- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 August 2020 14:40
- Hits: 5701
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-8-2020
Market Wrap-Up
• SET ปิดวันที่ 21 ส.ค.63 ปิด +2.47 จุด อยู่ที่ 1,299.26 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,295 ลบ.ต่างชาติขาย 222 ลบ. สถาบันขาย 228 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 355 ลบ.ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 141 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น CPALL,GPSC,STA,JMART,STGT และมียอดขายหุ้น TOP,AOT,GULF,NER,PTTEP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 465 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ PTT,AOT,KBANK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,173 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 99,707 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,839 ลบ.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.69% , S&P500 +0.34% และ Nasdaq +0.42% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี +1.21%, กลุ่มพลังงาน -0.63% ได้แรงหนุนหลัง Markit รายงานดัชนี PMI รวมภาคผลิตและบริการสหรัฐ เบื้องต้น ส.ค. อยู่ที่ 54.7 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน และรายงานยอดขายบ้านมือสอง ก.ค. +24.7% MoM ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด -0.15% หลัง Markit PMI รวมภาคการผลิตและบริการยูโรโซน เบื้องต้น ส.ค. ลดลงอยู่ที่ 51.6 เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่การเจรจาการค้าอังกฤษ & อียูยังไม่มีความคืบหน้า
Market View
• ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา Nasdaq ปิด +2.7% ทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากหุ้น Apple ปรับขึ้นจนมูลค่า Market Cap. เกิน 2 ลล.ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับหุ้น Tesla ราคาเกิน 2,000 USD/หุ้น ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมีทั้งบวกและลบ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์กลับมาเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1 ล.ราย แต่ดัชนี PMI รวมภาคผลิตและบริการ ส.ค. ขยายตัวสุดในรอบ 18 เดือน ส่วนสถานการณ์ระบาดไวรัสในสหรัฐเริ่มทรงตัว แต่ทางฝั่งยุโรปและเอเชียเริ่มมีสัญญาณการติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น โดยเกาหลีใต้ออกคำเตือนความเสี่ยงอาจเกิดการระบาดในวงกว้าง ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ในภาวะทรงตัว รอฟังถ้อยแถลงประธานเฟดในการประชุมแจ๊คสัน โฮล วันพฤหัสนี้ เพื่อติดตามนโยบายการเงินและเป้าหมายเงินเฟ้อในอนาคต สำหรับดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด ต่างชาติขาย 5.5 พัน ลบ. สถาบันขาย 4 พัน ลบ. หลังรายงานกำไร บจ.งวดครึ่งปีแรก อยู่ที่ 1.87 แสน ลบ. -58.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลกระทบมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่แนวโน้มกำไรในกลุ่มธนาคาร, ปิโตเคมีและท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ สัปดาห์นี้รอการประชุม ครม.เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือค่าจ้างรายเดือนให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงการเสนอ ร่างแก้ไข รธน. ของวิปรัฐบาลว่าจะสามารถลดแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่ วันนี้ติดตามรายงานส่งออกไทย ก.ค. คาด -18.75% & มิ.ย. -23.20%
Daily Strategy
• ดัชนี SET ประเมินทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,290 จุด แนวต้าน 1,310-1,315 จุด หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,300 แนะนำ Wait & See โดยซื้อสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัวในกลุ่ม Defensive เช่น CPF, TU, CKP
• TU* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 16.00 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q63 เท่ากับ 1,716 ล้านบาท +68.9%QoQ, +1,446%YoY โดยหากไม่รวม FX Gain และรายการอื่นๆ จะมีกำไรปกติเท่ากับ 1,524 ล้านบาท +18.6%QoQ, -3.2%YoY แม้ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster มากถึง 702 ล้านบาท เพราะผลกระทบ COVID-19 แต่การดำเนินงานหลักดีขึ้นจากรายได้รวมที่เติบโต +6.3%QoQ, +2.6%YoY อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท มาจากธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องเป็นหลักที่ได้อานิสงส์ช่วง Lockdown ส่วนธุรกิจอาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากกลุ่มลูกค้าร้านอาหาร อย่างไรก็ดีด้วยมาร์จิ้นอาหารทะเลกระป๋องที่ดีประกอบกับต้นทุนปลาทูน่ายังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ 18.2% จาก 16.2% ใน 1Q63 และ 16.7% ใน 2Q62 ส่วนแนวโน้ม 3Q63 คาดความต้องการอาหารกระป๋องในทวีปสหรัฐและยุโรปยังดีจากความกังวลการแพร่ระบาด แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจลดลงหากยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มขึ้น ส่วนผลขาดทุนจาก Red Lobster จะลดลงหลังคลาย Lockdown โดยเรายังมองบวกจากการที่ตลาดปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้น ทั้งนี้บริษัทจะจ่ายปันผล 1H63 ที่ 0.32 บาท/หุ้น Yield 2.2% ขึ้น XD 25 ส.ค.63 จ่ายเงินปันผล 8 ก.ย.63
• RBF* ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 8.66 บาท*) ผู้บริหารประเมินรายได้รวมในปี 2563 ยังคงขยายตัวได้ประมาณ 10-15%YoY แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีสถานะการณ์ Covid-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก (1H63 รายได้รวมยังโตได้ +6.8%YoY) สำหรับในครึ่งปีหลังโรงงานจะฝั่งต่างประเทศอย่างอินโดนิเซียจะกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อก็เร่งตัวขึ้นตาม Pend up demand จะสำหรับประมาณการกำไรปี 2563-2564 Bloomberg Consensus ประเมินเฉลี่ยที่ระดับ 521 ลบ. และ 604 ลบ. +47.78%YoY, +15.9%YoY ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (-) WTI Futures ต.ค.ปิด -0.48 ดอลลาร์ อยู่ที่ $42.34 /บาร์เรล Brent Futures ต.ค. ปิด -$0.55 ดอลลาร์ อยู่ที่ $44.35 /บาร์เรล กังวลต่ออุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัว หลังดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการยูโรโซน ส.ค. มีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่เบเกอร์ ฮิวส์ รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 11 แท่น อยู่ที่ 183 แท่น
Gold Update (0) Gold Futures ธ.ค.ปิด +0.50 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,947 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกอาจชะตัวจากผลกระทบไวรัสระบาดและอยู่ระหว่างรอการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่ Dollar Index แข็งค่า +0.48% อยู่ที่ 93.2489
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -230.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -177.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -13.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -39.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 31.55 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(-) ดัชนี BDI ปิด -37 จุด อยู่ที่ 1,481 จุด
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 0.627 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.145 %
(0) ค่าเงินหยวน off-shore ทรงตัวอยู่ที่ 6.9179/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 32,718 ราย รวมอยู่ที่ 5,874,146 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 430 ราย รวมอยู่ที่ 180,604 ราย ( Worldometers )
Economic Calendar
ในประเทศ
24 ส.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
26 ส.ค. (-28 ส.ค.) ตลท. จัดงาน Thailand Focus 2020: virtual conference
31 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที่4 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
25 ส.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer
Confidence) ( ส.ค.)
26 ส.ค. US ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
27 ส.ค. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
US ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)
28 ส.ค. UK คำกล่าวของเบลีย์ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งอังกฤษ
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web