- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 29 July 2020 13:22
- Hits: 2084
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-7-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
เมื่อวันศุกร์ SET ย่อตัว แรงกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน ที่กลับมาเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,340.92 (-18.73 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.0 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 2,904 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,905 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 3,055 สัญญา)
TASCO (ราคาเป้าหมาย 28 บาท) คาดกำไร 2Q63 จะฟื้นตัวโดดเด่นที่ 1,350 ล้านบาท (+28%YoY) หลังขาดทุน 784 ล้านบาทในไตรมาสก่อน จากราคายางมะตอยที่ปรับตัวสูงขึ้นและอุปทานยางมะตอยตึงตัว และสัญญาณนี้จะยังโดดเด่นต่อเนื่องใน 3Q63
จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ US, วัคซีน และสงครามการค้า: แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์ในระยะสั้นอ่อนค่าต่อเนื่องโดยล่าสุด Dollar Index ทำจุดอ่อนสุดในรอบกว่า 2 ปี แรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯที่ยังคงเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯมียอดติดเชื้อสะสมกว่า 4.4 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 26% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก รวมถึงความคาดหวังต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ US รอบใหม่วงเงินกว่า 1 ล้านล้านเหรียญในเร็วๆนี้ ถือเป็นอีกปัจจัยที่เร่งการอ่อนค่าของดอลล่าร์ในระยะสั้น อย่างไรก็ดีปัจจัยนี้ส่งผลเชิงบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงราคาน้ำมันดิบโลกที่ยังคงทรงตัวเหนือระดับ 40 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในระยะสั้นยังค่อนข้างผันผวน โดยแนะจับตา 1) ประชุม FED คืนนี้ แนะติดตามท่าทีต่อเศรษฐกิจปัจจุบัน 2) ปัญหาสงครามการค้าที่กลับมาอีกครั้งหลังจีนตอบโต้โดยยึดสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูแล้ว 3) พัฒนาเชิงบวกต่อการทดสอบวัคซีนของหลายบริษัทยาระดับโลก
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways กรอบแนวรับ 1,325 ต้าน 1,360 จุด เน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “TASCO, OSP, HMPRO”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ถือต่อ เพื่อลุ้นการเด้งกลับของดัชนี รอขายทำกำไรตามแนวต้าน
ไม่มีหุ้น : สามารถเริ่มเข้าเก็งกำไรได้อีกครั้ง โดยแนะนำเป็นการทยอยสะสม
10 ยักษ์ร่วมชิงสายสีส้ม SEAFCO กวาดฐานราก (ทันหุ้น)
ความเห็น : โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์ – มีนบุรี 1.27 แสนล้านบาท มีบริษัทที่ซื้อซองทั้งหมด 10 ราย คาดจะเป็นการแข่งขันระหว่าง กลุ่ม BEM+CK และ BTS+STEC+GULF+RATCH ในมุมมองของเรา กลุ่ม BEM+CK จะมีความได้เปรียบ จากทำให้สามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่า คงแนะนำ TRADING BUY ใน CK (เป้าหมาย 24 บาท) และ STEC (เป้าหมาย 20 บาท)
BGSR รอลุ้นข่าวดีกลางส.ค.นี้ เซ็นงาน O&M มอเตอร์เวย์ 2 สาย มูลค่า 39,138 ล้าน (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : กลุ่ม BTS-GULF-STEC-RATCH ซึ่งได้ยื่นข้อเสนอต่ำสุดในงาน O&M มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน – นครราชสีมา มูลค่า 21,329 ล้านบาท และ สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี มูลค่า 17,809 ล้านบาท ในเดือน ส.ค. ปี 2562 โดยต่ำกว่าราคากลางถึง 36% โครงการนี้มีงานก่อสร้างประมาณ 5-6 พันล้านบาท คาด STEC จะได้งาน เราคงแนะนำ TRADING BUY ใน STEC เป้าหมาย 20 บาท
ความเห็น : ยอดจองรถรวม 22,791 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ 18,381 คัน และ รถจักรยานยนต์ 4,410 คัน ต่ำกว่าเป้าหมาย 30,000 คัน และ ต่ำกว่าปีก่อนที่มียอดจองรวม 49,278 คัน เป็นออกเป็นรถยนต์ 37,769 คัน และ รถจักรยานยนต์ 5,343 คัน ปีนี้ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะประมาณ 6.5 แสนคัน ลดลงประมาณ 35% จากปีก่อนที่มียอดขายรถยนต์ 1 ล้านคัน เราคงให้น้ำหนักกลุ่มยานยนต์น้อยกว่าตลาด
