- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 October 2014 16:15
- Hits: 2139
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดลบเล็กน้อย 0.53 จุด มาอยู่ที่ 1,526.14 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 36,278 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติเป็นกลาง แม้ว่าจะกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 867 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures 3,516 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 3,835 ล้านบาท สะท้อนมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อการลงทุนในไทยเป็นกลาง
ภาวะการลงทุนในวันนี้ MBKET ประเมินภาพ Sideways เช่นเดียวกับวานนี้ กรอบแกว่ง 1,520-1,535 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางมากยิ่งขึ้น เพราะใกล้ช่วงวันหยุดคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้งเงินทุนต่างชาติก็ชะลอการลงทุนในไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวของหุ้น KBANK / PTT ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนภาพตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้
แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียเช้าวันนี้จะเป็นบวกตามภาพ DJIA คืนวานนี้ ด้วยความคาดหวังเชิงบวกต่อการเริ่มเข้าซื้อ Covered Bond ของ ECB เป็นวันที่ 2 ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในอียูเริ่มขยับลงอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม
ปัจจัยสำคัญในวันนี้ ติดตามการประชุม กพช. ต่อการพิจารณาปฎิรูปโครงสร้างพลังงาน คาดว่าจะเป็นประเด็นการจัดเก็บภาษีในพลังงานแต่ละประเภท หลังกองทุนน้ำมันกลับมาเป็นบวกในอีก 10 วันข้างหน้า และอาจพิจารณาถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานระยะที่ 2 หลังขึ้นราคาก๊าซ LPG ยานยนต์ เท่ากับราคา LPG ภาคครัวเรือน ส่วนราคาก๊าซ NGV อาจมีการหารือในการประชุมนัดนี้ได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นบวกต่อ PTT
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำให้ “เก็งกำไรบางส่วน เมื่อราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย และขายทำกำไรเมื่อ SET INDEX ดีดตัวขึ้น เป้าหมายระลอกนี้ 1,550 จุด+/-“
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” PTT / TTA
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: PTT / TTA
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,530 จุด
คาด SET INDEX วันนี้แกว่งแคบมากขึ้น 1,520-1,535 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางมากขึ้น
KBANK / PTT จะยังเป็นหุ้นชี้นำทิศทาง SET INDEX ในช่วงนี้
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI เป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรในระลอกของการดีดตัวช่วงสั้น
กลยุทธ์การลงทุน ทยอยสะสมหุ้นหลักตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวกเพียงไม่กี่ตลาดเท่านั้น ส่วนใหญ่เผชิญกับแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดหุ้นเอเชียขึ้นมาแรงในวันก่อนหน้า
ด้านตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะฟื้นตัวในช่วงเปิดตลาด ทดสอบแนว 1,530 จุด ผลักดันโดย KBANK / PTT เช่นเคย แต่ก็เกิดแรงขายออกมามากขึ้น ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง โดยหุ้นขนาดกลาง เริ่มปรับฐานมากขึ้น อย่าง CK / TPIPL / PTTEP เป็นต้น กดดันให้ SET INDEX ย่อตัวลงทดสอบกรอบแนวรับ 1,520-1,525 จุด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,526.14 จุด ลบเล็กน้อย 0.53 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 36,278 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ +4.36%, กลุ่มเหล็ก +2.73% และกลุ่มโรงพยาบาล +1.93% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่ม ICT -0.39%, กลุ่มธนาคาร -0.28% และกลุ่มพลังงาน -0.18%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.34 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวก โดยเฉพาะ Nikkei บวกเด่น หลังรายงานการส่งออกเดือนก.ย.เติบโตสูงสุดในรอบ 7 เดือน
ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ คงมุมมองเป็น “กลาง” วันที่ 19 พร้อมประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX แคบลงเป็น 1,520-1,535 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายเบาบางมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในช่วงท้ายของสัปดาห์เป็นช่วงวันหยุดคาบเกี่ยวของตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศชะลอการลงทุนเช่นกัน
ทั้งนี้ SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบ 1,535 – 1,540 จุด หาก
•เกิดแรง Covered Short หุ้นหลักที่ทำ SBL ไปในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา รวม 1,362 ล้านบาท โดยหุ้นที่ถูก SBL สูงสุด 10 อันดับแรกได้แก่
•หากผลการประชุม กพช.วันนี้มีการพิจารณาและมติอนุมัติการขึ้นราคาก๊าซ NGV ระยะที่ 2 เพื่อให้ราคาขยับขึ้นสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น ย่อมเป็นบวกต่อ PTT ทางตรง
