- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 September 2020 21:32
- Hits: 4543
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 3-9-2020
Market Wrap-Up
- • SET ปิดวันที่ 2 ก.ย.63 ปิด +10.31 จุด อยู่ที่ 1,315.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,682 ลบ.ต่างชาติขาย 1,278 ลบ. สถาบันซื้อ 392 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 281 ลบ.ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 557 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น SCC,CRC,STA,COM7,DELTA และมียอดขายหุ้น KBANK,INTUCH,PTTGC,SAWAD,PTTEP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 555 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ SCC,KBANK,MINT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 7,495 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 118,021 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,437 ลบ.
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +1.59% , S&P500 +1.54% และ Nasdaq +0.98% ได้แรงหนุนจากหุ้น Defensive ในกลุ่มสินค้าอุปโภค เช่น CoCa Cola, Pepsi, P&G และกลุ่มสาธารณูปโภค หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นจากความต้องการใช้ระบบ On-line ในช่วงไวรัสระบาด ส่วนรายงาน Beige Book เผยเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ยังมีไม่แน่นอนจากผลกระทบไวรัสระบาด ขณะที่ ก.พาณิชย์เผยคำสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงาน ก.ค. +6.4% สูงกว่าคาดที่ +6% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด +1.66% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ หลังรายงานดัชนภาคการผลิตสหรัฐ , จีน , ยูโรโซนส่งสัญญาณขยายตัว ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียุโรปปรับขึ้นตามกระแสกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ
Market View
- • ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าอุปโภคและสาธารณูปโภค เม็ดเงินบางส่วนไหลออกจากกลุ่มเทคโนโลยีที่นำเข้าตลาดก่อนหน้านี้ ตลาดตอบรับรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐ ยูโรโซน จีน ส.ค. อยู่ในโซนขยายตัว สะท้อนแนวโน้มบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ศูนย์ควบคุมระบาดของสหรัฐ (CDC) สั่งให้รัฐต่าง ๆ เตรียมความพร้อมในการขนส่งวัคซีนในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ซึ่งอาจจะมีข่าวบวกผลการทดลองวัคซีนในเร็ว ๆ นี้ สถานการณ์ระบาดไวรัสในยุโรปเริ่มเพิ่มขึ้นในฝรั่งเศส สเปน แต่เกาหลีใต้ลดลงต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อใหม่ในฟิลิปปินส์ที่เริ่มลดลง ภาพรวมเม็ดเงินยังไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป จากปัจจัยบวกสภาพคล่อง, ดอกเบี้ยต่ำ, Real Sector มีโอกาสฟื้นตัวหากผลทดสอบวัคซีนสำเร็จในปลายปีนี้ สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิด +0.79% สถาบันซื้อ 392 ลบ. ต่างชาติขาย 1.27 พัน ลบ. ตลาดตอบรับข่าวบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 6.8 หมื่น ลบ. แบ่งเป็น 4.5 หมื่น ลบ. กระตุ้นการบริโภคด้วยการแจกเงิน 3,000 บาท/ต่อคนใช้ได้ในระยะเวลา 3 เดือน กลุ่มเป้าหมาย 15 ล.คน เน้นการใช้จ่ายไปที่ร้านค้ารายย่อย ส่วนอีก 2.3 หมื่น ลบ. ช่วยจ่ายค่าจ้างครึ่งหนึ่งสำหรับบริษัทที่รับผู้จบการศึกษาใหม่ รวมถึงการเพิ่มสิทธืประโยชน์โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เป้าหมายกระตุ้นการบริโภคคาดจะเพิ่ม GDP ปีนี้ได้ราว +0.25%
Daily Strategy
- • ประเมินดัชนี SET กลับมาทรงตัว โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค, การจ้างงาน ส่งผลบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไร บจ. ใน Q3 – Q4 นี้ วางแนวรับดัชนีที่ 1,300 – 1,310 แนวต้าน 1,320 – 1,325 แนะนำซื้อ CPALL, BJC, CENTEL, MINT (+ม.กระตุ้น)
