- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 August 2020 17:48
- Hits: 5830
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-8-2020
MARKET TALK
กลยุทธ์การลงทุน
GDP งวด 2Q63 ออกมา -12.2% ดีกว่าคาด ส่วนกำไร 2Q63 ของ บจ. อยู่ที่ 1.17 แสนล้าน คาด EPS ทั้งปีปรับลงมาอยู่บริเวณ 57 +/- 1 บาท ทั้งนี้คาดหวังกำไรสุทธิ 2H63 เฉลี่ยจะสูงกว่า 2 แสนล้านบาท/ไตรมาส เลือกหุ้นที่คาดกำไร 2H63 ฟื้นตัว Top Pick เลือก CRC, IVL และ TKN ส่วนพอร์ตจำลองวานนี้ลดหุ้น AP และ SPVI ให้จัดเงินเข้าลงทุนใน CRC, IVL, TKN
EPS ปี 63 น่าจะเหลือ 57 +/- 1 บาท เลือกหุ้นกำไร 2H63 ฟื้นตัวชัด
สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP งวด 2Q63 หดตัว 12.2% ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าน่าจะหดตัว 15% YoY เมื่อพิจารณาไปที่องค์ประกอบของเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจพบว่าเกือบทั้งหมดหดตัวเว้นเพียงการใช้จ่าย และการลงทุนภาครัฐที่เติบโตเป็นแรงขับเคลื่อน พร้อมกันนี้ได้ปรับลดประมาณการ GDP Growth ปี 2563 ลงเป็น -7.5% สำหรับมุมมองของฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการ -8.4% ไว้ตามเดิม โดยเห็นความเสี่ยงใน 2 เรื่องที่สำคัญได้แก่ การยังไม่สามารถประเมินจุดสิ้นสุดของ Covid-19 ได้ชัดเจน และ สถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงมากขึ้นตามลำดับอันจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย สำหรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนงวด 2Q63 ออกมาอยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท ถือเป็นโซนที่ต่ำกว่าศักยภาพการทำกำไรในภาวะปกติมราว 50% ประเมินว่าจะเห็นการปรับลดประมาณการ EPS ปี 2563 ของบริษัทจดทะเบียนอีกครั้งเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ราว 57 +/-1 บาท/หุ้น โดยคาดว่าจะเห็นการฟื้นกลับของการทำกำไรใน 2H63 อย่างชัดเจน พอร์ตการลงทุนวานนี้มี Stop Profit หุ้น AP และ Cut Loss หุ้น SPVI ให้จัดเงินเข้าลงทุนใน CRC 15% และเพิ่ม IVL และ TKN อย่างละ 5% Top Pick เลือก CRC, IVL และ TKN
Trade war ผ่อนคลาย แต่ Tech war ยังอยู่
(+)ความตึงเครียดประเด็น Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนผ่อนคลายช่วงสั้น ภายหลังเมื่อเย็นวานนี้ประธานาธิบดีทรัมป์เผยว่า จีนเตรียมนำเข้าสินค้าเกษตร และพลังงานจากสหรัฐเพิ่มเติม โดยเฉพาะพลังงาน คาดว่าจะเป็นการเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบประมาณ 20 ล้าน บาร์เรล ในระหว่างเดือน ส.ค. – ก.ย. 2563
(-) อย่างไรก็ตามสหรัฐกลับยังเดินหน้ากดดันจีนผ่าน Tech war อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐออกคำสั่งห้ามบริษัทผู้ผลิตชิปที่ใช้ Software และอุปกรณ์ของสหรัฐในการผลิตขายชิปของตนให้กับ Huawei และบริษัทในเครือรวม 38 บริษัท หากไม่มีใบอนุญาต (เดิมห้ามเฉพาะผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐ) คำสั่งล่าสุดของสหรัฐส่งผลกระทบต่อบริษัท Huawei โดย Bloomberg ประเมินว่าอาจทำให้ Huawei มีชิปสำหรับผลิตเพียงพอถึงแค่สิ้นปี 2563 (ปัจจุบันมี 152 บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ นับตั้งแต่ Huawei โดนอเมริกาขึ้ยบัญชีดำในเดือน พ.ค. ปี 2062
โดยรวม ASPS ประเมินว่าทิศทาง Trade war ในอนาคตน่าจะผ่อนคลายลง (สิ่งที่ตลาดกังวลในครั้งนี้คือ ทั้ง 2 ฝั่งตกลงกันไม่ได้ และทั้ง 2 ฝั่งกลับมาขึ้นภาษีนำเข้ารอบที่เหลือ คือ รอบ 4.2 ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจโลก) แต่ดูเหมือนว่าสหรัฐคงจะเลือกที่จะมุ่งไปที่ Tech war มากกว่า โดยยังประเมินเป็นความเสี่ยงต่อหุ้นกลุ่ม Technology อื่นๆ ที่อาจจะโดนหางเลข