JMT ส่งซิกไตรมาส 2 สวย เล็งซื้อหนี้เพิ่มปลาย Q3 โบรกฯฟันธงกำไร Q2 นิวไฮ 209 ล้านพุ่ง 40% (ข่าวหุ้น)
ความเห็น : เรายังชอบ JMT ที่เป็น Growth stock ที่ยังสร้างสถิติใหม่ของกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง 1Q < 2Q < 3Q < 4Q เราคาดยอดจัดเก็บเงินสดจะสามารถทรงตัวได้เทียบ QoQ สะท้อนการดำเนินงานแข็งแรงสุดในกลุ่ม เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 31.50 บาท
GFPT PCL (GFPT)
ราคาไก่และส่งออกลด กดดันกำไร 2Q63
Results Preview
ประเด็นการลงทุน
กำไร 2Q63 จะถูกกดดันจากราคาไก่และปริมาณส่งออกไก่ลดลงในช่วงล็อกดาวน์ แม้ราคาไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบันคาดว่าทำให้กำไรฟื้นตัวใน 3Q63 แต่ยังคงต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากการส่งออกยังไม่กลับสู่ระดับปกติจากกำลังการผลิตลดลง การปรับปรุงสายการผลิตจะทยอยเสร็จใน 1Q64-2Q64 เรายังคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท ประเมินด้วย PER 15.5 เท่า อิง +1 SD ของค่าเฉลีย PER ย้อนหลัง 5 ปี
คาดกำไร 2Q63 ลดลง 18% QoQ และ 22% YoY
ราคาไก่และราคาโครงไก่ลดลงไปค่อนข้างต่ำในช่วงล็อกดาวน์ที่ 28-31 บาท/กก. และ 8-9 บาท/กก. ตามลำดับ โดยเริ่มฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. อย่างไรก็ดี ราคาไก่เฉลี่ยใน 2Q63 ลดลง 10% QoQ และ 12% YoY เป็น 32 บาท/กก. อีกทั้งการส่งออกไก่ของ GFPT คาดว่าลดลง 32% YoY เป็น 6,300 ตัน เนื่องจากการล็อกดาวน์และกำลังการผลิตลดลงจากไฟไหม้โรงงานเมื่อเดือน ต.ค. 2562 แต่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 20 bps YoY เป็น14.1% จากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าทรงตัว YoY เนื่องจากกำไรของ GFN ที่น้อยลงจากราคาไก่ลดลง ถูกชดเชยด้วยกำไรของ McKey เพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เราจึงคาดว่า GFPT มีกำไรสุทธิ 267 ล้านบาท (-18% QoQ, -22% YoY)
แนวโน้ม 3Q63 ฟื้นตัว แต่ยังต่ำกว่าปีก่อน
ปัจจุบันราคาไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 34 บาท/กก. จากการบริโภคฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ รวมทั้งการที่ราคาหมูค่อนข้างสูงอาจทำให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคไก่แทนบางส่วน ขณะที่ราคา By product ฟื้นตัวขึ้นมาที่ 13-14 บาท/กก. อย่างไรก็ดี เราคาดว่าการเพิ่มขึ้นของราคาไก่ยังถูกจำกัดจาก Supply ที่ไม่ขาดแคลน และต้นทุนการเลี้ยงที่ต่ำ ทำให้ราคาไก่ในช่วง 2H63 ยังต่ำกว่า 2H62 ซึ่งอยู่ที่ 36-37 บาท/กก. ส่วนการส่งออกเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและจีนมีการเปิดเมืองมากขึ้น ทำให้คาดว่าปริมาณไก่ส่งออกจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ยังคงลดลง YoY เนื่องจากกำลังการผลิตลดลง
ปรับปรุงสายการผลิตเฟสแรก 1Q64 และเฟสสอง 2Q64
การติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อทดแทนสายการผลิต 2 ไลน์ที่เสียหายจากไฟไหม้ คาดว่าจะเสร็จปลายปีนี้ และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ใน 1Q64 อีกทั้งจะมีการเปลี่ยนสายการผลิตเดิมอีก 3 ไลน์ คาดจะเสร็จใน 2Q64 ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 50% เป็น 3,000 ตัน/เดือน เราประเมินว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัว 22% ในปี 2564
ความเสี่ยง: Oversupply ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม การส่งออกลดลง ขยายกำลังผลิตล่าช้า
Home Prod Ctr (HMPRO)
กำไร 2Q63 ลดลงแต่ดีกว่าที่คาด
Results Review
ผลประกอบการ 2Q63
กำไรสุทธิ 2Q63 ลดลง 26% QoQ และ 38% YoY เป็น 943 ล้านบาท ดีกว่าที่เราคาดจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรดีกว่าคาด กำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากการปิดสาขาส่วนใหญ่ในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ SSSG ติดลบประมาณ 17% ส่งผลให้ยอดขายลดลง 16% YoY เป็น 13,824 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 119bps YoY เป็น 23.8% จากยอดขายที่ลดลงและการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินค้าอัตรากำไรต่ำ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่รายได้ค่าเช่าลดลง 58% YoY จากการปิดพื้นที่เช่าและ Market Village รวมทั้งการให้ส่วนลดค่าเช่ากับผู้เช่าเมื่อสาขากลับมาเปิด
