- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 24 August 2020 13:38
- Hits: 5893
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-8-2020
“PMI สหรัฐดี จับตาประชุมแจ็คสัน โฮล การเมืองแรงขึ้น”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SYNTEC (จากซื้อเป็น Fully Valued) / TQM (จากซื้อเป็นถือ)
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ขึ้น แต่ไม่ผ่าน 1300 จุด ปิด +2.47 จุด ที่ 1299.26 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 42 พันลบ.ต่างประเทศมีปัจจัยลบมากคือ ตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงถึง 1.1 ล้านรายมากว่าคาด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่จบ สงครามการค้า สหรัฐงดสิทธิประโยชน์ให้ฮ่องกง ติดตามเฟดประชุมเมืองแจ็คสันโฮล 27-28 ส.ค. ด้านไทย ปัจจัยการเมืองร้อนแรงขึ้น ซื้อสุทธิสูง-รายย่อย ขายสุทธิมาก-โบรกเกอร์ YTD ต่างชาติขาย 241 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET ไซด์เวย์ขึ้น ดัชนี PMI ผลิต-บริการสหรัฐดี รอประชุมเฟดประจำปี แจ็คสัน โฮล และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น ปัจจัยบวกคือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สหรัฐ ส.ค.สูงสุดในรอบ 18 เดือน และมากกว่า 50 จุด ยอดขายบ้านมือสอง ก.ค. +24.7% สูงสุดตั้งแต่เก็บข้อมูล ดาวโจนส์ +191 จุด ดัชนีกังวล (VIX) ทรงตัวต่ำที่ 22.54 จุด ไทย-ลดความกังวลผู้ติดเชื้อหญิง 2 รายในประเทศ เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ Future ปรับขึ้น ส่วนปัจจัยลบคือ ทั่วโลกจับตาการประชุมเฟดประจำปี ที่เมืองแจ็คสัน โฮล 27-28 ส.ค. แต่เฟดล่าสุดบ่งชี้ศก.สหรัฐยังเสี่ยง น้ำมันวันศุกร์ปรับลง 24 cent ศคบ.ขยายเวลาพรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนคือ ก.ย.63 และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น ทั้งการประชุมนศ. และประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ม. 256 เกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการจัดตั้ง สสร. กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1280-1320 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้นแต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ไบเดนชนะเลือกตั้งจะเป็นผลดีกับเอเซียมากกว่าตอนทรัมป์ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี หุ้นพลังงานช่วงนี้ผันผวนแต่แนะนำซื้อ-PTT,PTTEP,TOP,BGRIM.GPSC,BCP วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-TASCO,DRT หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU,STI ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACTกลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผล แนวรับคือ 1280-1260 จุด และ แนวต้าน 1310-1315 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1295จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ มีประกาศ FTSE Global Index หลักทรัพย์ใด Addition (เข้า) -Deletiion (ออก) มีผล 18 ก.ย.63 Large Cap:- เข้า CRC,BGRIM,BBL (nvdr)ออก-TOP Mid Cap:- เข้า TOP,CBG ออก-BGRIM Small Cap:- เข้า EGA,IMPACT,JMT ออก-CBG จะสังเกตได้ว่าหลักทรัพย์บางตัวมีขนาดใหญ่ขึ้นจึงออกจากเล็กไปเข้าใหญ่ เช่น BGRIM,CBG แต่ที่ออกจากใหญ่ไปเล็กกว่าคือ TOP
# Stock Pick Today : CK ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 มีโอกาสได้งานใหม่คือ งานโยธาเขื่อนที่หลวงพระบางมูลค่าสูง 90-100 พันล้านบาทปลายปีนี้ ช่วยเติม Backlog ที่น้อย ข้อดีจากนี้ไปคือ 1) Backlog มีอัตรากำไรในเกณฑ์ดีราว 8-10% 2) จะมีเงินปันผลรับจาก TTW อีก 232 ล้านบาท ใน 3Q63 3) BEM ฟื้นตัวจากการเปิดเมือง ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน และ 4) CKP กลับมาดี จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป ให้ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท (SOP)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ยังเป็นลบ แต่อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆ แต่ยังคงให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ยังเป็นลบ{“ปิดบวกเล็กน้อย”ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(ถ้ามี / มี“Oversold”ในกราฟรายนาที“หนุน”) อาจจะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1310 (หรือ 1315 – 1320) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1295” (แนวรับย่อย “1280 /1260 – 1250” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BOFFICE (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 14.00)
CK (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 23.00)
SYNTEC (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.29)
TQM (ถือ -ราคาพื้นฐาน 120.00)
In The News : ข่าวเด่นวันนี้
Turnover List Watch : ไม่มีหลักทรัพย์ใช้ Cash Balance สัปดาห์นี้ แต่ขยายเวลา NEX,NEX-W2
New Listing : KBSPIF
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-บริการส.ค.สูงสุดในรอบ 18 เดือน และมากกว่า 50 จุด
# ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 54.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 50.3 ในเดือนก.ค.