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลก วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% โดยปัจจัยหนุนมาจากทั้ง 2 ฝั่ง คือ Demand ได้แรงหนุนจาก Trade war ที่ผ่อนคลาย ดังที่กล่าวข้างต้น และฝั่ง Supply หนุนจากรายงาน OPEC+ Meeting ในเดือน ก.ค. เผยสรุปผลการตัดลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ เป็นไปตามข้อตกลง คือ ตัดลงการผลิตถึง 97% …และเป็นการตัดลดกำลังการผลิตมาสุดในประวัติการณ์ ถือเป็น + หุ้นในกลุ่มน้ำมัน PTTEP (Switch: FV@B100) PTT (Buy: FV@B42)
GDP 2Q63 หดตัว -12.2%yoy ดีกว่าคาด
เศรษฐกิจไทย(GDP) งวด 2Q63 อยู่ที่ 2.34 ล้านล้านบาท หดตัว -12.2%yoy (-9.7%qoq) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี (ตั้งแต่งวด 2Q41 เคยหดตัวหนักกว่ารอบนี้ คือ –12.5%yoy) แต่ถือว่าดีกว่าที่ตลาด และ ASPS คาด -13.7%yoy -15%yoy ตามลำดับ จากผลกระทบ COVID-19 ในงวด 2Q63 ทำให้รัฐบาลจำกัด/ห้ามกิจกรรมเศรษฐกิจเกือบทุกภาคส่วนๆ กดดันฟันเฟืองเศรษฐกิจเกือบทุกตัวหดตัวแรง yoy ยกเว้น การบริโภคภาครัฐ และลงทุนรัฐ ที่ขยายตัว 1.4%และ12.5%
โดย GDP งวด 2Q63 ที่ออกมาเมื่อรวมกับงวด 1Q63 ที่หดตัว 1.8% ทำให้ GDP 1H63 หดตัวเฉลี่ย 7%yoy ถือว่ายังต่ำเมื่อเทียบกับ ASPS คาดทั้งปี 2563 หดตัว 8.4%yoy อย่างไรก็ตาม ASPS ยังคงคาดการณ์ GDP ทั้งปี 2563 ไว้ที่เดิมทั้งนี้เนื่องจาก
1. พิจารณาเป้าสมมุติฐาน (C, I, G, X, M) ทั้งปี 2563 ที่เราคาด VS. ข้อมูลจริงที่ออกมาช่วง 1H63 และประเมินแนวโน้มในอนาคต พบว่ายังเป็นไปได้ และใกล้เคียงกับสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจของรัฐ (ดังตาราง)
2. Downside ต่อประมาณการณ์เศรษฐกิจยังมีอยู่หาก 1.) สถานการณ์การเมืองที่มีแนวโน้มร้อนแรงมากขั้น และ 2.) โอกาสที่จะเห็นการกลับมาแพร่ะบาด Covid-19 ในไทยรอบใหม่ ที่อาจกระทบต่อการเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
3.ทิศทางเศรษฐกิจคู่ค้าหลักในช่วง 2H63 จะชะลอหรือกลับมาฟิ้นตัวมากกว่าคาด?? เพราะจะมีผลต่อ สมมติฐานคาดการณ์ GDP สำคัญ คือ การส่งออกสัดส่วนราว 68% GDP ปี 2562) สมมติฐานปัจจุบัน ASPS คาดทั้งปี -13.7% เทียบกับส่งออก 6M63 เฉลี่ย -6.7% และภาคท่องเที่ยว(สัดส่วนราว 20% GDP ปี 2562) ธปท. คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2563 เหลือ 6.7 ล้านคน 7M63 นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 6.69 ล้านคน (ดังตาราง)
รอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบใหม่ คาดชัดเจนสัปดาห์หน้า
ในประเทศ ASPS ให้น้ำหนัก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของทีมเศรษฐชุดใหม่ ล่าสุด มีความชัดเจนขึ้นหลังจาก รมว.คลัง เข้ากระทรวงและแจกจ่ายนโยบายเมื่อวานนี้ และเผยว่าในช่วงที่เหลือ 2 สัปดาห์ของเดือน ส.ค. จะผลักดันมาตรการทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือ ประชาชนและ SMEs ในช่วง 2H63 โดยตาม Timeline จะเริ่มจาก
19 ส.ค ภาครัฐและเอกชนเสนอมาตรการข้อดี/ข้อเสียมาให้ (ศบศ.) มี นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิจารณา และจะเสนอ ครม.พิจารณาในระยะอาทิตถัดไป
27 ส.ค. รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่าจะหารือร่วมกับ 4 กระทรวง คือกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงคมนาคมกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.
