- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 August 2020 22:27
- Hits: 5605
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-8-2020
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแรงกว่าที่คาดบวกได้ 9.20 จุด ณ สิ้นวัน โดยรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน แต่มีแรงซื้อหนาแน่นช่วงท้ายตลาด หุ้นขนาดใหญ่ที่หนุนดัชนี ได้แก่ STGT AOT CRC เป็นต้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 143 ลบ.และ 531 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures สูงถึงกว่า 1.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,320-1,340 จุด โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น โดยการเคลื่อนไหวของหุ้นเป็นลักษณะ Sector และ Stock Rotation เข้าหาหุ้นที่ยัง Laggard และมีประเด็นบวกเฉพาะตัว อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯที่ยังโจมตีจีนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเมืองในประเทศเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงหลังเริ่มขยายวงกว้างขึ้น เราจึงยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play และเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม อสังหาฯแนวราบ สื่อสารฯ โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า ส่วนประเด็นวัคซีน COVID-19 ให้ติดตามพัฒนาการของการทดลองเฟสที่ 3 จากฝั่งสหรัฐฯ-ยุโรปช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งหากออกมาในเชิงบวกเราแนะนำให้เก็งกำไร Global Play
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ทยอยสะสมในช่วงตลาดปรับฐานบริเวณ 1,300 จุด+-
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : CPALL, GULF, PTG, SC, STGT
หุ้นเด่นวันนี้: OSP
- แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 51 บาท
- เราคาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q20 และการฟื้นตัวเป็นลักษณะ V-Shape ในครึ่งปีหลัง แรงหนุนคือ Demand ที่ฟื้นตัว การรับรู้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มเต็มไตรมาส และภาษีสรรพสามิตสำหรับ Functional Drink ที่ลดลง
- เราคาดกำไรปี 2020-2021 เป็นขาขึ้น +21% Y-Y และ +13% Y-Y ตามลำดับ ซึ่งแข็งแกร่งสวนตลาดส่วนใหญ่ที่ถูกกระทบจาก COVID-19 ขณะที่ Valuation ซื้อขายที่ 2021PER ราว 27 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 30-35 เท่าและถูกกว่า CBG ที่ 29 เท่า
Fund Flow กระแสเงินทุนพลิกกลับมาไหลออกจากภูมิภาค US$161 ล้าน โดยยังมีความผันผวนในแต่ละวันตามที่เราคาด เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$153 ล้าน ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$17 ล้าน สูงสุดในกลุ่ม TIP แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังคงไหลเข้าสลับไหลออกโดยจับตาดูสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังตึงเครียด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) BDMS บริษัทคาดรายได้ปีนี้ -20% Y-Y และ EBITDA Margin ในกรอบ 20-21% ต่ำกว่าประมาณการของเรา โดยการฟื้นตัวของตลาดผู้ป่วยต่างชาติคาดว่ายังช้าจากการทำการบินที่ยังไม่ปกติ ซึ่งทำให้ BDMS ต้องใช้วิธีเช่าเหมาลำรับผู้ป่วยจากพม่า กัมพูชา จีน เข้ามาใช้บริการ Alternative Hospital Quarantine และรักษาต่อ รวมถึงขยายบริการ Alternative State Quarantine ของ Movenpick ซึ่งมีความต้องการสุงเพื่อชดเชยผลกระทบ เราแนะนำ "ซื้อลงทุนระยะยาว" ราคาเป้าหมาย 28 บาท แต่เราชอบ CHG และ BCH มากกว่า
(+) STA สถานการณ์ธุรกิจยางธรรมชาติดูดีขึ้นหลังลูกค้ากลับมา Reopen ทำให้คำสั่งซื้อและราคาขายยางธรรมชาติกลับมาฟื้นตัว แม้สัดส่วนการถือหุ้น STGT จะลดลงหลัง IPO แต่จากกำไรของ STGT ที่จะ New High ต่อเนื่องคาดชดเชยได้หมด ทำให้กำไร 2H20 คาดว่าจะดีกว่า 1H20 เราคาดกำไรปกติปีนี้ 4 พันลบ. (พลิกจากขาดทุนในปี 2019) และอาจมี Upside เรายังคงราคาเป้าหมาย 34 บาท แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"
(+) SAWAD ผู้บริหารไม่กังวลกับการลงมาเล่นตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของธนาคารออมสิน เนื่องจาก KSF คือประสบการณ์และจำนวนสาขาที่คลอบคลุม เพื่อรักษา Loan Growth และ NPL โดยยังคงเป้า Loan Growth ปีนี้ +20% Y-Y โดยมีสมมติฐาน COVID-19 ไม่มี 2nd Wave และไม่มีเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจากรัฐบาล ส่วนธุรกิจโบรคเกอร์ประกันภัยจะเร่งขยาย เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 68 บาท
(+) ADVANC ขึ้นเครื่องหมาย XD วันนี้ จ่ายปันผล 3.24 บาท/หุ้น กระทบ SET ราว 0.89 จุด เราให้ราคาเป้าหมาย 220 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 66.84 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 27,778.07 จุด จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากสหรัฐยกระดับมาตรการกีดกันบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน โดยพุ่งเป้าไปที่การปิดช่องทางไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงชิปและเทคโนโลยีต่างๆ และสหรัฐยังขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือหัวเว่ยเพิ่มอีก 38 แห่ง รวมถึงกดดันจากความล่าช้าของการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์เปิดการสอบสวนในกรณีไวน์นำเข้าจากประเทศออสเตรเลียต้องสงสัยทุ่มตลาด
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทรงตัว ปิดที่ระดับ 42.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางนักลงทุนติดตาม EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมของคณะกรรมการ JMMC ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันพุธนี้
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 2,013.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีสหรัฐปรับลงเป็น 0.66% ซึ่งลดลง 0.15% จากวันจันทร์ รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1252.38 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ส.ค. - อังกฤษ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- แคนาดา: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- อินโดนีเซีย: ประชุมธนาคารกลาง
- สหรัฐฯ: รายงานการประชุม FOMC
20 ส.ค. - จีน: Loan Prime Rate 1 ปี
- สหรัฐฯ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
21 ส.ค. - อังกฤษ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
- ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (ก.ค.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: FINNANSIA SYRUS SECURITIES
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web