# ทั้งนี้ ดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะขยายตัวทั้งในภาคการผลิตและบริการ โดยภาคบริการมีการขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
+ สหรัฐ: ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 24.7% ในเดือนก.ค.สูงสุดตั้งแต่รวบรวมข้อมูลปี 2511
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 24.7% ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลในปี 2511 และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น8.7% ในเดือนก.ค.
•/- สหรัฐ: จับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค.
# บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ "Navigating the DecadeAhead: Implications for Monetary Policy" ซึ่งถือเป็นการปรับรูปแบบการประชุมครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยไฮไลท์ของการประชุมจะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 190.60 จุด ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ (21 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิล และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 48 เซนต์ วิตกแนวโน้มดีมานด์ยังอ่อนแอ
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
# ตลาดน้ำมันปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนคือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน อยู่ที่ 51.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในสหภาพยุโรป (EU) โดยเศรษฐกิจของ EU ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
• ทองคำ: ปิดบวก 5 เซนต์ เหตุวิตกเลือกตั้งสหรัฐ-โควิดหนุนแรงซื้อ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) หลังลดลง 2 วันติดต่อกัน โดยราคาทองได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ และการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคโควิด-19
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
•/- ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเดือน ก.ย. อีก 1 เดือน
# โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน ได้เห็นชอบตามข้อเสนอของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-30 ก.ย.63 จากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ส.ค.นี้
-ตลท. เผยกำไรบจ. งวด H1/63 ลดลง 58.7% ผลกระทบจากโควิด-19 และสงครามราคาน้ำมันในไตรมาสหนึ่ง
# ผลการดำเนินงาน บจ. ใน SET งวด H1/2563 มียอดขายรวม 5,026,268 ลบ. ลดลง 13.3% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core operating profit) 273,267 ลบ. ลดลง 43.8% และมีกำไรสุทธิ 187,901 ล้านบาท ลดลง 58.7%y-o-y
# การลดลงของรายได้ทำให้ดัชนีชี้วัดความสามารถการทำกำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit margin) ลดลงจาก 21.3% เป็น 20.5% มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit margin) ลดลงจาก 8.4% เป็น 5.4% และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) ลดลงจาก 7.8% เป็น 3.7%
-เศรษฐกิจไทย: Pricewaterhouse Coopers คาดใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปีจึงจะฟื้นตัว
# ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีในการฟื้นตัวกลับมาสู่ปกติหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากสร้างผลกระทบอย่างมากต่อหลายธุรกิจ
• การเมืองไทย: รัฐเห็นพ้องรื้อ 'ม.256-ตั้งสสร.' ดีเดย์ยื่นญัตติแก้รธน. 26 ส.ค.
# "วิษณุ" ย้ำแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายรัฐบาล โยนพรรคร่วมชงญัตติสภา "วิปรัฐบาล" ดีเดย์ 26 ส.ค. ด้าน "อนุทิน" เผยนายกฯส่งสัญญาณไฟเขียว ภท.ชงญัตติแยกไม่ขัดแย้งพรรคร่วม ขณะที่ "ปิยบุตร" ยันเดินหน้าชงโละ 250 ส.ว. จี้รัฐบาลจริงใจ-หยุดยื้อเวลา (กรุงเทพธุรกิจ)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web