- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 September 2020 13:05
- Hits: 5225
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-9-2020
Market Wrap-Up
- • SET ปิดวันที่ 31 ส.ค.63 ปิด -12.65 จุด อยู่ที่ 1,310.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,005 ลบ.ต่างชาติขาย 6,408 ลบ. สถาบันซื้อ 1,311 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 187 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 817 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น BBL,SCC,KBANK,TU,ADVANC และมียอดขายหุ้น MINT,GULF,PTT,RATCH,SAWAD มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 477 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ CPALL,SCC,KBANK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2,995 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 107,726 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 641 ลบ.
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด -0.78% , S&P500 -0.22% และ Nasdaq +0.68% หุ้นกลุ่มพลังงานปรับลดลง -2.20% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +0.36% นำโดย Apple +3.39% ซึ่งหลังจากแตกพาร์ ส่งผลให้ดัชนี Down Jones ต้องเพิ่มนำหุ้นเซลส์ฟอร์ซดอทคอม, แอมเจน และฮันนีเวลส์ เข้าคำนวณเพื่อรักษาน้ำหนักในกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้น Microsoft , Walmart ปรับลดลง เนื่องจากรัฐบาลจีนเผยต้องอนุญาตก่อนจะทำการซื้อขายหุ้น TikTok ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด -0.62% ถูกแรงขายจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมันและอิตาลี ส.ค. ชะลอตัวมากกว่าคาดการณ์ ซึง EU อาจต้องพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
Market View
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ส.ค. ปิด +7.6% MoM เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 1984 เช่นเดียวกับ S&P500 +7% , Nasdaq +9.6% MoM ได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสระบาด และเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวหลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่การพัฒนาวัคซีนของ 3 – 4 บริษัทตอนนี้อยู่ระหว่างการทดลองเฟส 3 ซึ่งมีโอกาสประสบผลสำเร็จได้ราวปลายปีนี้ รวมถึงเฟดจะเปลี่ยนนโยการเงินเฟ้อเฉลี่ย 2 % เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานและเสถียรภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยรอความชัดเจนนโยบายดังกล่าวในการประชุมเฟดวันที่ 15 -16 ก.ย. ปัจจัยต่างประเทศวันนี้ติดตามรายงาน Markit PMI ส.ค. ของแต่ละประเทศ วานนี้ NBS จีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการ ส.ค. อยู่ที่ 55.2 จาก ก.ค.ที่ 54.2 เป็นขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สะท้อนการฟื้นตัวของกำลังซื้อในจีน สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิด -0.96% ต่างชาติขาย 6.4 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 1.3 พัน ลบ. เป็นผลกระทบจาก MSCI Rebalance ลดน้ำหนักหุ้นไทยลงอยู่ที่ 2 % ส่งผลให้เกิดแรงขายปรับพอร์ตในหุ้นกลุ่ม Big Cap. เช่น PTT, CPALL, SCC, ADVANC, AOT ขณะที่ ธปท. เผยภาวะเศรษฐกิจไทย ก.ค. เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แต่การลงทนภาคเอกชนยังชะลอตัว โดยปัจจัยเสี่ยงต้องระวังการระบาดไวรัสรอบ 2 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 64 อาจต่ำกว่าคาดการณ์
Daily Strategy
- • ประเมินดัชนีทรงตัวบริเวณ 1,300+/- มีแนวรับหลักที่ 1,290 แนวต้าน 1,320 จุด โดย ดัชนีถูกกดดันจาก EPS ของตลาดที่ลดลงอยู่ที่ 59 บาท ส่งผลให้ Upside ค่อนข้างจำกัดที่ Forward P/E 22.2 เท่า แนะนำซื้อสะสมกลุ่ม Defensvie เช่น TU, BDMS, CHG
- • BGC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.30 บาท) รายได้ใน 2Q63 -19.5%YoY ถูกกระทบจากยอดขายขวดเบียร์เป็นหลักที่ลดลง -43%YoY เนื่องจากกว่า 55% ขายให้กลุ่มบุญรอด โดยแนวโน้มผลประกอบการ 2H63 จะกลับมาฟื้นตัวหลังจากการคลายมาตรการ Lockdown และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ สามารถเปิดให้บริการและกลับมาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตามปกติ อิงจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.63 อุตสาหกรรมเบียร์ปรับตัวดีขึ้น +25%YoY เป็นผลจากการเร่งผลิตเพื่อชดเชยในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซที่คิดเป็นประมาณ 25% ของต้นทุนรวมปรับตัวลดลง รวมถึงมีโอกาสเติบโตผ่านการทำ M&A 3-4 ดีลที่กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยเรื่อง
- • BDMS* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 24.16 บาท) รายงานกำไรสุทธิงวดQ2/63ที่ 458 ลบ.(-75%YoY, -82%QoQ) โดยหลักแล้วมาจากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากBH(ซึ่งมีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติมากกว่า 50%) คาดว่าQ2/63 จะเป็นจุดต่ำสุดแล้วและจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ด้วยปัจจัยตามฤดูกาล นอกจากนี้ ทางBDMSยังมีการรับผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว โดยเดือน ส.ค. จะมีเที่ยวบินเฉพาะกิจรับคนไข้จาก จีน พม่า กัมพูชา เข้ามารวม 3 เที่ยวบิน นอกจากนี้การเซ็นสัญญากับ ping an health ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจะช่วยหนุนรายได้จากการคนไข้จีนให้สูงขึ้นราวๆ 1-2พันลบ.ในปีถัดๆไป ตลาดคาดกำไรสุทธิปี63 และ ปี64 ที่ 6,087 ลบ. ( -60.77%YoY ) และ 8,672 ลบ.( +42.46%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (-) WTI Futures ต.ค.ปิด -0.36 ดอลลาร์ อยู่ที่ $42.61 /บาร์เรล Brent Futures พ.ย. ปิด -$0.53 ดอลลาร์ อยู่ที่ $45.28 /บาร์เรล ตลาดน้ำมันยังกังวลภาวะอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัว หลังจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 25.3 ล.ราย
Gold Update (+) Gold Futures ธ.ค.ปิด +3.70 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,978.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนนโยบายการเงินเฟ้อของเฟด คาดจะส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ระดับต่ำอีกนาน ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่า -0.23% อยู่ที่ 92.1605
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -371.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -206 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -132 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -33.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 31.045 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(0) ดัชนี BDI ปิดในวันหยุด Summer Bank Holiday
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 0.715% , 2 ปี อยู่ที่ 0.133 %
(+) ค่าเงินหยวน off-shore แข็งค่าอยู่ที่ 6.8474/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 38,446 ราย รวมอยู่ที่ 6,211,682 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 512 ราย รวมอยู่ที่ 187,736 ราย / ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ 25.6 ล.ราย เสียชีวิต 8.54 แสน ราย ( Worldometers )
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
01 ก.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
03 ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ( ส.ค.)
04 ก.ย. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ)
ต่างประเทศ
31 ส.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ส.ค.)
01 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin ( ส.ค.)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ส.ค.)
02 ก.ย. US การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม (ADP)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
03 ก.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ส.ค.)
04 ก.ย. US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web