สำหรับปัจจัยต่างประเทศตลอด 3 สัปดาห์ ต่อจากนี้ไป มีประเด็นเชิงบวกและเอื้อต่อการเก็งกำไรในตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนี้
•วันที่ 20-23 ต.ค. จะมีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามแผนที่ประกาศไว้ รวมถึงการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งนี้ตลาดต่างคาดหวังที่จะเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่อนคลายการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และการออกขายตราสารหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน MBKET เชื่อว่าหากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตัดสินใจ เพิ่มมาตรการด้านเศรษฐกิจ จะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่เป็นบวก
•วันที่ 28-29 ต.ค. การประชุม FOMC ด้วยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจในอียูที่สูญเสียโมเมนตัมของการเติบโต บวกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ กลายเป็นข้ออ้างที่เฟดอาจใช้ เพื่อคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำต่อไปอีก หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมนัดนี้ MBKET ประเมินถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะฟื้นตัวก่อนการประชุมเฟดในนัดนี้ได้ ต่อประเด็นเสี่ยงดังกล่าว
•วันที่ 31 ต.ค. การประชุม BoJ อาจเห็น BoJ ตัดสินใจขยายฐานงบดุลของตนเอง เพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน และลดต้นทุนทางการเงินโดยรวมในระบบการเงิน เพื่อกระตุ้นการบริโภค และการลงทุน ให้ฟื้นตัว
•วันที่ 6 พ.ย. การประชุม ECB ณ ปัจจุบัน ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในอียู ส่งสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวเช่นกัน อาจทำให้ ECB ต้องตัดสินใจ ชี้แจงรายละเอียดของโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ MBKET ประเมินว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะตัดสินใจของรัฐบาลอียู เพื่อเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศสมาชิกในกลุ่มอียู เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และภาคธุรกิจ ดังที่เคยทำและประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 2554
ภาพ SET INDEX ในสัปดาห์นี้ยังคงผันผวน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “นักลงทุน ทยอยสะสมหุ้นหลัก เมื่อราคาปรับตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,550 จุด +/- ในส่วนแรก หรืออาจพิจารณาขายทำกำไร เมื่อราคาหุ้นเป้าหมาย ขยับขึ้นแรง เพื่อปิดความเสี่ยงในภาวะผันผวนช่วงนี้
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการประกาศงบการเงิน DTAC ในวันนี้: MBKET ประเมินกำไรสุทธิ 3Q57 เท่ากับ 2,648 ล้านบาท ลดลง 11.9% qoq และ 5.4% yoy จาก รายได้ที่คาดว่าชะลอตัวลง QoQ และ YoY ขณะที่ Regulatory cost ลดลงในอัตราที่ชะลอตัว ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาทิ Network Opex, ค่าเสื่อมราคา และ SG&A ยังคงเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเครื่องยังคงติดลบและคาดว่าติดลบมากขึ้น
MBKET แนะนำการลงทุนผ่าน ADVANC จะมีความน่าสนใจมากกว่า DTAC ทั้งในแง่ของงบ 3Q57 ที่เราประเมินกำไรสุทธิในรอบนี้ เท่ากับ 8,807 ล้านบาท เติบโต 4.0% qoq และ 5.0% yoy แม้ว่าจะเป็น Low season ของธุรกิจ ADVANC ก็ตาม
2.ติดตามการประชุม กพช. วันนี้: คาดประเด็นหารือในวันนี้ได้แก่
•การจัดเก็บภาษีสรรพาสามิตร ของพลังงานแต่ละประเภท หลังคาดการณ์กองทุนน้ำมันจะกลับมาเป็นบวกภายใน 10 วันต่อจากนี้ เพื่อให้ราคาพลังงานภายในประเทศ สะท้อนต้นทุนการผลิตและการตลาดที่แท้จริง รวมถึงการลดภาระของประชาชน
•การพิจารณาปรับราคาพลังงานให้สะท้อนต้นทุนระยะที่ 2 หลังวันที่ 20 ต.ค. กบง. ให้ขึ้นราคาก๊าซ LPG อีก 0.63 บาท/ กก. สำหรับภาคขนส่ง ทำให้ราคา LPG ของภาคขนส่ง เท่ากับ ภาคครัวเรือน ดังนั้นประเด็น ราคาก๊าซ NGV อาจมีการหยิบมาหารือในการปรับระยะที่ 2 ได้ในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะเป็นบวกต่อ PTT ทางตรง
3.ตลาดกลับมาคาดหวังต่อการเริ่มอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินของ ECB: ตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา ECB ได้เริ่มเข้าซื้อ Covered bond ของฝรั่งเศส ในวันที่ 20 ต.ค. ส่วนวานนี้ เป็นของอิตาลี แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานถึงปริมาณเงินที่เข้าซื้อก็ตาม แต่ด้วยจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกกลับให้เป็นบวก จากการเริ่มโครงการดังกล่าว จากก่อนหน้าที่มีความเห็นเป็น “กลางถึงลบ” หลัง ECB ประกาศแผนการเข้าซื้อดังกล่าว สะท้อนบรรยากาศการลงทุนยังมีความผันผวนอยู่ไม่น้อย ขึ้นอยู่กับข่าวสารข้อมูลที่เข้ามาในแต่ละช่วงเวลา
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.59 13.38 15.59 13.39
PSE 19.83 17.14 19.63 16.91
JSE 16.26 13.86 16.30 13.88
KOSPI 9.86 8.59 9.83 8.56
TAIEX 13.65 12.53 13.65 12.53
Straits Time 14.09 12.98 14.01 12.91
SHCOMP 9.38 8.32 9.42 8.36
