- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 29 July 2020 12:28
- Hits: 2140
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 29-7-2020
“ติดตามมาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐ-เฟด-GDP 2Q63”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : DELTA (จากถือเป็นซื้อ)
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันศุกร์ดิ่งแรง กังวลสหรัฐ-จีนขัดแย้ง ปิด -18.73 จุด ที่ 1340.92 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 46.5 พันลบ. ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆปัจจับลบคือความตึงเครียดสหรัฐ-จีน หลังจีนโต้ตอบปิดสถานกงสุลสหรัฐที่เฉิงตู ผู้ติดเชื้อสูง ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐสูงเกินคาด กังวลเศรษฐกิจโลกถดถอยลงส่วนไทยตัวเลขส่งออก มิ.ย.63 แย่กว่าคาด -23.2% ผู้ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิเพิ่ม 227 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ผันผวนเชิงลบ ต่างประเทศไม่สดใส ความไม่แน่นอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอผลประชุมเฟด GDP2Q น้ำมันลด ปัจจัยลบมีมากคือ ความขัดเย้ง 2 พรรคใหญ่สหรัฐว่าจะรวมเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องเรื่องหนี้สินหรือไม่ รอผลการประชุมเฟดแต่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ดัชนีความเชื่อมั่น ก.ค.ลดลงเป็น92.6 จุด GDP 2Q63 คาดว่าจะย่ำแย่มาก จากโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลกยังมาก ดาวโจนส์ -205 จุด ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดอีก 56 เซ็นต์ เข้าหาทองคำทำนิวไฮ ด้านไทยส่งออก มิ.ย. -23.2% เวียดนามกลับมาติดเชื้อรอบ 2 ดัชนีความกังวลไม่สูงที่ 25.4 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ รอรับต่ำ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1320-1360 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง ติดเชื้อรอบสองและการเมืองไทย แต่มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มส่งออกเมื่อบาทอ่อน- DELTA,HANA,KCE,CPF,TU หุ้นพลังงานช่วงนี้ผันผวน แต่แนะนำ ซื้อ-PTT,PTTEP,TOP,BGRIM.GPSC,BCP วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-SCC,TASCO,DRT หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSPหุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU,STI ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACT แต่ระยะสั้นระวังงบ 2Q63 ไม่ดี คือ BTS,CPALL,HMPRO,CK,VGI,PF อาจมีการเก็งกำไร กลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว สนามบิน AOT แนวรับคือ 1330-1310 จุด และ แนวต้าน 1350-1360 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1340 จุด ปัจจัยสำคัญและน่าติดตาม AMATA เพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม ลงทุนในเมียนมาร์ คงคำแนะนำ ซื้อ และ DELTA ประกาศงบ 2Q63 ดีกว่าคาดมาก แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ทางพื้นฐานกำลัง ทบทวน
# Stock Pick Today : PRIN เน้นบ้านแนวราบขายดี จ่ายคืนหุ้นกู้สำเร็จ ยอดขายและยอดโอนบ้านแนวราบดีขึ้อย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ เม.ย. มีแรงซื้ออั้นมาตั้งแต่โควิด-19 การเยี่ยมชมโครงการของลูกค้ามีมาก สถานการณ์คือรายได้ดีกว่าคาด แม้อัตรากำไรขั้นต้นจะหดลง ตามการแข่งขันในตลาดที่สูง ล่าสุดจ่ายหุ้นกู้ครบกำหนดชำระ 700ล้านบาทสำเร็จ คาดจะใช้ความได้เปรียบที่มีสินทรัพย์อยู่มากช่วยผ่านโควิด-19 ไปได้สำเร็จ ได้ประโยชน์จากการขายเพลินนารี่มอลล์ออกไป ราคาพื้นฐานเป็น 1.64 บาท(P/E 13 เท่า)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบ แต่อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆ ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(ถ้ามี) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1350 – 1360 (หรือ 1380) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1340” (แนวรับย่อย “1330 / 1310 – 1300” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : DELTA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 120.00)
KKP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 50.00)
Flash Note : AMATA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 20.00)
ANAN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 1.22)
ORI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.90)
OSP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 48.00)
PTTGC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 50.00)
In The News : โควิด-19 และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน
เศรษฐกิจต่างประเทศ
การเมืองสหรัฐ
ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน
เศรษฐกิจและการเมืองไทย & หุ้นเด่น
Turnover List Watch : NER-W1 CHAYO CHAYO-W1 ติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-สหรัฐ: มีความขัดแย้งระหว่างสองพรรคใหญ่ เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
# ตลาดได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ โดยนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยระบุว่า มาตรการฉบับใหม่นี้จะมุ่งเน้นในการช่วยเหลือเด็กๆให้กลับเข้าเรียนในโรงเรียนอีกครั้ง และช่วยเหลือพนักงานให้สามารถกลับเข้าทำงาน อีกทั้งปกป้องบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สิน
# อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตได้คัดค้านข้อเสนอการปกป้องบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สินในขณะที่นายแมคคอนเนลยืนกรานว่า เขาจะไม่ยื่นร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ต่อวุฒิสภาหากไม่รวมข้อเสนอดังกล่าวเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองพรรคยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวงเงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวเอาไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
- • สหรัฐ: ผลการประชุมคณะกรรมการเฟด แถลงวันนี้ คาดตรึงอัตราดอกเบี้ย
# นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธที่ 29 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 30 ก.ค.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่าเฟดจะยืนยันการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในช่วงหลายปีข้างหน้า
- สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.ค.ลดลง และต่ำกว่าคาด
# ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 92.6 ในเดือนก.ค. จากระดับ 98.3 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ94.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและในช่วง 6 เดือนข้างหน้า รวมถึงสถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
- สหรัฐ: ติดตาม GDP ไตรมาส 2 สหรัฐและผลประกอบการบ.ขนาดใหญ่
# นักลงทุนจับตาประมาณการเบื้องต้น GDP ไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะออกมาย่ำแย่ เพราะผลกระทบจากโรคโควิด-19รวมทั้งการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อิงค์, อเมซอนดอทคอม อัลฟาเบท และเฟซบุ๊ก
-โควิด-19: จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทั่วโลก ยังสูงมาก สหรัฐ อันดับ 1 เช่นเคย
# นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 16,672,136 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 657,262 ราย ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก โดยอยู่ที่ 4,433,410 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก โดยอยู่ที่ 150,448 ราย
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 205.49 จุด วิตกมาตรการกระตุ้นศก.ไม่คืบหน้า
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลงในเดือนก.ค. รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดร่วงลง
- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 56 เซนต์ วิตกโควิดฉุดดีมานด์น้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ
- • ทองคำ: แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนทองปิดบวก $13.6 ทำนิวไฮ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงในเดือนก.ค. อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐยังเป็นปัจจัยที่หนุนคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐประกาศสัปดาห์นี้
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pendinghome sales) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส2/2563 (ประมาณการเบื้องต้น),ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- ภาวะเศรษฐกิจไทย: มูลค่าส่งออกไทย มิ.ย.63 -23.17% มากกว่าพ.ค.ที่ -22.5% ชะลอตัวต่อเนื่อง
# กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย.63 ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากเดือน พ.ค. และถือว่าเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 131 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ค.52 อย่างไรก็ตาม แม้การส่งออกของไทยเดือน มิ.ย.จะมีอัตราการติดลบมากกว่าเดือน พ.ค. แต่แนวโน้มเริ่มดีขึ้นทั้งรายสินค้าและรายตลาดที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ เนื่องจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนและราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยต่อการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ประเมินแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 63 โดยยอมรับว่ามีโอกาสจะหดตัวได้ -8 ถึง -9%
# ผลกระทบ: เป็นไปในทางลบ ล่าสุดสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์ส่งออกในปีนี้หดตัว -10% จากเดิมหดตัว -8% เป็นการสะท้อนว่าแม้จะมีการคลายล็อกดาวน์ แต่เศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นเต็มที่ และมีความเสี่ยงจากการเกิดโควิด-19 รอบสองด้วย
-/• โควิด-19: ศบค. คาดกลุ่มประเทศเอเชียผ่านจุดสูงสุดกำลังลงมา แต่ยังต้องระวังติดเชื้อรอบสอง
# ศบค.ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ของโลกต้องรอคอยว่าเมื่อไหร่จะคงที่และเมื่อไหร่จะค่อยๆลดลงมา ถึงตอนนั้นก็จะแสดงถึงว่าการระบาดทั่วโลกจะมีสถานการณ์ดีขึ้น โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากๆก็จะเป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มหรือทิศทางการระบาดของโรค แต่เมื่อมาดูของกลุ่มประเทศเอเชียพบว่า ฟิลลิปปินส์ บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ซาอุดิอาราะเบียผ่านจุดที่สูงสุดไปแล้ว และกำลังจะลงมา ซึ่งเป็นระลอกแรกที่ขึ้นมา หลายประเทศก็กังวลว่าจะเกิดระลอกสองหรือไม่ โดยมีประเทศที่เกิดระลอกสองแล้ว ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อิสราเอล โครเอเชีย ขณะที่เด็กมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่มีโอกาสมาแพร่เชื้อให้ผู้ใหญ่ได้ และรถขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัดยังต้องระวังโดยเน้นระยะห่าง
-เวียดนาม: เริ่มกลับมาติดเชื้อรอบสอง ต้องติดตามว่าจะมี Second Wave รุนแรงมากไหม
# ในเวียดนามกลับมาพบผู้ติดเชื้อหลังจากที่ไม่มีผู้ติดเชื้อมานานเหมือนไทย ก็มีรายงานเป็นศูนย์มาตลอดหลายวัน แต่เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อ 1 ราย แล้ว 26 ก.ค.เพิ่มขึ้นอีก 3 ราย
# ผลกระทบ: ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงแรง คาดว่ามีการรับข่าวข้างต้น และต้องติดตามว่าจะมีการติดเชื้อรอบสอง(Second Wave) รุนแรงมากไหม เนื่องจากมีบจ.ไทยไปลงทุนอยู่มาก เช่น กลุ่มนิคมฯ มี AMATAV (มีบ.แม่คือ AMATA)และ WHA และยังมีอีกหลายบริษัท เช่น SCC, GULF,BGRIM,JWD (มีบ.ร่วมคือ TMS),AMA นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่สนใจจะไปลงทุนกำลังศึกษาอยู่หลายแห่ง เช่น RATCH และ TSE เป็นต้น
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web