โดยรวมเชื่อว่าจะเกิดกระแสการเก็งกำไรจากหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐดังตาราง
สรุป Earning 2Q63 เลือกหุ้นโตเด่นครึ่งปีหลัง CRC, IVL, TKN
ผ่านพ้นช่วงการรายงานงบ 2Q63 พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิงวด 2Q63 อยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท (ลดลง 46%YoY) ส่งผลให้ช่วง 1H63 มีกำไรรวมกันทั้งสิ้น 1.97 แสนล้านบาท (ลดลง 59%YoY)
เบื้องต้นประมาณการกำไรทั้งปี 2563 ของฝ่ายวิจัย ASPS แบบ Real Time อยู่ที่ 6.2 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS63F ที่ 57.28 (+- 1 บาท/หุ้น) เนื่องจากยังเหลือการปรับประมาณการในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กบางบริษัท
และหากดูจากประมาณการสะท้อนให้เห็นว่า มุมมองของฝ่ายวิจัย ช่วง 2H63 บริษัทจดทะเบียนจะทำกำไรเฉลี่ย ได้ไตรมาสละ 2 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าเริ่มกลับมาใกล้ศักยภาพกำไรในระดับปกติที่บริษัทจดทะเบียนทำได้ (ราวๆ ไตรมาสละ 2 – 2.5 แสนล้านบาท)
ดังนั้นทั้งภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวต่อจากนี้ น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นดูสดใสขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา กลยุทธ์เลือกหุ้นที่เติบโตเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง เสริมด้วยปัจจัยหนุนต่างๆ เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของน้ำมันในช่วงสั้น อย่าง IVL รวมถึงหุ้นที่รอมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ CRC, TKN มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
CRC (FV @ 33.50) ข้อมูลล่าสุดหลังร่วมประชุม CRC เป็นบวก โดยยังเห็นแนวโน้มฟื้นตัวเร็วและแกร่งขึ้นหลัง COVID-19 นำโดย 1) ยอดขายมิ.ย.63 ฟื้นตัวระดับใกล้เคียงก่อน COVID-19 หลักๆจากยอดขายออนไลน์ที่รักษาระดับสูงใกล้ช่วง Lockdown ยืนยันภาพโอกาสในการรักษาฐานธุรกิจค้าปลีกที่มีและศักยภาพขยายตัวผ่านช่องทางใหม่ในอนาคต, 2) ประสิทธิภาพทำกำไรที่ดีขึ้น จากทั้งผลบวกการบริหารค่าใช้จ่ายบางส่วนที่คาดหวังลดลงถาวร + Gross margin ฟื้นตัวหลังผ่านช่วงเลวร้าย 2Q63 หนุนภาพรวมคาดฟื้นตัวเด่นใน 2H63 จาก 1H63 ทั้งนี้ อาจยังลดลง yoy อยู่บ้าง เนื่องจากยอดขายออนไลน์ชดเชยหน้าร้านที่ค่อยๆฟื้นไม่ทัน กอปรกับ 1H63 แย่กว่าคาด จึงปรับลดกำไรปี 2563-64 ลดลง อย่างไรก็ตาม หลักๆเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น โดยฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ CRC จากแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว และความสำเร็จ Omni-channel ยืนยันโอกาสเป็นผู้ชนะกลุ่มค้าปลีกระยะยาว มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 63 อิง DCF ลดลงเล็กน้อยมาที่ 33.5 บาท (เดิม 35.5 บาท) ยังมี Upside ลงทุน คงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินระดับราคาปัจจุบันเป็นโอกาสลงทุน รอรับการฟื้นตัว รวมถึงลงทุนหุ้นค้าปลีกที่มีศักยภาพผู้ชนะในระยะยาว จากช่องทาง Omni-channel
TKN (FV @ 11.00) กำไรปกติ 2Q63 อยู่ที่ 102 ล้านบาทฟื้นตัวแรง 30% QoQ จากการบริหารค่าใช้จ่ายการตลาด ผ่านช่องทาง online มากขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนสาหร่ายอยู่ในระดับต่ำ ส่วนแนวโน้ม 2H63 ฟื้นตัวต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นฤดูกาลขายในจีน ส่วนตลาดในประเทศมีทิศทางดีขึ้นจากการคลาย lock down ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรปกติปี 2563 อยู่ที่ 426 ล้านบาท (+8% yoy) ขณะที่มีประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.11 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 ส.ค.63 นี้ ถือเป็นหนึ่งแรงจูงใจสำหรับนักลงทุนในยามตลาดผันผวน
IVL (FV @ 32.00) กำไรสุทธิ 2Q63 เท่ากับ 154 ล้านบาท ลดลง 73%qoq เนื่องจากไม่มีรายได้พิเศษหนุนเช่นงวดที่ผ่านมา แต่หากพิจารณา Norm Profit พบว่าเติบโตสูงถึง 47.8%qoq มีมุมมองบวกต่อทิศทางกำไรในช่วง 2H63 จะสดใสขึ้นจากทั้งปริมาณขาย และ spread ผลิตภัณฑ์โดยรวมที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ผ่านการปรับฐานสะท้อนความกังวลต่างๆที่เกิดขึ้นไปในระดับหนึ่งแล้ว จนมี valuation ที่น่าสนใจ มองเป็นโอกาสทยอยสะสมลงทุน
RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
ภวัต ภัทราพงศ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web