- • BEM* ทยอยซื้อสะสม/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 10.73 บาท*) ถึงเวลากลับมาเก็บหุ้นในกลุ่มขนส่งแล้ว สำหรับ BEM การฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารในส่วนของรถไฟใต้ดินมีการเติบโต MoM อย่างต่อเนื่อง (นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนเมษายน) เช่นเดียวกับปริมาณการจราจรบนทางด่วนที่เติบโต MoM เช่นกัน โดยการเดินทางน่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4 ในส่วนของผลการดำเนินงานตลาดประเมินกำไรไตรมาส 3 ของ BEM ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 895 ลบ. -4.4%YoY, +76.5%QoQ นอกจากนั้นในการเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีส้มกลุ่ม BEM ก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้งานนี้ด้วย สำหรับประมาณการกำไรปี 2563-2564 Bloomberg Consensus ประเมินเฉลี่ยที่ระดับ 2.59 ลบ. และ 4.22 พัน ลบ. -52%YoY, +62.9%YoY ตามลำดับ
- • CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย(ปี64) 82.25 บาท) คาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการช่วยค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการ 4.5 หมื่นล้านบาท (รัฐช่วยออกเงินให้ประชาชน 50% ของบิล คนละ 3,000 บาท 15ล้านคน โดยหากมีการกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่ใช้ได้ในแต่ละวัน 100-300 บาท จะยิ่งมีประโยชน์มากสืบเนื่องจากราคาสินค้าใน7-11และMakro เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่ราคาไม่แพง) อีกทั้งเราคาดว่าการฟื้นตัวยอดขายของ7-11จะเป็นไปตามลำดับจากQ2/63เนื่องจากคนสัญจรเริ่มเข้าสู่ระดับปกติ(อ้างอิงเดือนก.ค. มีปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนกลับมาอยู่ที่92% และปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT กลับมาอยู่ที่80%) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการได้รับสิทธิแฟรนไชส์เปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว เราประเมินกำไรสุทธิปี63 และ64 ที่ 18,996 ลบ.(-14.98%) และ 21,789 ลบ.(+14.71%) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (-) WTI Futures ต.ค.ปิด -1.25 ดอลลาร์ อยู่ที่ $41.51 /บาร์เรล Brent Futures พ.ย. ปิด -$1.15 ดอลลาร์ อยู่ที่ $44.43 /บาร์เรล ถูกกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าและรายงานการผลิตน้ำมันได้ผลกระทบน้อยจากเฮอริเคนลอร่า โดยการผลิตในอ่าวเม็กซิโกลดลงเพียง 19.7% แม้ว่า EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 9.4 ล.บาร์เรล ลดลงมากกว่าคาดที่ 1.2 ล.บาร์เรล
Gold Update (-) Gold Futures ธ.ค.ปิด -34.2 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,944.70 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ขณะที่ Dollar Index แข็งค่า +0.53% อยู่ที่ 92.8489
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -120.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -45.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -33.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 31.323 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(-) ดัชนี BDI ปิด -26 อยู่ที่ 1,445
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 0.649%
(0) ค่าเงินหยวน off-shore ทรงตัวอยู่ที่ 6.8375/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 40,899 ราย รวมอยู่ที่ 6,290,425 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1,067 ราย รวมอยู่ที่ 189,941 ราย / ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ 26.1 ล.ราย เสียชีวิต 8.66 แสน ราย ( Worldometers )
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
01 ก.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
03 ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ( ส.ค.)
04 ก.ย. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ)
ต่างประเทศ
31 ส.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ส.ค.)
01 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin ( ส.ค.)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ส.ค.)
02 ก.ย. US การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม (ADP)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
03 ก.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ส.ค.)
04 ก.ย. US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2020: WICE*, JKN*, BGC*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web