- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 August 2020 16:40
- Hits: 5840
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 11-8-2020
---Market Wrap-Up---
•SET ปิดวันที่ 10 ส.ค.63 ปิด -2.39 จุด อยู่ที่ 1,322.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,417 ลบ.ต่างชาติซื้อ 262 ลบ. สถาบันขาย 1,197 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 237 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 398 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น CBG,MTC,PTT,EA,CPN และมียอดขายหุ้น AOT,PTTEP,CPALL,STGT,TCAP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 421 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ CBG,EA,KBANK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 2,083 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 98,943 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 827 ลบ.
•ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +1.30% , S&P500 +0.27% และ Nasdaq +0.39% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน, อุตสาหกรรม ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกคำสั่งขยายมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบไวรัส Covid-19 ระหว่างรอสภาคองเกรสทำข้อตกลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จภายในสัปดาห์นี้ ส่วนรายงานทางเศรษฐกิจนั้นอัตราการเปิดรับสมัครงาน มิ.ย. +4.1% & พ.ค. +3.9% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด +0.30% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน, ธนาคาร, การเดินทางและสันทนาการ หลังแนวโน้มเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น โดยรายงานดัชนี PPI จีน ก.ค. -2.4 % หดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับ มิ.ย. -3 %
---Market View---
•ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังซาอุฯ อารามโกเผยอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียเริ่มฟื้นตัว ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้ตัว หลังรายงานดัชนี CPI ก.ค. +2.7% เพิ่มขึ้นเทียบกับ มิ.ย. +2.5% สำหรับการหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจากผลกระทบไวรัสระบาดนั้น รมว.คลังสหรัฐ นายมนูชิน คาดสภาคองเกรสน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในสัปดาห์นี้ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกคำสั่งขยายเงินช่วยเหลือคนว่างงาน 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ ระหว่างรอการเจรจา ส่วนข้อขัดแย้งสหรัฐ – จีน นั้น วานนี้จีนได้ตอบโต้ด้วยการสั่งแบนเจ้าหน้าที่สหรัฐ 11 ราย ซึ่ง 2 ท่านเป็น สว.ของพรรครีพับลิกัน สัปดาห์นี้วันที่ 15 ส.ค. ยังต้องรอการรีวิวข้อตกลงการค้าสหรัฐ – จีน ในช่วงครึ่งปีแรก โดยจีนได้สั่งซื้อสินค้าสหรัฐเพียง 4 หมื่น ล.ดอลลาร์ ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าปีนี้ที่ 1.7 แสน ล.ดอลลาร์ จากปัจจัยดังกล่าวคาดดัชนีต่างประเทศมีโอกาสทรงตัวรอปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว สำหรับดัชนี SET วานนี้ทรงตัวด้วยปริมาณการซื้อขายเพียง 3.7 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1.1 พัน ลบ. อยู่ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. Q2/63 โดยวานนี้ PTT รายงานกำไร 1.2 หมื่น ลบ. ดีกว่าคาดการณ์ตลาด 16 % ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่รายกำไร Q2/63 โดดเด่น เช่น DCC, SINGER, SMPC, RS ตลาดยังรอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ครม.ชุดใหม่
---Daily Strategy---
•ดัชนี SET คาดทรงตัวในช่วงวันหยุดกลางสัปดาห์และรอประเมินการหารือการค้าสหรัฐ - จีน โดยวางแนวรับที่ 1,310 – 1,320 จุด แนวต้าน 1,330 – 1,340 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTGC, PTTEP (+ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นรับอุปสงค์ในตลาดเอเชียดีขึ้น )
•TKN ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายอยู่ระหว่างการปรับประมาณการ*) ช่วงเช้ามีการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 โดยมีกำไรสุทธิออกมาที่ 88.92 ลบ. ชะลอตัวลง -7.8%YoY, +3.8%QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาด +4.2% แต่ใกล้เคียงกับที่เราคาด โดยในไตรมาสนี้รายได้จากการขายชะลอตัวลง -22.3%YoY ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนักท่องเที่ยวที่หายไปและการบริโภคที่ลดลงในช่วง Covid-19 ทั้งนี้รายได้ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นรายได้จากในประเทศ (-54%YoY, -40%QoQ) ตามเหตุผลที่เราได้กล่าวมาข้างต้น แต่สำหรับรายได้จากต่างประเทศยังทรงตัวโดยชะลอตัวลง -1.1%YoY แต่ขยายตัว +8.8%QoQ ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีเราคาดว่าการบริโภคในประเทศจะค่อยๆฟื้นตัว ทำให้ยอดขายเร่งตัวขึ้นได้ ปัจจุบันเรากำลังทบทวนประมาณการและมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มประมาณการและอาจจะขยับไปใช้ราคาเป้าหมายของปี 2564 ดังนั้นในระยะสั้นเราจึงแนะนำให้ซื้อเก็งกำไร
•PTT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท) PTT 2Q63 มีกำไรสุทธิ 12,053 ล้านบาท พลิกจากงวด 1Q63 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,554 ล้านบาท แต่ยังลดลง -54%YoY โดยหากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 6.7 พันล้านบาท กำไรสต๊อกฯ ของธุรกิจน้ำมัน 576 ล้านบาท และผลขาดทุนจากธุรกรรมป้องกันความเสี่ยง 3.6 พันล้านบาท ผลการดำเนินงานปกติมีกำไรอยู่ที่ 8.3 พันล้านบาท ฟื้นตัว QoQ หลักๆ เป็นเพราะ 1) ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีการรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมันเทียบกับ 1Q63 ที่ขาดทุนเป็นจำนวนมากและ Market GRM ปรับเพิ่มขึ้นจาก Crude Premium ที่ลดลง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ทยอยปรับขึ้นช่วงปลายไตรมาส 2) ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศดีขึ้นจากโอกาสในการทำ Arbitrage 3) ธุรกิจไฟฟ้าจาก GPSC ดีขึ้นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง ช่วยชดเชยการอ่อนตัวของธุรกิจ E&P ที่ถูกกระทบจากราคาและปริมาณขาย รวมถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่อ่อนลงโดยหลักจากโรงแยกก๊าซฯ ที่มีการปิดซ่อม และราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง หลังจากนี้คาดเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H63 ตามระดับราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ธุรกิจ E&P และโรงแยกก๊าซมีแนวโน้มดีขึ้นจากทั้งราคาและปริมาณขาย ส่วนการ IPO ตัว OR ยังมีโอกาสเข้าตลาดในช่วง 4Q63 ดังนั้นเราจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 42.00 บาท
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web