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTT : ราคาปิด 353.00 บาท ราคาเหมาะสม 400.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้น PTT จะเคลื่อนไหว Outperform ตลาด จากแรงเก็งกำไรการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ในวันนี้
b)คาดว่าหากมีความชัดเจนต่อการปรับเพิ่มราคา LPG และ NGV ว่าจะทำได้ต่อเนื่องในปีหน้า จะเป็นบวกโดยตรงต่อหุ้น PTT เนื่องจากจะส่งผลให้มีผลขาดทุนจากทั้ง 2 ธุรกิจลดลง
c)โดยการปรับเพิ่มราคา LPG ในระยะแรกจะยังไม่ส่งผลบวกโดยตรงต่อ PTT เนื่องจากจะไปลดภาระของกองทุนน้ำมัน แต่การปรับเพิ่มราคา NGV ทุก 1.00 บาทจะส่งผลบวกโดยตรงต่อประมาณการกำไรของ PTT ราว 2,570 ล้านบาท หรือเทียบเท่า EPS 0.89 บาท
d)ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.7 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 3.7%
2.TTA : ราคาปิด 20.60 บาท ราคาเหมาะสม 32.10 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มเรือเทกองมีแนวโน้มฟื้นตัวในวันนี้ หลังดัชนีค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง 177 จุด เป็น 1,090 จุด
b)จากปัจจัยหนุนหลังตัวเลข GDP 3Q57 ของจีนวานนี้ เพิ่มขึ้น +7.3% yoy ดีกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ +7.2% yoy
c)และได้แรงหนุนจากฤดูกาล เนื่องจาก 4Q57 เข้าสู่ High Season ของธุรกิจเรือเทกอง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ความต้องการใช้เรือเทกองเพื่อขนส่งสินค้า เช่น ถ่านหิน และธัญพืชเพิ่มสูงขึ้น
d)คาดกำไรสุทธิปี 2557/2558 พลิกเป็นกำไร 988 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 5,080 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และเติบโตสูงในปี 2559 เพิ่มขึ้น +146% yoy เป็น 2,419 ล้านบาท จากแรงหนุนของทุกธุรกิจ ได้แก่ เรือเทกอง, เรือขุดเจาะ, อาหาร และปุ๋ย ที่เติบโตทุกส่วน
e)ราคาหุ้นซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 0.8 เท่า ต่ำกว่า PSL ที่ 1.2 เท่า และมีปัจจัยบวกรออยู่คือการบริษัทลูก PMTA เข้า IPO ใน 1Q58
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้กลับมาขายสุทธิ US$171 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$168 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -84.2 90.5 9,735.6 9,188.0
KOSPI -41.1 4.5 5,698.8 4,875.1
JSE -6.8 63.0 3,781.5 -1,806.4
PSE -9.1 -3.4 777.7 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -2.9 -1.8 152.4 263.2
SET INDEX -26.9 14.9 -421.9 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่ชัดเจน
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -867 +481
SET50 Index Futures (สัญญา) +3,516 -1,896
SSF (สัญญา) -4,596 -194
Metal Futures (สัญญา) +420 -373
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +3,835 -1,618
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 867 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิมากขึ้นเป็น 15,452 ล้านบาท
ขณะที่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 3,516 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short เมื่อ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือเพียง 0.79 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 1.72 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 3,835 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยฟื้นตัว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 1.98bps ปิดที่ 3.219%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 771 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 592 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 158.07 9.75% 233.96
PTTEP 57.42 6.88% 143.42
HMPRO 52.15 26.81% 9.02
CK 47.76 5.32% 24.52
ITD 41.86 16.14% 5.07
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 สะสมกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง แต่กลับลดน้ำหนักใน ICT ต่อเนื่องเช่นกัน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 300 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,548 ล้านบาท โดยกลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการสะสมหุ้นหลักกลับ หลังงบ 3Q57 ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ ภาพรวมสรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 420 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 731 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 91 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 174 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 73 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 376 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 338 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 66 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 587.22 29.14 ADVANC -280.01 19.16
INTUCH 174.50 34.77 TRUE -236.37 13.05
PTT 81.91 12.77 BBL -137.64 9.49
TCAP 67.64 22.00 PTTEP -103.72 10.26
CK 59.62 6.34 KTB -95.41 29.63
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong