ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวผันผวนโดย Sideways ในช่วงเช้าก่อน ขณะที่ช่วงบ่ายมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นและทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,345 จุดก่อนที่จะเผชิญแรงขายกดดันให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 4.13 จุด ณ สิ้นวัน กลุ่มที่นำตลาดคือปิโตรเคมีและสื่อสาร ส่วนกลุ่มที่ถ่วงตลาดคือพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 552 ลบ.และ 608 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures สูงถึง 1.16 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,325-1,345 จุด แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯจะลดลงเหลือ 1.2 ล้านคน แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (คาดเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านคน) และอัตราว่างงาน (คาดที่ 10.5%) นอกจากนี้ต้องติดตามการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ ส่วนกลางเดือนติดตามการพูดคุยของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-จีนเพื่อประเมินผลของข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกซึ่งอาจกดดันบรรยากาศการลงทุน ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังปรับครม.แล้วเสร็จ ระยะสั้นเรายังเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 2Q20 แข็งแกร่งตามรายชื่อด้านล่าง และยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในจังหวะอ่อนตัวของดัชนีลงใกล้ระดับ 1,300+- โดยหากมีพัฒนาการเชิงบวกของวัคซีนในเฟส 3 เราแนะนำให้ Switch ไปลงทุนกลุ่ม Global Play ทันที

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับฐานบริเวณ 1,300 จุด+-

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : CPALL, GULF, PTG, SC, STGT

หุ้นเด่นวันนี้: CHG

- แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท

- เราคาดกำไรปกติ 2Q20 -27% Q-Q แต่ยังสามารถทรงตัว Y-Y แม้จะถูกกระทบจาก COVID-19 แต่มีรายได้ประกันสังคมซึ่งปรับขึ้นค่าหัวตั้งแต่ต้นปีช่วยประคองและพึ่งพารายได้จากต่างชาติต่ำ

- แนวโน้มรายได้ใน 2H20 คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวตามการ Reopen ขณะที่โรงพยาบาลใหม่อย่างจุฬารัตน์ 304 และรวมแพทย์ ฉะเชิงเทราคาดจะพลิกมีกำไรใน 4Q20 เราคาดกำไรปกติปี 2020-2021 โต +6.8% Y-Y และ 21.1% Y-Y ตามลำดับ

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเร่งตัวขึ้นเป็น US$239 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวันและเกาหลีใต้ US$113 ล้านและ US$95 ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินพลิกมาไหลเข้า US$20 ล้าน มากสุดในกลุ่ม TIP แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้า โดยตลาดคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดของสหรัฐฯที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) หุ้นที่คาดมีกำไร 2Q20 แข็งแกร่ง AP BCH CBG CPF DRT GUNKUL ICHI MTC PRM PTG SC STGT TU XO (ตลาคคาดกำไร 2Q20 ของ SET -14% Q-Q, -60% Y-Y)

(0) โปรดเกล้าฯปรับครม.แล้ว ตำแหน่งสำคัญเป็นไปตามคาด คุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์เป็นรองนายกฯและรมว.พลังงาน คุณปรีดี ดาวฉายเป็นรมว.คลัง เป็นบวกในแง่การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังเพิ่มเติมเพื่อประคองผลกระทบจาก COVID-19 เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วนและการเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามคือเสถียรภาพของรัฐบาลระยะยาวจากการพลาดตำแหน่งของบางบุคคลในพรรคพลังประชารัฐ

(+) ADVANC ประกาศกำไรปกติ 2Q20 ดีกว่าคาด โดยหดตัว -7.5% Q-Q, -17% Y-Y จากผลกระทบของ COVID-19 โดยคาดเป็นจุดต่ำสุดของปีก่อนทยอยฟื้นตัวใน 2H20 แรงหนุนมาจากการคลาย Lockdown ซึ่งทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการแข่งขันที่ชะลอลง ขณะที่การเริ่มให้บริการ 5G จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตระยะยาวในปี 2021 เป็นต้นไป เราคาดกำไรปกติปี 2020 หดตัว -10.5% Y-Y ก่อนฟื้นตัว +2.2% ในปี 2021 ยังแนะนำ "ซื้อ" เป็น Top Pick

(+) TACC กำไรปกติ 2Q20 ดีกว่าคาดมาก +34% Q-Q, +13% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ แนวโน้ม 2H20 ยังดีต่อจากจำนวนลูกค้าเข้า 7-11 ที่มากขึ้น เราปรับกำไรปกติปี 2020-2021 ขึ้น 15-17% เป็น +19% Y-Y และ 10% Y-Y ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 7.40 บาท แนะนำ "ซื้อ" รับปันผล 1H20 0.13 บาท/หุ้น Yield 2.1%

(+) SMT พลิกมามีกำไรใน 2Q20 ครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาสตามคาดที่ 37 ลบ. แนวโน้ม 2H20 ดีต่อเพราะคำสั่งซื้อสูงขึ้นและคาดกำไรทั้งปี 2020 ที่ 75-80 ลบ. ส่วนปีหน้าคาดโตแรงเป็น 156 ลบ. จากการขยายฐานลูกค้า คาดจะล้างขาดทุนสะสมได้ในสิ้นปีนี้ เราประเมินราคาเป้าหมายปีหน้า 3.20 บาท แนะนำ "เก็งกำไร"

(-) BH-BDMS BH ประกาศกำไรปกติ 2Q20 ออกมาแย่กว่าคาด -94% ทั้ง Q-Q และ Y-Y จากรายได้ที่หดตัวแรงจาก COVID-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยต่างชาติที่หายไป เรามองเป็น Sentiment ลบต่อ BDMS จากส่วนแบ่งกำไรที่จะต่ำกว่าคาดและพึ่งพิงลูกค้าต่างชาติราว 30% เราคาดกำไรปกติ 2Q20 -69% Q-Q, -58% Y-Y เราแนะนำเพียง "ถือ" สำหรับ BH (ราคาเป้าหมาย 124 บาท) ส่วน BDMS (ราคาเป้าหมาย 28 บาท) ยังแนะนำ "ซื้อ"

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 185.46 จุด ปิดที่ 27,386.98 จุด จากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ รวมถึงหนุนจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวน 1.186 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 1.42 ล้านรายและต่ำสุดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.10% ในการประชุมวานนี้ และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 7.45 แสนล้านปอนด์

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ อาทิ ยอดนำเข้า ส่งออกและดุลการค้าเดือนก.ค.ของจีน , ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 41.95 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นต่อเนื่อง กระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 20.1 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 2,069.4 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ย

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1267.96 / +-

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

7 ส.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)

- สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ค.)

- จีน: นำเข้า-ส่งออก (ก.ค.)

- เยอรมนี: ดุลการค้า, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (มิ.ย.)

10 ส.ค. - จีน: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

11 ส.ค. - ออสเตรเลีย: ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ก.ค.)

- อังกฤษ: จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ (ก.ค.)

- เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ส.ค.)

- รัสเซีย: GDP 2Q20

Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530

Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077

www.fnsyrus.com

FB: Finansia Syrus Research