กลยุทธ์ลงทุนรายวัน 

วันอังคารที่ผ่านมา SET ปรับขึ้น แรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพัฒนาการวัคซีน โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,336.84 (+14.83 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 3.7 หมื่นล้านบาท)  

โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 469 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,485 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 3,212 สัญญา)

BBL (ราคาเป้าหมาย 125 บาท) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับตัวขึ้น เพิ่มแรงเก็งกำไรต่อกลุ่มธนาคาร และนักลงทุนสถาบันลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มนี้มาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้า ทำให้เข้าสู่ Underown เพิ่มความน่าสนใจในการเก็งกำไรมากยิ่งขึ้น

ยังคงมีพัฒนาเชิงบวกของวัคซีนอย่างต่อเนื่อง : ในวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้ประกาศว่า รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 และกระทรวงสาธารณสุขรัสเซียได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าวแล้ว โดยหากพิจารณาวัคซีนตัวนี้จะพบว่าปัจจุบันอยู่ในการทดลองระยะที่ 2 เท่านั้น (ทดลองทางคลินิคกับมนุษย์ได้เพียง 2 เดือน) ซึ่งในช่วงถัดไปก็จะเข้าสู่การทดลองกับกลุ่มใหญ่ในระยะที่ 3 ดังนั้นคาดจะเป็นเพียงการใช้งานในรัสเซียเท่านั้น และทางด้าน WHO ก็น่าจะยังไม่รองรับอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามจากข่าวความคืบหน้าดังกล่าว ก็ช่วยเพิ่มแรงเก็งกำไรในหุ้นที่โดนผลกระทบจาก COVID-19 เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ปรับตัวขึ้นเด่นในวันอังคารที่ผ่านมา โดยในช่วงถัดไปหากพัฒนาการของวัคซีนมีมากขึ้น ก็คาดจะช่วยเพิ่มจิตวิทยาเชิงบวกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นธีมการลงทุนในน่าสนใจ อาจแนะทยอยสะสมหุ้นที่มีพัฒนาการบวกในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงหุ้นที่นักลงทุนสถาบันถือครองน้อยในช่วงที่ผ่านมา (Underown) โดยกลุ่มที่น่าจับตา เช่น อิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE), ขนส่ง (BEM, BTS), ไฟฟ้า (GPSC, CKP), ธนาคาร (BBL, KBANK), ท่องเที่ยว (MINT, CENTEL), ค้าปลีก&อาหาร (CPALL, M) เป็นต้น    

Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,325 ต้าน 1,350 จุด เน้นกลุ่มที่มีโมเมนตัมครึ่งหลังดี และหุ้น Value + Underown โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “BBL, KCE, GPSC”

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น : หากดัชนีทะลุผ่าน 1345 จุดได้ แนะนำถือต่อเพื่อรันเทรน

ไม่มีหุ้น :  รอซื้อตามเมื่อดัชนีขึ้นทะลุแนวต้าน 1345 จุด และไปขายทำกำไรที่บริเวณ 1360 จุด