แนวโน้มผลประกอบการ
ผลประกอบการ 3Q63 จะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 2Q63 เนื่องจากสาขากลับมาเปิดตามปกติ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการปรับปรุงบ้านมากขึ้น โดย SSSG ในเดือน ก.ค. เป็นบวกเช่นเดียวกับเดือน มิ.ย. อีกทั้งงาน Home Pro Expo ซึ่งเลื่อนมาจากเดือน มี.ค. กลับมาจัดในวันที่ 24 ก.ค. – 2 ส.ค. เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และสินค้า House brand
คำแนะนำการลงทุน
กำไรสุทธิ 1H63 คิดเป็น 54% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ โดยแนวโน้มผลประกอบการ 2H63 ดีกว่า 1H63 จากการคลายล็อกดาวน์ และไฮซีซั่นในช่วงปลายปี ส่งผลให้กำไรปีนี้อาจดีกว่าประมาณของเราที่คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้เท่ากับ 4,105 ล้านบาท ลดลง 34% YoY และฟื้นตัว 52% เป็น 6,242 ล้านบาท ในปี 2564 แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย (DCF) 16 บาท
ความเสี่ยง
การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 เศรษฐกิจหดตัว
Siam City Cement (SCCC)
กำไร 2Q63 เด่นและมากกว่าคาด
Results Review
ผลประกอบการ 2Q63
SCCC ประกาศผลประกอบการ 2Q63 มีกำไรที่เด่น 1,024 ล้านบาท (+24%QoQ, +61%YoY) มากกว่าที่เราคาดหมายจะมีกำไรเท่ากับ 800 ล้านบาท แรงหนุนสำคัญจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงเหลือ 1,874 ล้านบาท (-24%QoQ, -27%YoY) จากการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง และ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการปิดซ่อมบำรุงเตา เช่นไตรมาสก่อนและปีก่อนซึ่งมีค่าใช้จ่าย 150-200 ล้านบาท และ ปีก่อนมีค่าใช้จ่ายตามกฏหมายแรงงานใหม่ 249 ล้านบาท นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดี 32.5% เท่าไตรมาสแรก และ ดีขึ้นจากปีก่อน 28.5% จากการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และ ต้นทุนพลังงานที่ลดลง ยอดขายในไตรมาสนี้ลดลงเหลือ 10,165 ล้านบาท (-8%QoQ, -15%YoY) โดยยอดขายของบริษัทในต่างประเทศ คือ เวียดนาม ศรีลังกา และ บังคลาเทศ ถูกกระทบจาก Covid-19 ส่วนยอดขายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น จากเดือน เม.ย. ไม่ได้หยุดยาวเช่นปีก่อน และ โครงการภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ในขณะที่ การก่อสร้างที่อยู่อาศัย และ อาคารพาณิชย์ ลดลง
แนวโน้มผลประกอบการ
Covid-19 ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในวงกว้าง และรุนแรง โดยในครึ่งปีหลังจะมีการปิดซ่อมบำรุงเตา 2 เตา จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 ล้านบาท บวกกับเป็นช่วงโลซีซั่นจะทำให้กำไรครึ่งปีหลังชะลอตัว กำไรครึ่งปีแรกมีสัดส่วนสูงถึง 62% ของประมาณการทั้งปี ทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์ เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม เราคาดปี 2563 จะมียอดขาย 42,834 ล้านบาท ลดลง 10%YoY และ มีกำไร 2,979 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 6%YoY ทั้งนี้ปี 2562 มีค่าใช้จ่ายพิเศษสูงถึง 500-700 ล้านบาท
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้น SCCC แม้ว่าจะปรับขึ้นจากจุดต่ำสุดกลางเดือน มี.ค. 38% แต่ยังปรับลดลงจากต้นปี 26%YTD ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่น่าสนใจคือ P/E 14 เท่า, EV/EBITDA 8.9 เท่า, P/BV 1.3 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.6% เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 เท่ากับ 180 บาท บนฐาน Average P/E = 18x
ความเสี่ยง
ต้นทุนพลังงาน / ธุรกิจปูนซีเมนต์ Over Supply / ความต้องการต่ำ / การแพร่ระบาดของ Covid-19 กระทบภาพรวม
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web