 1,293.80 (-18.15 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 5.0 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 126 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,183 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 13,431 สัญญา)
TASCO (ราคาเป้าหมาย 30 บาท) คาดแนวโน้ม 3Q63 ยังเติบโตเด่น (+YoY) จาก Supply ยางมะตอยในภูมิภาคที่ออกมาน้อย หนุนราคายางมะตอยแกว่งตัวในระดับสูง ผสาน Demand ที่เร่งขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ก่อนจะสิ้นปีงบเดือน ก.ย. และยังได้ผลบวกเพิ่มเติมจากต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก : ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังมีหลากหลายปัจจัยลบรุมเร้า นำโดย 1) การปรับฐานของตลาดหุ้นโลก โดยเริ่มเห็นสัญญาณการขายปรับพอร์ทของนักลงทุนสถาบันในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Tech Stock) ซึ่งถือเป็นตัวแทนของหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stock) หลังราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับขึ้นตัวมาค่อนข้างมาก เพิ่มจิตวิทยาเชิงลบต่อตลาดหุ้นโลก 2) ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลงแรง จากความกังวลทั้งด้านอุปสงค์ สะท้อนจากประเทศผู้บริโภคน้ำมันดิบในอันดับต้นๆของโลก เช่น สหรัฐฯ, อินเดีย ยังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำมันดีเซล, เบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน ปรับลดลง กระทบต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี 3) AstraZeneca ชะลอการทดลองวัคซีน หลังพบปัญหาผลข้างเคียงระหว่างการทดสอบ และ 4) ความไม่แน่นนอนทางการเมือง โดยแนวโน้มการชุมนุมดูเหมือนจะยืดเยื้อ ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และอาจทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้า เป็นจิตวิทยาเชิงลบเพิ่มเติม ดังนั้นโดยสรุปจากหลายปัจจัยดังกล่าวจึงควรต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนในเดือนนี้ให้มากยิ่งขึ้น
Investment Strategy : วันนี้คาด SET ย่อ ในกรอบแนวรับ 1,280 ต้าน 1,300 จุด เน้นหุ้นรับอานิสงส์น้ำมันลงและเก็งหุ้นการบริโภค โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “TASCO, RBF, OSP”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : เริ่มเข้าสะสมอีกครั้ง ในกรณีดัชนีลงต่ำกว่าระดับ 1293 จุด
ไม่มีหุ้น : เข้าสะสมเล่นรอบที่บริเวณ 1275-1287 จุด
ผ่าตลาดทาวน์โฮมครึ่งปีหลัง เจาะทำเลรับ 'นิวนอร์มอล' (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : การเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ในปีนี้คาดว่าจะลดต่ำเป็นประวัติการณ์อาจต่ำกว่าปีน้ำท่วมใหญ่ 2011 ด้วยซ้ำ เนื่องจากการเปิดตัวคอนโดใหม่ลดลงมากโดยผู้ประกอบการจะเน้นเปิดตัวแนวราบ เรามองเป็นบวกกับ AP และ LH ซึ่งมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่มากที่สุดมีมูลค่า 44 พันล้าน และ 28 พันล้านตามลำดับ
"ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์“ เหนือจอง 29% (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)
ความเห็น : เรามองธุรกิจ MLM ในประเทศจะเป็นฐานรายได้สำคัญของ SCM ก่อนที่รายได้จากการส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในพม่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2H63 หากมีการอนุญาตให้ทำธุรกิจ MLM ในประเทศได้ หนุนแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q63 จะเริ่มเห็นพัฒนาการบวกเทียบ QoQ อย่างไรก็ดีราคาปัจจุบันขึ้นมาใกล้เคียงกับราคาเหมาะสมปี 2564 ที่เราประเมินไว้ที่ 2.50 บาท/หุ้น ทำให้ Upside เริ่มจำกัด
CP All (CPALL)
กำไรค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น
TP Revision
ประเด็นการลงทุน
แม้ปรับลดประมาณการสะท้อน SSSG ฟื้นตัวช้ากว่าคาด แต่แนวโน้มกำไรเป็นทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป เนื่องจาก SSSG ติดลบน้อยลงและอัตรากำไรฟื้นตัว รวมทั้งอาจได้อานิสงส์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค อีกทั้งการขยายสาขายังเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนการลงทุนในเทสโก้คาดว่าสามารถนำมาจากเงินกู้ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ (DCF, WACC 7.2%, G.4%) 79 บาท ปรับลงจาก 83 บาท
ปรับลดประมาณการ แต่กำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-2564 ลง 14% และ 12% ตามลำดับ เนื่องจากการฟื้นตัวของ SSSG ช้ากว่าคาดจากการอุปโภคบริโภคและนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดย SSSG ใน 3Q63 คาดว่าติดลบประมาณ 15% จากติดลบ 20% ใน 2Q63 อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นการบริโภคและการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นคาดว่าจะช่วยให้ SSSG ติดลบน้อยลงตามลำดับ โดยยอดขายสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) และขนมฟื้นตัวขึ้น ขณะที่บริษัทย่อยคือ MAKRO มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นจากการที่ลูกค้า HORECA กลับมาเปิดดำเนินธุรกิจ ราคาเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น และอาจได้ผลบวกจากมาตรการ “คนละครึ่ง” จากกลุ่มร้านค้าโชห่วยซึ่งมาซื้อสินค้าเพื่อไปขายต่อ
การซื้อเทสโก้ยังคาดว่าจะเสร็จภายปีนี้ โดยใช้เงินกู้
การซื้อเทสโก้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากคณะกรรมการแข่งขันการค้า ซึ่งคาดจะเสร็จภายในปีนี้ โดย CPALL มีการเตรียมแหล่งเงินทุน 3 พันล้านเหรียญฯ จากการกู้เงินซึ่งส่วนใหญ่เป็น USD และบางส่วนเป็นเงินบาท เบื้องต้นเราประเมินว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะเพิ่มจาก 0.9 เท่า เป็น 1.3-1.4 เท่า ซึ่งยังอยู่ภายใต้ Bond Covenant ที่ 2 เท่า ส่วนการทำสัญญาแฟรนไชส์หลักสำหรับดำเนินการร้านเซเว่นฯ ในกัมพูชาและลาวคาดว่าใช้เงินลงทุนไม่มาก เนื่องจากการขยายสาขาจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะต่อผลประกอบการของ CPALL
ESG : ความท้าทายจากการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก
CPALL เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจหลากหลายซึ่งมีการใช้บุคคลากรจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี บริษัทจัดหาวัตถุดิบหลักและสินค้าจากหลายแหล่ง ซึ่งต้องมีการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) อย่างมีประสิทธิภาพและตรวจสอบย้อนกลับได้ อีกทั้งต้องมีมาตรการบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าจากใช้ไฟฟ้ามากจากการมีสาขากว่า 12,000 สาขา
ความเสี่ยง: การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 SSSG ฟื้นตัวช้ากว่าคาด นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง อากาศเย็นหรือฝนตกมากกว่าปกติ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web